
1 เม.ย.2568- ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุมว่าเมื่อวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา จากสถานการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลให้หลายพื้นที่ในประเทศไทยได้รับผลกระทบทำให้สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือ และกรุงเทพมหานคร ขอสั่งการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงาน และระดมทุกสรรพกำลัง จากทั้งภาครัฐ เอกชน และอาสาสมัครในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าว และรัฐบาลขอขอบคุณจากใจในทุกภาคส่วนถึงความเสียสละของทุก ๆ ท่านที่ร่วมมือกันจนสถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว แต่เพื่อเป็นการป้องกัน การเตรียมรับมือและมีมาตรการที่ชัดเจนในการรับมือ อุบัติภัย ภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ ทุกประเภท ทั้ง อุทกภัย สึนามิ ไฟป่า รวมถึงแผ่นดินไหว โดยขอสั่งการดังต่อไปนี้
นายจิรายุ กล่าวว่า นายกฯสั่งว่า 1. ให้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการจัดทำแผนและมาตรการในการป้องกันภัยพิบัติต่าง ๆโดยมีการแบ่งหน้าที่ และขั้นตอนต่าง ๆ อย่างชัดเจน (Flowchart) เพื่อให้เกิดความเข้าใจกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับมาเสนอภายในสิ้นเดือนนี้ และขอให้ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หามาตรการในการประสานงานกับทางกระทรวง ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กรมอุตุนิยมวิทยา และ กสทช. ในการส่งข้อความเตือนภัยที่ชัดเจน และรวดเร็วมากขึ้นให้มีการใช้ระบบ Virtual cell broadcast กับอุปกรณ์โทรศัพท์ทุกรูปแบบ
ทั้งนี้ ระหว่างการรอระบบ Cell broadcast ที่จะเสร็จสมบูรณ์ในเดือน กรกฎาคมนี้ เพื่อให้ระบบสื่อสารเตือนภัยมีประสิทธิภาพสูงสุด ในการเตือนภัยแก่สาธารณชนในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งจากภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว น้ำท่วม ดินถล่ม อุบัติเหตุ อุบัติภัยต่าง ๆ เช่น ไฟไหม้ อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นต้น แม้กระทั่งการรุกรานจาก cyber crime โดยให้ศึกษาในประเทศต่าง ๆ ที่มีบทเรียนที่ดีในเรื่องภัยพิบัติต่าง ๆ และให้ทางกรมโยธาธิการฯ เร่งออกมาตรการ ข้อกำหนดในการตรวจสอบอาคารสูงทุกอาคาร เพื่อให้ได้มาตรฐาน โดยร่วมมือกับทาง กทม. และสมาคมที่เกี่ยวข้อง และภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญ และ ควรจะกำหนดเกณฑ์มาตรฐานและออกใบรับรองมาตรฐานอาคาร เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนและนักท่องเที่ยว
นายจิรายุ กล่าวว่า นายกฯสั่งการอีกว่า 2. ให้ กระทรวงการต่างประเทศ เร่งปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศ ที่มีความพร้อมในระบบเตือนภัย เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป นิวซีแลนด์ และ อิสราเอล โดยประสานผ่านสถานทูต เพื่อเชิญมาประชุมกับผู้ที่เกี่ยวข้องของประเทศไทย เพื่อกำหนดแนวทางปฎิบัติสำหรับประเทศไทยให้เร็วที่สุด 3. ให้กระทรวงสาธารณสุข วางแผนในการเตรียมการรับมือทั้งแพทย์ฉุกเฉิน เตียงสนามให้เพียงพอ รวมถึงจิตแพทย์ที่จะดูแลฟื้นฟูผู้ที่รับผลกระทบ 4.กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้ เร่งสื่อสารกับนักท่องเที่ยว หรือชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทย ให้ได้รับข้อความเตือนภัย และแผนรับมือกับเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน
นายจิรายุ กล่าวว่า นายกฯสั่งการอีกว่า 5.ให้กระทรวงทรัพยากรฯระดมนักวิชาการทางด้านธรณีวิทยา เพื่อรวบรวมข้อมูลและจัดทำข้อเสนอแนะในมาตรการรับมือที่ถูกต้อง และป้องกันภัยได้อย่างรัดกุมที่สุด รวมถึงการตรวจระบบอุปกรณ์เตือนภัยต่าง ๆ ที่เคยมีอยู่ ให้สามารถใช้งานได้อย่างปกติ เช่น ระบบเตือนภัยสึนามิ ตลอดจนการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้มากยิ่งขึ้น 6. ให้กระทรวงศึกษาธิการ เร่งเพิ่มเติมหลักสูตร และแผนการรับมือภัยธรรมชาติ ในทุกรูปแบบให้กับนักเรียน นักศึกษาทุกระดับ 7.ให้กระทรวงคมนาคม เร่งตรวจสอบเส้นทางคมนาคม ทุกมิติให้มีความพร้อมในการให้บริการกับประชาชน รวมถึงตรวจสอบงานก่อสร้างขนาดใหญ่ให้ได้มาตรฐาน สามารถรองรับภัยธรรมชาติต่าง ๆ ได้
นายจิรายุ กล่าวว่า 8. ให้สำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมมือกับ ปภ. เร่งสรุปมาตรการในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวโดยเร็ว ตามที่กฎหมายกำหนด และ ให้กรมประชาสัมพันธ์เป็นศูนย์กลางในการกระจายข่าวสารที่ถูกต้อง อย่างทั่วถึงรวมทั้งกระจายไปยังช่องทางต่างๆให้ครบถ้วนทั้งสถานีวิทยุ โทรทัศน์ และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook หรือ LINE รวมทั้งให้ประสานขอความร่วมมือกับ เอกชน ที่มีป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ที่สามาารถขึ้นภาพได้ทันที เพื่อให้เกิดการประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึง
นายจิรายุ กล่าวต่ออีกว่า นายกฯได้สั่งการให้คณะกรรมการสืบหาต้นเหตุของตึกก่อสร้าง สตง.ถล่มในครั้งนี้ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานให้เร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริงภายใน 7วัน หากมีความผิดต้องดำเนินการตามกฏหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป อาคารก่อสร้างถล่มครั้งนี้ ต้องหาสาเหตุ และ หาผู้รับผิดชอบให้ได้ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะอยู่ยาก ต้องมีผู้รับผิดชอบเพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาวต่อไป
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้สอบถามในแต่ละกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้รายงาน ต่อ ครม.ว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ได้รับเป็นคดีพิเศษเพื่อติดตามตรวจสอบการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวที่พบว่ามี นอมินี มากถึง 17 บริษัท
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวรับงานส่วนราชการไปทั้งหมด 11 งาน 10 งานอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ส่วนงานที่แล้วเสร็จเป็นอาคารเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งจะเข้าดำเนินการตรวจสอบต่อไป ขณะที่ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม รายงานว่า ผลของการตรวจสอบเหล็กพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานโดยจะส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวน เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สองศาล สองจังหวะ 'ยึดทรัพย์-บังคับโทษ' กับการเมืองใต้ร่มอำนาจตระกูลชินฯ
แม้การเมืองไทยจะเปลี่ยนผ่านรัฐประหารและการเลือกตั้งมาหลายรอบ
เอฟเฟกต์'แจกเงินหมื่น' ฉุดเชื่อมั่น'พท.'ดิ่งเหว
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการ “แจกเงินหมื่น” ในเฟสที่ 3 ให้กลุ่มวัยรุ่น ที่รอบนี้จะเป็นการเติมเงินลงไปในรูปแบบดิจิทัลวอลเล็ต ต้องชะลอออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด หลังรัฐบาลเคาะแจกในกลุ่มดังกล่าวไปแล้ว แต่ได้ทอดเวลามาเนิ่นนานไม่มีการอนุมัติเม็ดเงิน ท่ามกลางเสียงวิจารณ์อนาคตเงินหมื่นเฟส 3 ต้องล่มแน่ๆ
เมียนมาแผ่นดินไหวขนาด 2.9
กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยาได้รายงานสถานการณ์แผ่นดินไหว
เปิดข้อสั่งการนายกฯ ช่วยเหลือชาวสวนผลไม้ ปราบพนันออนไลน์ ยาเสพติด แก้ปัญหาช้างป่า
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการสำคัญในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดังนี้ รัฐบาลได้รับข้อร้องเรียนจากภาคเอกชนว่า ขณะนี้มีความพยายามลักลอบน้ำเข้าสินค้าปูน
แล้วใครจะรู้! รมว.คลัง บอกไม่ทราบ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบตั๋ว PN นายกฯ
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งผู้ส่งคุณวุฒิ สัดส่วนกระทรวงการ
'นิพิฏฐ์' เรียกร้อง 'อุ๊งอิ๊ง' ลงมาดูปัญหาพระด้วยตัวเอง แต่กังวลไม่รู้เข้าวัดปีละกี่หน หวั่นจะสิ้นชาติ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง หลายสมัย โพสต์ข้อความหัวข้อ ท่านนายกรัฐมนตรีอย่าทำให้สิ้นศาสนา ระบุรายละเอียดว่าผมไม่เคยวิ