
เปิดคำสั่ง 4 ข้อ กัมพูชายันไม่ยอมถอยออกช่องบก 200 เมตร ตามข้อตกลงไทย อ้างเป็นของเขมรมาก่อนมี MOU43 พร้อมยืนหยัดปักหลักโดยปราศจากอาวุธ
30 พ.ค. 2568 – จากกรณีเกิดเหตุปะทะกันระหว่าง ทหารไทยและทหารกัมพูชา ที่บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อเวลา 05.45 น. วันที่ 28 พ.ค. 68 มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งบริเวณพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตที่ยังไม่ได้มีการแบ่งเขตแดนอย่างเป็นทางการ ระหว่างประเทศไทย และกัมพูชา เป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายมีการอ้างสิทธิทับซ้อน จนต่อมา พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ของไทย และ พล.อ.เหมา โสพัน ผบ.ทบ.ของกัมพูชาได้หารือร่วมกัน พร้อมมีข้อตกลงสรุปให้แต่ละฝ่ายถอยออกพื้นที่ทับซ้อนฝ่ายละ 200 เมตร พร้อมรอคณะกรรมการปักปันเขตแดนดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องแผนที่พื้นที่ทับซ้อน ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุด วันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา ได้เผยแพร่คำสั่งทั่วไป เป็นคำแถลงระบุว่า ภายหลังเกิดการปะทะด้วยอาวุธระหว่างกองทัพกัมพูชา กับกองทัพไทย เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 พ.ค. 68 ณ บ้านเตชอมหมอกัต ต.หมอกัต อ.จวมกสัน จ.พระวิหาร และเมื่อวันที่ 29 พ.ค. 68 เวลา 15.30 น. พล.อ.เหมา โสพัน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา และผู้บัญชาการทหารบกของไทย ได้พบกันเพื่อหารือ ณ สำนักงานประสานกิจการชายแดนกัมพูชา-ไทย ด่านพรมแดนช่องจาม-ออกสมาย ผลปรากฎว่า
1.ทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ผ่านกลไกที่มีอยู่ทั้งหมด เช่น คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) และคณะกรรมการเขตแดนทั่วไปกัมพูชา-ไทย (GBC) และบันทึกความเข้าใจปี 2543 ว่าด้วยการวัดและกำหนดเขตแดนทางบกกัมพูชา-ไทย เพื่อให้เขตแดนทั้งสองประเทศกลายเป็นเขตแดนแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนา
2.ทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินการจัดการสถานการณ์ตามที่เป็นอยู่ อดทน และแก้ไขปัญหาทั้งหมดผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ที่จะจัดขึ้นในอีก 2 ถึง 3 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ
3.ฝ่ายกัมพูชาเรียกร้องให้มีการเคารพซึ่งกันและกัน ในอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดง เพื่อหลีกเลี่ยงการสู้รบเช่นเช้าวันที่ 28 พ.ค. 68
4.ฝ่ายกัมพูชาจะไม่ถอย และยืนหยัดโดยปราศจากอาวุธในจุดที่เกิดความขัดแย้ง เนื่องจากจุดนั้น คือจุดที่ฝ่ายกัมพูชาได้ยืนหยัดมาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการวัด และกำหนดเขตแดนทางบก ระหว่างกัมพูชาและไทย เมื่อปี พ.ศ. 2543
ทั้งสองฝ่ายตกลง และยอมรับทั้ง 4 ประเด็นข้างต้น โดยการเจรจาได้ยุติลงในเวลา 16.15 น. ในวันเดียวกัน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซวยแล้ว! อสส. รับคดีพ่อลูกตระกูลฮุนสั่งยิง เป็นคดีนอกราชอาณาจักร
อัยการสูงสุดรับคดี พ่อลูกตระกูลฮุนฯ สั่งยิงระเบิดตกในไทยรอบเเรกเป็นคดีนอกราชอาณาจักรเเล้ว “วัชรินทร์”อธ.อัยการสอบสวน จัดคณะอัยการลงพื้นที่ภาค 3 ร่วมสอบคดี
บางจากยันไม่มีการขนส่งน้ำมันทางรถและเรือไปกัมพูชา
บางจาก แจงไม่มีการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันเชื้อเพลิงในกัมพูชา ลั่นไม่มีการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งทางรถและทางเรือ
'อธิบดีศิลปากร' ยัน 'ปราสาทตาควาย' ซ่อมได้ ตราบใดเป็นของไทย
'อธิบดีกรมศิลปากร' ยืนยัน 'ปราสาทตาควาย' ซ่อมได้ ตราบใดยังตั้งอยู่ในแผ่นดินไทย รวมถึงปราสาทอื่นด้วย 'บัวแก้ว' ขอกัมพูชายุติใช้พื้นที่โบราณสถานเพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร
สมช. จ่อเคาะมาตรการสกัดส่งยุทธปัจจัย ช่วยคนไทยในเขมรกลับบ้าน
'ฉัตรชัย' เผยนายกฯ หารือก่อนถก สมช. 16 ธ.ค. เคาะมาตรการสกัดส่งยุทธปัจจัย-ช่วยคนไทยในเขมรกลับประเทศ พร้อมจับตาปมจับสายลับ ยึดขีปนาวุธสัญชาติจีน
นายกฯ ถกด่วน 'เลขาฯสมช.' หลังพบสายลับเขมร-ยึดขีปนาวุธสัญชาติจีน
นายกฯ เรียกถกด่วน 'เลขาฯ สมช.' ติดตามสถานการณ์ไทยแดนไทยกัมพูชา หลังพบสายลับทหารฝั่งเขมร - ยึดขีปนาวุธสัญชาติจีน รับมีโอกาสขยายพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึก

