
27ธ.ค.2567- จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการกฤษฎีการ่วม 3 คณะ มีมติด้วยเสียงข้างมากเห็นว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เนื่องจากตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ที่นายกิตติรัตน์ ได้รับการแต่งตั้งในสมัยรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากมีส่วนไปเกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบาย
จากการตรวจสอบบันทึกของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง ลักษณะต้องห้ามของประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากการชี้แจงของผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทยว่า ก่อนการได้รับการเสนอชื่อให้เป็นบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย นาย ก. เคยได้รับการแต่งตั้งและปฏิบัติหน้าที่เป็นรองประธานกรรมการในคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ ของพรรคการเมือง พ. และภายหลังจากที่ลาออกจากการดำรงตำแหน่งดังกล่าวเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566 นาย ก. ยังคงปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง พ. โดยการเยี่ยมชมภาคการเกษตรและโคนมในนามพรรคการเมือง พ. เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566
และภายหลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 234/2566 เรื่อง แต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2566 แล้ว นาย ก. ยังคงมีการปฏิบัติภารกิจและลงพื้นที่โดยสวมเสื้อที่มีสัญลักษณ์ของพรรคการเมือง พ. อยู่ เช่น การลงพื้นที่เพื่อติดตามภารกิจข้าวรักษ์โลก เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566
นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี นาย ก. มิได้มีหน้าที่และอำนาจเฉพาะแต่การให้คำปรึกษาเสนอความเห็น หรือข้อเสนอแนะตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายแต่เพียงอย่างเดียว แต่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการในลักษณะควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามนโยบายสำคัญด้วย
ดังเช่น การที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายและแต่งตั้งให้นาย ก. ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 316/2566 ซึ่งนโยบายการแก้ไขหนี้สินของประชาชนเป็นนโยบายที่พรรคการเมือง พ. ใช้ในการหาเสียง ตลอดจนเป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นแถลงต่อรัฐสภาด้วย
ดังนั้น ผู้ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 234/2566 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อยจึงถือได้ว่าเป็น "ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" เพราะได้รับการแต่งตั้งมาโดยเหตุผลและความสัมพันธ์ทางการเมืองและมีหน้าที่ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามนโยบายสำคัญของพรรคการเมืองและของรัฐบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เศรษฐา' ย้ำ 'มาริษ' ต้องฟ้องและประจานผู้นำเขมรให้โลกรู้ความชั่วร้าย!
นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบนเอ็กซ์
'อรรถกร' ฟุ้งปลุกผีนโยบายยุคเศรษฐาขับเคลื่อน กษ.
'อรรถกร' สานงาน กษ.ต่อ 'ธรรมนัส-นฤมล' ยกแนวนโยบายจากงาน IGNITE THAILAND สมัย 'เศรษฐา'
กมธ.กาสิโนสภาสูงอยากเชิญ 'เศรษฐา' มาให้ข้อมูลหลัง 'มาร์ค' รับปากแล้ว
'ปธ.กมธ.กาสิโน สว.' เผย 'นายกฯ' มอบ 'รมต.' แจง แต่ 'จุลพันธ์' ติดราชการ เลื่อนเป็น 5 มิ.ย.แทน คาดถกต่อจากคิว 'อภิสิทธิ์' ยันไม่มีการตั้งธง อยากให้ 'เศรษฐา' มา แต่ยังอยู่ระหว่างการติดต่อ
'วรเจตน์' ชำแหละ 'กฤษฎีกา' ประธานนั่งยาวไม่มีวาระ ก่อเกิดเครือข่ายอีลีทกฎหมาย อยู่เหนือรัฐบาล
เว็บไซต์ ประชาไท Prachatai.com เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของ ศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาส
คปท. โต้ 'กิตติรัตน์' สิ้นคิด! รู้มีบ่อนทั่วกรุง ทำไมไม่บอกนายกฯ-เจ้านายขี้โม้ปราบ
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ ที่ชุมนุมต่อต้านบ่อนกาสิโน โพสต์เฟซบุ๊กถึงนายกิตติรัตน์
'นิพิฏฐ์' บอกภาษีดูเหมือนเป็นของแสลงผู้นำพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ยุคพ่อถึงลูก
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “โกงภาษี หรือ บริหารภาษี?”


