หลังสงกรานต์ ปี 2568 การเมืองไทยเดินเข้าสู่ช่วงพักหายใจระหว่างสมัยประชุมสภาแต่ในความเงียบ กลับมีแรงกระเพื่อมจาก ร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ที่ถูกบรรจุไว้ถึง 4 ฉบับ บนโต๊ะสภา
นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ แต่คือการเปิดศึกว่าด้วย “การจัดการอดีต” และเป็นบททดสอบว่า รัฐบาลที่อ้างว่าต้องการสันติ จะเลือกความจริง หรือความเป็นไปได้ทางการเมือง
ฉบับแรก ที่เป็นที่จับตา คือ ร่างนิรโทษกรรมประชาชน เสนอโดยกลุ่มภาคประชาชนซึ่งเรียกร้องให้ยกเว้นความผิดแก่ผู้ต้องหาทางการเมืองทุกคน ตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 เป็นต้นมา
ร่างนี้ครอบคลุมคดีหลากหลาย ตั้งแต่ คดี 112 คดีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.คดีศาลทหาร ไปจนถึงคดีจากการชุมนุมในทศวรรษที่ผ่านมา
ในเชิงอุดมคติ นี่อาจคือร่างที่ “ก้าวหน้า” และจริงใจต่อการเยียวยาความขัดแย้งที่สุดแต่ในทางการเมือง มันกำลังกลายเป็น กับดัก ที่อาจทำให้ “ใครก็ไม่ได้รับการเยียวยาเลยสักคน”
เพราะทันทีที่ร่างนี้รวม มาตรา 112 เข้าไปในหมวดคดีที่ต้องได้รับการนิรโทษกระแสต่อต้านจากองคาพยพรัฐ และกลุ่มอนุรักษนิยม ก็พร้อมจะพุ่งชนอย่างรุนแรง
คดี 112 ไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย แต่มันคือ “เส้นแดง” ทางการเมือง ที่แม้แต่รัฐบาลจากฝ่ายไหนก็ไม่กล้าแตะตรงๆ ในเวลานี้
เพราะ เส้นแดงในบริบทไทย คือขอบเขตที่รัฐ–กองทัพ จะไม่ยอมให้ใครล้ำเข้าไป ไม่ว่าจะในนามของสิทธิเสรีภาพหรือการปรองดอง หากใครก้าวข้าม - สิ่งที่ตามมาไม่ใช่แค่การโต้แย้ง แต่คือกลไกตอบโต้ที่พร้อมใช้ทุกวิถีทาง
หากร่างดังกล่าวถูกผลักดันในสภา แล้วเกิดการ คว่ำกลางสมัยประชุม ผลที่ตามมาอาจไม่ใช่แค่การ “ตกไปหนึ่งฉบับ” แต่หมายถึง การพังครืนของกระบวนการปรองดองทั้งหมด
เพราะคนที่ถูกคดี จากการพูดบนเวที หรือคนที่ต้องโทษเพราะการรวมตัวโดยสงบ อาจ พลอยไม่ได้รับนิรโทษไปด้วย
การรวมทุกคดีไว้ในฉบับเดียว ไม่ใช่สัญลักษณ์ของความกล้าหาญ แต่เป็น ความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ ที่ฝ่ายเคลื่อนไหวต้องทบทวนอย่างจริงจัง
ในอีกฟากหนึ่งของสมรภูมิสภา คือ ร่าง “สร้างเสริมสังคมสันติสุข” ที่เสนอโดยสมาชิกรัฐสภาหลายคน และมีเนื้อหานุ่มนวลกว่าอย่างมีนัยยะ
แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ ม.112 อย่างชัดเจนแต่ก็เปิดช่องให้ การนิรโทษกรรมบางกลุ่ม สามารถเดินหน้าได้โดยไม่กระทบเส้นแดงทางการเมือง
ร่างนี้ถูกมองว่า “ไม่สุด” หรือ “ไม่ถึงฝั่งฝัน” แต่ในบริบทของประเทศไทย มันคือร่างที่มีโอกาสผ่านสภามากที่สุด
นักโทษการเมืองที่ไม่เกี่ยวกับสถาบัน ควรได้รับอิสรภาพโดยไม่ต้องแบกภาระของประเด็นที่รัฐจะไม่มีวันยอม และ ร่าง “สันติสุข” จึงเป็นประตูบานเดียวที่อาจเปิดได้จริง
ฝ่ายการเมืองที่ผลักดันร่างต้องตัดสินใจให้ชัดว่าในเวลานี้ จะยอมแลกทุกอย่างเพื่ออุดมคติ หรือ จะเลือกเจรจาเพื่อให้ได้บางอย่างกลับมา
เพราะถ้าปล่อยให้ทั้ง 4 ฉบับล้มเหลวผลลัพธ์จะไม่ใช่แค่การ “ไม่เยียวยา” แต่จะคือ การตอกย้ำว่าไม่มีใครในระบบยอมรับอดีตของประชาชนเลย
แม้แต่การตั้ง “คณะกรรมการพิจารณานิรโทษกรรม” ซึ่งอยู่ในร่างฉบับประชาชนก็จะถูกตีความว่าเป็น “กลไกแอบแฝง” เพื่อปลดชนวนให้กลุ่มต้องหาคดีร้ายแรงมากกว่าจะถูกมองว่าเป็นทางออกของความขัดแย้ง
นี่จึงไม่ใช่เพียงการถกเถียงเรื่อง “สมควรหรือไม่” แต่คือการวัดพลังของ อำนาจต่อรองเชิงโครงสร้าง ระหว่างรัฐ กับฝ่ายเคลื่อนไหวประชาธิปไตย
ฝ่ายที่อยาก ปลดล็อกอดีต ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่ทุกคดีจะปลดล็อกได้พร้อมกัน และ การเปิดบานหนึ่ง อาจต้องยอมปิดอีกบานหนึ่งไว้ก่อน
การแยกคดี 112 ออกจากร่างนิรโทษกรรม จึงไม่ใช่การละทิ้งเพื่อน แต่คือการ กันไม่ให้ความหวังของคนส่วนใหญ่ พังไปพร้อมความเป็นไปไม่ได้ของบางคดี
นี่คือเหตุผลที่เราต้อง กล้าเลือก “บางคน” เพื่อให้ “หลายคน” รอด ต้องกล้ายอมรับว่า ในบางเงื่อนไขของรัฐวันนี้ การไม่เลือกใครบางคนคือทางเดียวที่จะทำให้ คนอีกจำนวนมาก ได้รับอิสรภาพจริง
ขบวนการเคลื่อนไหวต้องเลือกว่าจะ รักษาอุดมการณ์ให้บริสุทธิ์อยู่ในกระดาษ หรือจะประคองบางส่วนออกจากคุกให้ได้จริง
นี่คือทางแพร่งที่เจ็บปวด แต่จำเป็นต้องเลือก และแม้อำนาจการออกกฎหมายจะอยู่ในมือฝ่ายนิติบัญญัติ แต่รัฐบาลที่คุมเสียงข้างมากในสภา ก็ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบเชิงการเมืองต่อเรื่องนี้ได้
รัฐบาลไม่จำเป็นต้องชี้นำ แต่ต้องกล้าส่งสัญญาณต้องกล้าเลือก “ทางออก” ที่อาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่ปลดล็อกได้จริงในระบบที่เส้นแดงยังตั้งตระหง่านอยู่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สภาฯ ลงมติเอกฉันท์ 280 เสียง ไฟเขียวกฎหมายนิรโทษกรรม
สภาฯ เอกฉันท์ผ่านร่างกม.นิรโทษกรรม ส่งวุฒิสภาพิจารณาต่อ “กมธ.” ยืนยันทำร่างกฎหมายละเอียด รอบคอบแล้ว หลังถูกท้วงเลือกนิรโทษกรรมบางกลุ่ม
มติสภาฯ 184 เสียง 'ตีตก' นิรโทษกรรมเยาวชน-ผู้ต้องคดี 112
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข เข้าสู่การพิจารณามาตรา 3 ระบุว่า กฎหมายฉบับนี้มิให้ใช้บังคับแก่บุคคลที่กระทำความผิดหรือถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดอันมีสาเหตุมาจากการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกใดๆ
'การประนีประนอมใหญ่' กิ่งมะกอกของธนาธร หรือภาพฝันกลางพายุ?
กิ่งมะกอกที่ถูกยกขึ้นโดยธนาธร ไม่ได้มีเพียงเงาของสันติภาพ หากยังทับซ้อนด้วยเงาของอดีตที่เขาเองมีส่วนในการจุดไฟไว้ การประนีประนอมใหญ่จึงไม่ใช่เพียงถ้อยคำสวยหรู แต่คือภาพฝันที่ยังแกว่งไหวอยู่กลางพายุการเมืองไทย
ราชวงศ์ปรองดองอีกครั้ง ระหว่างเจ้าชายแฮร์รีและสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
หลังจากผ่านไปหนึ่งปีครึ่ง เจ้าชายแฮร์รีและสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พบกันอีกครั้งที่ลอนดอน ดยุคแห่งซัสเซกซ์ประกาศต่อสาธารณชนว่า พระองค์ต้องการคืนดีกับพระบิดา
'แก้วสรร' แพร่บทความ 'การกลับมาของทักษิณ???'
นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ ออกบทความในรูปถาม-ตอบ เรื่องการกลับมาของ “ทักษิณ” ???
'ณัฐวุฒิ' รับหนังสือกลุ่มนิรโทษกรรมประชาชนรวมคดี 112 ยื่น 4 ข้อเสนอ อ้างกม.ไม่ครอบคลุมเพียงพอ
"ณัฐวุฒิ" เผย กมธ. สร้างเสริมสังคมสันติสุข ได้ข้อสรุปเรื่องเวลา เริ่มตั้งแต่ปี 48 จนกฎหมายบังคับใช้-จ่อเพิ่มในบัญชีแนบท้าย เป็น 25 ฐานความผิด วางกรอบแล้วเสร็จใน 2 เดือน ย้ำ ไม่ลืม 'เสื้อแดง ปี 53' ที่ยังไม่ได้ถูกเยียวยา ลั่น จะทำให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ เพื่อเป็นเครื่องมือคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองในสังคมไทย ให้คนสามารถเดินหน้าชีวิตในฐานะผู้บริสุทธิ์ต่อไป หลังรับหนังสือจาก 'กลุ่มนิรโทษกรรมประชาชน'


