
‘สภาน้ำเงิน’ ตั้งโต๊ะแถลงปม ‘ดีเอสไอ’ รับเรื่องสอบเลือกตั้ง สว. เป็นคดีพิเศษ ยันมาถูกต้องตามรธน.-กติกา กกต. จ่อล่าชื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซัดแรงเกมฉ้อฉลปลุกปั่นวิกฤตรธน.
21 ก.พ. 2568 – ที่โรงแรมสวนสนปฏิพัทธ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 พร้อมสมาชิกวุฒิสภา (สว.) แถลงข่าวกรณีมีกลุ่ม สว.สำรอง ยื่นเรื่องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีฮั้วเลือก สว.ปี 67 เป็นคดีพิเศษ
โดยนายมงคล กล่าวว่า เนื่องจากได้ติดตามข้อมูลข่าวสารมาโดยตลอด พบว่ามี สว. กลุ่มสำรองได้เตรียมเสนอเรื่องให้ดีเอสไอรับเรื่องราวเกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้ง สว. ปี 2567 ให้เป็นคดีพิเศษ จึงรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะมีอะไรที่ไม่น่าถูกต้อง เพราะอำนาจในการสอบสวนและตรวจสอบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ได้รับเรื่องไว้แล้ว อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ
ทั้งนี้ พวกตนในฐานะสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับการรับรองจาก กกต. ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ให้ความร่วมมือกับกกต.มาโดยตลอด ซึ่ง กกต. ได้ดำเนินการติดตามสอบสวนมาโดยตลอด ขณะเดียวกันพวกเราซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกเข้ามาอย่างถูกต้องตามเงื่อนไขตามระเบียบที่ กกต. กำหนดไว้ และทำหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภาอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ไปฝักใฝ่หรือไปเกี่ยวข้องกับผู้อื่นผู้ใด ขณะที่อยู่ดีๆ ท่ามกลางความขัดแย้งต่างๆ ก็มีข่าวนี้ขึ้นมา ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ สว.จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป หากเข้าข้อกฎหมายเรื่องใดมีความผิดปกติกับข้อกฎหมายเรื่องใดหรือเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใดหรือบุคคลใดที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อวุฒิสภาของเรา เราก็จะดำเนินการตามกฏหมายอย่างที่สุด
“สว. เข้ามาอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ตามเงื่อนไขและระเบียบที่ กกต.กำหนด และทำหน้าที่ของ สว. อย่างตรงไปตรงมา ไม่ฝักใฝ่หรือเกี่ยวข้องกับผู้ใด ซึ่งการตรวจสอบของ กกต. นั้นเป็นไปตามอำนาจและหน้าที่ของ กกต. ส่วนหน่วยงานที่ไม่ีอำนาจหน้าที่ที่ออกมาให้ข่าวนั้น ทำให้ สว. ต้องมาปกป้องสิทธิและศักดิ์ศรี” นายมงคล ระบุ
ด้าน พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. กล่าวว่า ได้ตรวจสอบในเรื่องข้อกฎหมายแล้วในเรื่องการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาที่ผ่านมา ซึ่งเราได้สมาชิกวุฒิสภาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และรัฐธรรมนูญยังกำหนดไว้ว่าให้เป็นอำนาจของ กกต.ในการพิจารณาในการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา แต่ทุกวันนี้มีข่าวที่ทำให้กระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในเรื่องของการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาจาก 20 กลุ่มอาชีพ ที่จะเข้ามาพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ
ฉะนั้น จึงอยากเรียนว่าขณะนี้มีการดำเนินการจากผู้ร้องเรียนที่ได้ไปยื่นเรื่องให้ดีเอสไอ ซึ่งยังไม่ทราบว่าอยู่ในขั้นตอนไหน แต่ที่จากการแถลงข่าวก็ทราบว่าอยู่ในขั้นตอนที่จะพิจารณาว่าจะรับเรื่องหรือไม่ แต่หากพูดตามขั้นตอนของกฎหมายนั้น การดำเนินการของภาครัฐต้องดำเนินการอยู่ในขอบเขตของอำนาจหน้าที่ ตราบใดที่หน่วยงานรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ยังไม่ได้มอบอำนาจหน้าที่จะมาพูดในลักษณะที่ทำให้สมาชิกวุฒิสภา โดยรวมเกิดความไม่เชื่อมั่นใน กกต.
จึงอยากฝากไปถึงผู้ที่อยู่เกี่ยวข้องในการรับเรื่องและดำเนินการ ไม่ว่าจะรับเรื่องจากหน่วยงานใดๆ ว่าการดำเนินการต่างๆ ต้องอยู่ในอำนาจหน้าที่ ทั้งนี้ จากการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมให้สัมภาษณ์ ก็พูดในลักษณะที่ทำให้สมาชิกวุฒิสภาเกิดความเสื่อมเสียในสังคม พูดอาจจะทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นและเสื่อมเสียของสมาชิกวุฒิสภาได้ ยืนยันว่าเราได้มาในรูปแบบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
“สว. ทุกคนมาโดยสุจริต โปร่งใส มาในการแข่งขันที่รัฐธรรมนูญกำหนด ส่วนข้อกล่าวหา อั้งยี่ ซ่องโจร เป็นการให้ข่าวที่ผิดไป ขณะนี้ได้เตรียมรวบรวมข้อมมูล และข้อกฎหมาย เพื่อแก้ข้อกล่าวหาให้กับ สว.ทั้งหมด“ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ระบุ
ขณะที่ พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ สว. กล่าวว่า ย้ำว่า สว. ปัจจุบันมาโดยรัฐธรรมนูญไม่ได้มาโดยสมาคมหรืออั้งยี่ ซึ่งข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นนั้นเกินเลยจากข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม สภา คณะรัฐมนตรี องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายเพื่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ การกล่าวหาว่าองค์กรของรัฐที่ใช้อำนาจนิติบัญญัติแทนประชาชนเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ คือ การใส่ความ
“มันผู้ใดก็ตามที่ใส่ความ สว. ทำให้เกิดดวามเสียหาย บั่นทอนความเชื่อมั่นในกระบวนการนิติบัญญัติคนที่ทำต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตนเองกระทำ ทั้งหน่วยงานของรัฐ ผู้บริหารบ้านเมือง ต้องรรับผิดชอบ ในการกระทำของตนเอง ส่วนผู้ร้อง ที่เคยเข้ากระบวนการคัดเลือกเป็น สว. แต่เข้ามาไม่ได้ กลับมากล่าวหาว่าเป็นกระบวนการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ต้องมองย้อนกลับไปว่า ท่านทำตามกติกาแต่ทำไม่ได้ ก็มากล่าวหาว่าไม่ชอบกฎหมายดังนั้นต้องรับผิดชอบ” พ.ต.อ.กอบ ระบุ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีกระบวนการจัดตั้ง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวิธีการฉ้อฉลเพื่อทำให้เกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้รัฐธรรมนูญที่ใช้ปัจจุบัน แก้ปัญหาวิกฤตรัฐธรรมนูญคือ ให้คนดีเข้ามาปกครองบ้านเมือง แต่กลับมีกระบวนการนี้กลับมาเพื่อทำให้เกิดวิกฤต ทำให้คนกระด้างกระเดื่อง ดังนั้น สว. ต้องอยู่เพื่อให้การดำรงอยู่ของกฎหมายเป็นไปอย่างผาสุข สงบเรียบร้อย ดังนั้นใครบังอาจที่บิดเบือน ฉ้อฉลต้องรับผิดชอบ
เมื่อถามว่า มองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่ พ.ต.อ.กอบ กล่าวว่า การใช้ข้อกฎหมายอ้างอิงเพื่อดำเนินคดีกับ สว. นั้นไม่ตรงกับข้อเท็จจริง คือ กลุ่มคนที่ทำ มี รมว.ยุติธรรมด้วย ดังนั้นมองได้ว่าเป็นเรื่องของเกมการเมือง โดยเฉพาะการกล่าวอ้างข้อกฎหมายว่ามาโดยไม่ชอบ คือ การใช้กฎหมายเพื่อสร้างปัญหาต่อการปกครองบ้านเมือง
“มีกลุ่มคนไม่สำนึก นำพา ไม่เคารพกติกา กฎเกณฑ์การปกครองบ้านเมืองเพื่อสร้างให้เกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญ การใช้กฎหมายยอาญามาตรา 116 อ้างว่ากลุ่มที่สมัคร สว.ที่รับรองจาก กกต. แล้ว ว่าไปยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบ ละเมิดกฎหมายบ้านเมือง หากมองโดยหลักของกฎหมายที่ถูกต้อง คนที่ทำเรื่องนี้ไม่ใช่ สว. แต่คนที่ทำคือ คนที่กล่าวหานำเรื่องไปสู่ดีเอสไอ คือ คนที่ขัดขวางความมั่นคง บั่นทอนระบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย” พ.ต.อ.กอบ ระบุ
พ.ต.อ.กอบ กล่าวด้วยว่า กรณีที่ดีเอสไอ หรือ รมว.ยุติธรรม กล่าวอ้างนั้นถือเป็นการบิดเบือน ฉ้อฉลอำนาจตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในบ้านเมือง เพราะจะเกิดปัญหารอบด้าน เช่น กรณีปัญหาที่รัฐมนตรีจะแก้ไขมีจำนวนมาก แต่กลับทำกระบวนการที่บั่นทอนฝ่ายนิติบัญญัติ
“รัฐสภาเป็นองค์กรใช้กฎหมายนิติบัญญัติแทนประชาชน จะมายุแยง ยั่วยุ ปลุกปั่นประชาชนให้ปั่นป่วนและกล่าวหาฝ่ายนิติบัญญัติ แสดงว่าบ้านเมืองนี้ไม่มีการปกครองโดยใช้กฎหมาย เมื่อไม่มีการปกครองโดยกฎหมายจะใช้หลักอะไรในการบริหารประเทศ อยากรู้จะแก้ปัญหารอบด้านชายแดนอย่างไร จะให้ต่างชาติมาชี้นำแก้ปัญหาให้ กรณีมีคนต่างด้าวที่มาทำผิดกฎหมายในประเทศ จู่ๆ ก็สั่นคลอนในกระบวนการยุติธรรมและยกฟ้องคดีสำคัญ เช่น คดีตู้ห่าว ที่เป็นตัวอย่างเล็กๆที่ใช้อำนาจทุจริตในเชิงประจักษ์” พ.ต.อ.กอบ ระบุ
พ.ต.อ.กอบ กล่าวว่า เป็นการกระทำที่ปกติวิสัยฉ้อฉล บิดเบือนกฎหมายและกระบวนการครั้งนี้กลับมาอีกครั้ง เพื่อแกัไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่แก้ปัญหาไปแล้วด้วยการกำหนดให้คนที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์เข้ามาปกครองบ้านเมือง ประชาชนต้องมมีหน้าที่ช่วยปกป้องและรับใช้เพื่อให้บ้านเมืองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมถึงให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง ตอนนี้ประชาชนสับสนเพราะมีการยุยงปลุกปั่น โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือบิดเบือนอำนาจ ทั้งนี้ไม่อยากระบุบุคคล แต่สิ่งที่ปรากฎตามสื่อ กระบวนการนี้กำเริบเสิบสานมาอีก ไม่ให้ใช้อำนาจนิติบัญญัติที่เรียบร้อย ให้ทำบ้านเมืองวุ่นวายและจะเป็นวิกฤตรัฐธรรมูญเพื่อให้กระบวนการนี้กลับมา การที่ สว. ทำงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ให้ประชาชน ตามหน้าที่และอำนาจที่รัฐธรรมนูญกำหนด
“คนที่จะถูกตรวจสอบ คือคนที่ไม่มีหน้าที่ แต่กลับก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองจะเป็นคนที่ต้องถูกดำเนินคดี และตรวจสอบว่ามาอย่างไรมีองค์กรใดอยู่เบื้องหลังที่ทำให้เกิดความปั่นป่วน” พ.ต.อ.กอบ ระบุ
พล.อ.เกรียงไกร กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องดังกล่าวโยงอยู่กับกระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้น ความพยายามบางอย่างมองว่าไม่ค่อยปกติ ฉะนั้น จากนี้ไปสมาชิกวุฒิสภาจำนวนหนึ่ง จะใช้กระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกันในการกล่าวโทษดำเนินคดีในประเด็นต่างๆ และจะลงชื่อกันอภิปรายไว้วางใจผู้บริหารที่เกี่ยวข้องในประเด็นนี้ต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
งานประจำ สว.สำรอง! ตามบี้คดีฮั้วเลือกตั้ง
'สว.สำรอง' บุก กกต. ขอคุยผู้บริหาร ทวงถามความคืบหน้าทุจริตเลือกสว.ระดับประเทศ เหน็บ กกต.ไม่มีฝ่ายประชาสัมพันธ์ เน้นโปรโมทตโปรโมทตัวเอง ส่วนเรื่องที่ถามเงียบกริบ
'ดีเอสไอ' หิ้ว 3 นอมินี บ.ไชน่าเรลเวย์ฯ ฝากขัง ก่อนศาลให้ประกันคนละ 3 แสน
พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ควบคุมตัวนายประจวบ ศิริเขตร นายมานัส ศรีอนันท์ และนายโสภณ มีชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาในคดีที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ ของคนต่างด้าว
'ดีเอสไอ' เค้นสอบนาน 10 ชั่วโมง 3 คนไทย 'นอมินี' ถือหุ้น บ.ไชน่าเรลเวย์ฯ
“ดีเอสไอ" หิ้ว ”3 นอมินีคนไทย บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ” ฝากขังศาลอาญา หลังสอบเดือด 10 ชม. ทั้งหมดล้วนปัดความร่วมมือให้ปากคำ บางช่วงบางตอนงงคำถาม ต้องให้ทนายช่วยอธิบาย ขณะที่ “โสภณ มีชัย“ ผู้ถือหุ้น บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ กว่า
ระทึก! 'ทวี' เผยคดีฟอกเงิน 'ฮั้วเลือกสว.' คืบหน้ามาก คาด DSI สรุปสำนวนจะส่งฟ้อง จับกุม หรือไม่สิ้นเดือนนี้
ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.)ในส่วนของคดีฟอกเงิน ที่อ
ไชน่าฯอ้างรัฐบาลจีน ส่งมาลงทุนจ่าย120ล.เยียวยา ศาลให้ประกัน‘ชวนหลิง จาง’
“ดีเอสไอ” คุมตัว “ชวนหลิง จาง” ฝากขังผัดแรก ไม่คัดค้านประกันเหตุจำคุกแค่ 3 ปี
เปิดพฤติการณ์ 3 คนไทย 'นอมินี' บ.ไชน่าเรลเวย์ฯ พบเป็นอดีตคนขับรถ-ยกของ
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก น.ส.เนรัญชรา กอมะณี พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำตัวนายชวนหลิง จาง อายุ 42 ปี ชาวจีน ผู้ต้องหาในข้อหา