วางมือตรงหน้า ซ่อนไพ่ไว้ข้างหลัง: รัฐบาลที่ไม่กล้าชนภูมิใจไทย

วันที่ 22 เมษายน กล้องทุกตัวจับภาพ ภูมิธรรม เวชยชัย ควงแขน อนุทิน ชาญวีรกูล เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมรอยยิ้มและคำหยอกว่า “เดี๋ยวหอมแก้ม” ท่ามกลางเสียงแซวว่าจะจับมือกันถึงปี 70

ซีนนี้อาจดูเป็นภาพแห่งความร่วมมือ แต่เบื้องหลังจริง บรรยากาศทางการเมืองไม่ได้ราบรื่นเช่นนั้น โดยเฉพาะเมื่อ ร่าง พ.ร.บ.การประกอบสถานบันเทิงครบวงจร หรือ 'ร่างกฎหมายกาสิโน' กลายเป็นจุดปะทะใหม่ ในรัฐบาลผสม

หนึ่งวันถัดมา วุฒิสภาเริ่มประชุม กรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาการเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งประเด็นหลักก็คือ “กาสิโน” ที่ยังเป็นคำต้องห้ามสำหรับคนจำนวนไม่น้อย

ในกรรมาธิการชุดนี้มีบุคคลอย่าง จรัญ ภักดีธนากุล, เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, แก้วสรร อติโพธิ, และ คำนูณ สิทธิสมาน ซึ่งที่ผ่านมาต่าง แสดงบทบาทผ่านสื่อในการคัดค้านกาสิโนอย่างชัดเจน ตั้งแต่ยังไม่มีร่างกฎหมายเข้าสภา

ทันทีที่มีการเผยรายชื่อกรรมาธิการทั้งสี่ในโซเชียลมีเดียกลุ่มประชาชนฝ่ายต้านกาสิโนถึงกับแซวว่า “ไม่ต้องรอลงมติ ก็รู้ผลล่วงหน้าแล้ว”บางรายถึงกับเปรียบว่า “นี่คือทีมเบรกที่รู้จังหวะตัดไฟตั้งแต่ยังไม่เปิดเครื่อง”

แม้ร่างกฎหมายจะเสนอในนาม “รัฐบาล” ไม่ใช่โดยพรรคใดพรรคหนึ่งแต่ในสายตาสาธารณะ พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำ ย่อมถูกมองว่าเป็นเจ้าภาพหลัก

ขณะที่พรรคภูมิใจไทยแสดงท่าทีชัดเจน ผ่าน ไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นบุตรชายของ เนวิน ชิดชอบ ว่า “ไม่เห็นด้วยกับการเปิดบ่อนคาสิโนในประเทศ” แม้จะยังร่วมรัฐบาลอยู่ก็ตาม

นี่ไม่ใช่คำพูดเพื่อถ่วงเวลา หรือความผิดพลาดในจังหวะทางการเมือง แต่คือการแสดงจุดยืนเพื่อ ปลดตัวเองออกจากความรับผิดร่วมในเชิงนโยบาย อย่างมีแบบแผน โดยไม่จำเป็นต้องถอนตัว หรือเผชิญหน้ากับเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ

กลุ่มวุฒิสภาอย่าง ‘สว.สีน้ำเงิน’ ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับภูมิใจไทย ก็เคลื่อนไหวควบคู่กันไป ทั้งในนามกรรมาธิการ และจากท่าทีที่แสดงออกมาตั้งแต่ต้น

การที่ภูมิใจไทย สามารถแยกตัวจากนโยบายสุ่มเสี่ยงได้โดยไม่ต้องถอนตัว ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือแผนที่อิงจากปูมหลังทางการเมืองอันแข็งแรงของพรรคนี้

พรรคภูมิใจไทยถือกำเนิดจาก “กลุ่มเพื่อนเนวิน” ในปี 2551 ซึ่งแยกตัวจากพรรคพลังประชาชน หลัง ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค ในปลายปีนั้นและกลายเป็นกลุ่มหลักที่ ผลักดันให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27

เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดวลีทางการเมืองที่โด่งดังว่า “มันจบแล้วครับนาย” วลีที่สะท้อนจุดเปลี่ยนของยุค และพลังต่อรองของกลุ่มนี้ในเวลานั้น

หลังจากนั้น สมาชิกกลุ่มเพื่อนเนวินหลายคนได้รวมตัวกับอดีตสมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตยของ สมศักดิ์ เทพสุทิน กลายเป็นพรรคภูมิใจไทยในเวลาต่อมา

นับแต่นั้นเป็นต้นมา ภูมิใจไทยก็ไม่เคยหลุดจากวงอำนาจการเมือง เพราะรู้จัก วางเกมอย่างเงียบ และใช้จังหวะให้เกิดประโยชน์สูงสุด

น้ำหนักของพรรคนี้ชัดเจนที่สุดเมื่อมองคณิตศาสตร์ในสภา ผู้แทนราษฎรมี 493 เสียง กึ่งหนึ่งคือ 247 รัฐบาลมีอยู่ราว 322 เสียง หากหักภูมิใจไทยออกไป 69 จะเหลือเพียง 253 เสียง — ปริ่มน้ำทันที!

ไม่ใช่แค่แกนนำเพื่อไทยใน ครม. ที่รู้ข้อนี้ แต่แม้กระทั่ง ทักษิณ ชินวัตร ผู้กุมเกมหลังม่านของพรรคก็ยังไม่กล้าปรับภูมิใจไทยออกจากรัฐบาล

เพราะรู้ดีว่า หากเสียพรรคนี้ไป รัฐบาลจะเข้าสู่ภาวะไร้เสถียรภาพทันที และความเสี่ยงนั้น ไม่มีใครในพรรคอยากรับผิดชอบ

ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวเองว่า “ไม่มีรัฐบาลไหนที่เสี่ยงไปตายดาบหน้า” ซึ่งเป็นการตอกย้ำอีกชั้นว่า ภูมิใจไทยแตะไม่ได้ แม้ไม่ร่วมผลักดันนโยบาย

และนั่นคือศิลปะของการ “อยู่ในรัฐบาล แต่ไม่ต้องแบกรับรัฐบาล” ซึ่งภูมิใจไทยเล่นได้แม่นยำในทุกยุค

ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งเร่งเสนอร่างกฎหมาย ภูมิใจไทยกลับใช้ท่าทีจากนอก ครม. ทั้งแรงต้านในวุฒิสภาและจากกลุ่มการเมืองที่ใกล้ชิด เพื่อเบรกจังหวะร่างกฎหมายกาสิโน ตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่วาระ

“กาสิโน” จึงไม่ใช่แค่เครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นสนามที่ชี้ให้เห็นว่า พรรคร่วมอย่างภูมิใจไทยเอง ก็มีเส้นแบ่งที่ ทักษิณ ไม่กล้าก้าวข้า

และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้ภาพลักษณ์ว่า “ยังรักกันดี” แต่ในทางการเมือง กลับ เดินเกมกันคนละชุด คิดกันคนละทาง และวางหมากไม่เคยตรงกัน

เพราะในเกมการเมืองแบบไทยการวางมือตรงหน้า อาจซ่อนไพ่ไว้ข้างหลังเสมอ

และเมื่อพรรคที่ยิ้มให้อยู่ข้างหน้าเลือกเดินเกมสองหน้าอย่างแนบเนียน หนึ่งหน้าใน ครม. หนึ่งหน้าในวุฒิสภา นั่นแหละคือ ภูมิใจไทย เวอร์ชันที่คู่แข่งมองข้ามไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชูวิทย์' ฟันธงเลือกตั้ง พรรคประชาชนต่ำ 100 ชี้เดิมเกมผิดพลาดครั้งใหญ่

"ชูวิทย์" วิจารณ์ "ธนาธร" เลือกเดินเกมแก้รัฐธรรมนูญผ่านพรรคภูมิใจไทยคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ ไม่ใช่การประนีประนอม พร้อมคาดผลเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคประชาชนอาจได้ สส. ต่ำกว่า 100 จากกระแสที่เปลี่ยนและความเชื่อมั่นที่ลดลง

ดร.ณัฏฐ์ ชี้ชัดบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เกิดรัฐบาลผสม ไม่มีพรรคใดชนะเบ็ดเสร็จ

“ดร.ณัฏฐ์” ชี้ระบบ “บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ” เกิดรัฐบาลผสม ไม่มีพรรคการเมืองใด ชนะเลือกตั้งเบ็ดเสร็จ เปิดตัวทีม “ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี” ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้

เพื่อไทย เล็งส่ง 'รุ่งเพชร' ชน 'ไชยา' ย้ายเข้ากล้าธรรม ชิง สส.หนองบัวลำภู

รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ชัดเจนว่านายไชยา พรหมา อดีตสส.หนองบัวลำภู จะย้ายไปสังกัดพรรคกล้าธรรมแน่นอนแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาผู้ใหญ่ในพรรคได้เห็นกระแสข่าวนี้มาตลอด จึงพยายามสอบถามไปยังนายไชยาเ

โทรโข่งเพื่อไทย โจมตี 'อนุทิน' โยกย้าย ขรก.มหาดไทย ในจำนวนที่น่าตกใจมาก

"ศึกษิษฏ์" ซัด "อนุทิน" โยกย้าย ขรก.มหาดไทยไม่หยุด ตั้งข้อสังเกตโยงเครือข่ายบ้านใหญ่รับศึกเลือกตั้ง ตอก "ธนาธร" หลังออกโรงป้อง "เสี่ยหนู" เหน็บ ภท.-ปชน.ติดค้างสินน้ำใจกันอยู่หรือไม่

'อนุทิน' บอกถ้าได้เป็นรัฐบาล 'เอกนิติ-ศุภจี-สีหศักดิ์' ร่วมงานต่อ เดินหน้าคนละครึ่ง

"อนุทิน" ระบุแคนดิเดตนายกฯ ยังไม่ตอบรับ แต่ถ้าได้เป็นรัฐบาลยืนยัน "เอกนิติ-ศุภจี-สีหศักดิ์" ร่วมงานต่อ ส่วนจะเปิดตัววันไหนบอกยังมีเวลา ส่วนนโยบายพรรคยังไม่สะเด็ดน้ำ แต่คนละครึ่งพลัสได้ไปต่อ

'จุลพันธ์' หารือ 'เทวัญ' นำลูกพรรคชาติพัฒนา ย้ายซบเพื่อไทย

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความพร้อมภาพถ่ายร่วมกับนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา โดยระบุว่า วันนี้ผมได้พบและหารือกับท่านเทวัญ ลิปตพัลลภ