16 ม.ค.2568 - ที่สำนักงานแพทยสภา ศ.ดร.นพ.อมร ลีลารัศมี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ แพทยสภา ที่ทำการสอบสวน-ตรวจสอบกรณีแพทย์รพ.ตำรวจ รักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ ฯ เพื่อวางแนวทางการสอบสวนเรื่องดังกล่าว โดยใช้เวลาประชุมเกือบสี่ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น
นพ.อมร กล่าวภายหลังการประชุมว่า อนุกรรมการสอบสวนฯ ได้มีการประชุมเพื่อวางแนวทางการสอบสวนและการตรวจสอบเอกสารทางการแพทย์ของรพ.ตำรวจ โดยในที่ประชุมได้มีการตรวจสอบเอกสารต่างๆ ที่รพ.ตำรวจส่งมาว่าได้ส่งมาครบถ้วนตามที่อนุกรรมการได้ส่งหนังสือถึงแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจให้ส่งมาหรือไม่ แต่รายละเอียดว่าส่งมาครบถ้วนหรือไม่ กำลังจะมีการตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่งแต่ก็พบว่าส่งมาแล้วหลายส่วน
นพ.อมร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการฯ ได้คุยกันว่า การสอบสวนของอนุกรรมการต่อจากนี้ จะทำอย่างเป็นความลับ ไม่อยากให้เป็นข่าวออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลออกมา จะได้ไม่เกิดการแทรกแซงการทำงานของอนุกรรมการสอบสวน
"ทางรพ.ตำรวจได้มีการส่งเวชระเบียนรักษาคนไข้ (นายทักษิณ) มาให้คณะอนุกรรมการตามที่แจ้งให้รพ.ตำรวจส่งมา โดยมีเวชระเบียนส่งมาด้วย แต่ก็ส่งมาบางส่วน ซึ่งอนุกรรมการจะมีการพิจารณากันต่อไปว่าเอกสารทางการแพทย์ที่ส่งมาครบถ้วนสมบูรณ์เพียงพอที่จะลงมติตัดสินได้เลยหรือไม่ หากเห็นว่าเอกสารทางการแพย์ที่รพ.ตำรวจส่งมาครบถ้วนเพียงพอ อนุกรรมการก็จะลงมติตัดสินเลย เรื่องจะได้จบเร็วๆ แต่หากไม่สมบูรณ์ครบถ้วน อนุกรรมการก็อาจต้องสอบสวนเพิ่มเติม อนุกรรมการก็ไม่อยากเปิดเผยความลับมาก เพราะหากเปิดเผยมาก คนรู้เรื่องมาก มันจะยุ่งกันไปหมด หลังจากนี้ อนุกรรมการจะมาตรวจดูเอกสาร
นอกจากนี้ พบว่า รพ.ตำรวจมีการส่งเอกสารใบรับรองแพทย์ที่ทำการรักษาตัวผู้ป่วยส่งมาให้อนุกรรมการเช่นกัน แต่เบื้องต้นอาจจะต้องมีการขอเอกสารเพิ่มเติมอีก และอนุกรรมการจะเรียกมาชี้แจงด้วย เพื่อให้ครบตามขั้นตอน ก็จะทำให้เสร็จเร็วที่สุด เพราะไม่อยากให้มันรั่วไหล แล้วโดนแทรกแซง โดนใครต่อใคร เท่าที่อนุกรรมการสอบสวนคุยกัน ก็อยากให้สอบสวนเสร็จทุกอย่างภายในไม่เกินเดือนมีนาคม แต่หากไม่เสร็จจริงๆ ก็อาจขยับเวลาออกไปเล็กน้อย อนุกรรมการจะพยายามเร่งเครื่องให้มันจบเร็วๆ" นพ.อมร ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมามีการเลือกตั้งกรรมการแพทยสภาชุดใหม่ที่มีวาระการทำหน้าที่สามปี คือปี 2568-2570 โดยผลปรากฏว่า นพ.อมร ได้รับความไว้วางใจจากบุคลากรสาธารณสุข-แพทย์ทั่วประเทศ เลือกให้เข้าไปเป็นกรรมการแพทยสภาชุดใหม่ด้วยคะแนนสูงจากผู้สมัครที่เป็นแพทย์-อาจารย์แพทย์ โดยนพ.อมร ได้คะแนน มาเป็นอันดับ 4 ด้วยคะแนน 4,503 คะแนน ส่วนคนที่ได้คะแนนมาอันดับหนึ่งคือ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ได้ 6,424 คะแนน โดยกรรมการแพทยสภา จะมีวาระการทำหน้าที่สามปี และเริ่มทำหน้าที่อย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 ก.พ.นี้ เป็นต้นไป
ที่น่าสนใจก็คือ กรรมการแพทยสภา ชุดใหม่ดังกล่าว จะต้องเป็นผู้ลงมติตัดสินผลการสอบสวนเรื่องรพ.ตำรวจด้วย หลังคณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจฯ ที่สอบสวนการทำงานของแพทย์รพ.ตำรวจ สรุปผลสอบสวนเสร็จสิ้นและทำความเห็นของอนุกรรมการส่งไปให้แพทยสภา ซึ่งจะต้องมีการพิจารณากันในที่ประชุมกรรมการแพทยสภาที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุขเป็นประธานโดยตำแหน่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ทักษิณ-อันวาร์' เฝ้าฯ หารือกษัตริย์บรูไน
นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย โพสต์ภาพขณะ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน
สว.อังคณา ถอนญัตติ 'ป่วยทิพย์ ชั้น 14'
'อังคณา' ถอนญัตติขอให้วุฒิสภาพิจารณาเรื่องสิทธิผู้ต้องขังได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียม หลังข้อมูลไม่เพียงพอ ยืนยันไม่กลัวถูกฟ้องร้อง พร้อมรอดูการพิจารณาของ ป.ป.ช.
กาสิโนสะดุด! แรงต้านภาคปชช.ขยายวง-กฤษฎีกาแก้ร่างฯเข้มขึ้น 'ทักษิณ' หาทางลง?
การผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกกันว่า “ร่างกฎหมายกาสิโน” โดยรัฐบาลเพื่อไทย กำลังเผชิญกับแรงเสียดทานที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มต่อต้านในภาคประชาชน
เหิมเกริม! ‘จตุพร’ ซัดพวกใช้อำนาจ กดดัน ‘เอกวิทย์’ กรรมการป.ป.ช. สละคุมสอบชั้น 14
ปูด ปปช. รับงานลูกไล่อำนาจ กดดัน ‘เอกวิทย์’ แรงถี่ให้สละคุมสำนวนทักษิณ ชั้น 14 หวั่นกลับ ตปท.ถอดใจลาออก ย้ำแนะฝ่ายค้านยื่นซักฟอกนายกฯ คนเดียว ติงพูดแบบตีระนาดไม่เกิดประโยชน์
ชี้ชะตา 'ตัวจี๊ดพรรคส้ม' อาจเป็นศึกซักฟอกครั้งสุดท้าย ล็อกเป้าทุบ 'กล่องดวงใจทักษิณ'
“จตุพร”ชี้ศึกซักฟอกรอบนี้ อาจเป็นครั้งสุดท้ายของแกนนำ-ส.ส.พรรคประชาชน หลังคดีความจ่อคอหอย ป.ป.ช.รอเชือดมีนาคม ย้ำยื่นอภิปราย”นายกอิ๊งค์”คนเดียว จบ ไม่ต้องเหวี่ยงแห
ดีลลับทักษิณ ยังอยู่หรือจบแล้ว? แนะล็อกเป้า นายกฯคนเดียว
หลังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ทำการตัดการจ่ายไฟไปที่เมียนมา เมื่อวันพุธที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ตามมติสภาความมั่นคงชาติ(สมช.) เพื่อสกัดการดำเนินธุรกิจของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ