กาสิโนใต้เงาทักษิณ! โหวตนี้ 'ภูมิใจไทย-รทสช.' จะขบถหรือจงรัก?

ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของสภาในวันที่ 9 เมษายน กลายเป็นจุดวัดใจทางการเมืองที่ลึกกว่ารายละเอียดในร่างกฎหมาย มันคือสนามทดสอบความสัมพันธ์ภายในรัฐบาลที่กำลังหมุนรอบอำนาจที่ไม่ปรากฏบนเวที

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ส่งสัญญาณไปยังแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ว่าควรโหวตรับร่างกฎหมายฉบับนี้โดยพร้อมเพรียง หากพบว่าพรรคใด “แตกแถว” อาจมีการพิจารณาให้ออกจากรัฐบาลได้ทันที

แม้ไม่ได้มีการประกาศหรือสื่อสารอย่างเป็นทางการ แต่ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ตอกย้ำภาพว่า ทักษิณยังคงเป็นศูนย์กลางของอำนาจในรัฐบาลชุดนี้ จนถูกขนานนามว่าเป็น “พ่อนายก” หรือผู้อยู่เบื้องหลังการกำหนดทิศทางสำคัญแทบทุกเรื่อง แม้จะไม่มีตำแหน่งใดในทางราชการ

แต่สิ่งที่ทำให้ร่างกฎหมายนี้ไม่ธรรมดา คือหัวใจที่ชื่อว่า “กาสิโน” เพราะเนื้อหาภายใต้ชื่อทางการว่าธุรกิจบันเทิงครบวงจรนั้น คือการปูทางให้คาสิโนถูกกฎหมายเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย

ในจังหวะที่การเมืองเปราะบาง พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต้องเลือกทางเดินของตัวเอง ว่าจะเดินตามเสียงสั่งจากศูนย์กลาง หรือจะกล้าเดินบนหลักคิดของตัวเอง และในหมู่พรรคร่วมทั้งหมด ไม่มีใครถูกจับตามากเท่ากับ “ภูมิใจไทย” และ “รวมไทยสร้างชาติ”

ภูมิใจไทยของอนุทิน ชาญวีรกูล ถือครองสถานะพรรคอันดับ 2 ของรัฐบาล เสียงของพรรคสามารถชี้ขาดชะตากฎหมายในสภาได้ และที่สำคัญ ฐานเสียงของพรรคกระจายอยู่ในต่างจังหวัด ที่ยังไวต่อประเด็นศีลธรรม วัฒนธรรม และศาสนา

กาสิโนจึงเป็นคำที่อ่อนไหว แม้ไม่ปรากฏชัดในชื่อร่างกฎหมาย แต่ทุกคนรู้ว่ามันคือแก่นหลักของสิ่งที่กำลังถูกผลักดัน พรรคที่มีภาพลักษณ์เป็นกลางจึงต้องเลือกระหว่าง “จงรัก” ตามกระแสบีบบังคับจากเบื้องบน หรือ “ขบถ” ด้วยการไม่ยกมือ

ขณะที่รวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ภายใต้การนำของพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และมี บิ๊กตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแบ็คอัพ ก็ถูกท้าทายด้วยโจทย์ไม่ต่างกัน พรรคที่วางตัวเป็นสาย อนุรักษ์นิยม ยึดหลักวัฒนธรรม จารีต และคุณธรรม กำลังถูกบีบให้ยกมือรับ “กฎหมายกาสิโน” ซึ่งอาจขัดกับจุดยืนของตัวเองโดยตรง

ทั้งสองพรรคจึงเผชิญสถานการณ์ที่เสียงโหวตของตนกลายเป็นการแสดงจุดยืนต่ออำนาจ ว่าจะอยู่ภายใต้เงาทักษิณ หรือจะกล้าผละออกมาแม้ต้องแลกด้วยตำแหน่งในรัฐบาล

พรรคประชาชาติอาจแสดงท่าทีชัดเจนไปแล้ว ไม่เห็นด้วย และมีเหตุผลทางศาสนารองรับ แต่ภูมิใจไทยและรวมไทยสร้างชาติไม่มีพื้นที่ปลอดภัยแบบเดียวกัน ทุกการตัดสินใจจะมีราคาทางการเมือง

เสียงเงียบของทั้งสองพรรคในช่วงนี้ ไม่ได้แปลว่าไม่มีจุดยืน แต่มันสะท้อนความลังเลที่ลึกถึงแก่น เพราะโหวตในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องกาสิโน แต่คือเรื่องของพรรคจะยอมเป็น “เครื่องจักรอำนาจ” หรือยังเป็น “องค์กรการเมือง” ที่ยึดหลักการและแนวคิดของตัวเอง

ตรงข้ามกับความนิ่งของสองพรรคใหญ่ พรรคประชาชาติกลับแสดงจุดยืนชัดเจนผ่านหัวหน้าพรรคและ สส. อย่างซูการ์โน ที่ย้ำว่ากฎหมายฉบับนี้มีปัญหาทั้งด้านศีลธรรม ความเสี่ยงต่อเยาวชน และการทุจริตในเชิงโครงสร้าง

เกมในสภาครั้งนี้จึงชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ว่าไม่ใช่แค่เรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจกลางคืนหรือส่งออก Soft Power แต่คือการทดสอบว่าในรัฐบาลนี้ ใครคือ “พรรคร่วม” ที่แท้จริง และใครเป็นเพียง “ผู้ตามคำสั่ง”

 หากภูมิใจไทยและรวมไทยสร้างชาติโหวตรับร่างกฎหมายฉบับนี้ ก็จะสะท้อนชัดเจนว่าเงาทักษิณยังควบคุมสมดุลพรรคร่วมได้ทั้งหมด แต่ถ้ากล้า “ขบถ” ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโครงสร้างรัฐบาลในระยะต่อไป

นี่คือโหวตที่เสียงในสภาจะบอกมากกว่าเพียง “เห็นชอบ” หรือ “ไม่เห็นชอบ” แต่คือการบอกว่าอำนาจในรัฐบาลนี้อยู่ที่ไหน และพรรคใหญ่ในรัฐบาลยอมยืนอยู่ใต้เงานั้นต่อไปหรือไม่

สุดท้ายแล้ว ร่างกฎหมายกาสิโนจะผ่านหรือไม่อาจไม่สำคัญเท่ากับคำถามว่า ประเทศนี้ยังมีพรรคการเมืองที่คิดเอง พูดเอง และโหวตเองอยู่หรือเปล่า?

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยอมติดคุกเพื่อลูก: ศึกสุดท้ายของทักษิณ หรือจุดเริ่มอนาคตเพื่อไทย

13 มิถุนายนนี้ อาจไม่ใช่วันพิพากษาใหม่ของทักษิณ แต่มันคือวันแรกที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะไต่สวนว่า ได้มีการบังคับโทษตามคำพิพากษาเดิมเกิดขึ้นจริงหรือไม่

ฝันกลางวัน! ‘อนุทิน’ งง ’ณฐพร’ ยื่นยุบ ‘ภูมิใจไทย’ กล่าวหาล้มล้างการปกครอง

อนุทิน บอก ไม่รู้จัก ณฐพร หลังยื่นยุบภท.ยันไม่ได้ทำผิด ลั่น เรื่องไร้สาระ เย้ยฝันกลางวัน กล่าวหาภท.ล้มล้างฯ ย้ำ บิ๊กเกรียงแจงกกต.ไม่เกี่ยวกัน เพื่อนก็เพื่อน

‘ดิเรกฤทธิ์’ ปลุก ปชช.ได้เวลาช่วยกันสร้างประชาธิปไตยสุจริต-ยุติธรรมสีขาว

ทุกคนมีมือถือและช่องทางการมีส่วนร่วมตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ทำให้มีประชาธิปไตยสุจริต และความยุติธรรมสีขาวได้แล้ว