ระทึก! วันนี้ลุ้นศาลฎีกาประกาศนัดฟังผลไต่สวนป่วยทิพย์ชั้น 14 หรือไม่

ลุ้นศาลฎีกาฯ ประกาศวันนัดฟังคำสั่งผลไต่สวนคดีชั้น14 ทักษิณป่วยทิพย์ หรือไม่วันนี้ หลัง “วิษณุ” เบิกความนัดสุดท้าย เผยผลสอบอนุ ก.ต.ไม่พบการล็อบบี้ตุลาการศาลฎีกาฯ บัตรสนเท่ห์ไม่มีมูล

30 ก.ค.2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเวลา 09.30 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ได้นัดไต่สวนคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือการไต่สวนการบังคับโทษตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ซึ่งการไต่สวนวันนี้เป็นการไต่สวนนัดที่ 7 และเป็นนัดสุดท้าย หลังศาลฎีกาฯ มีการตั้งองค์คณะฯ ไต่สวนเรื่องดังกล่าวเมื่อ 30 เม.ย. และเริ่มเปิดห้องพิจารณาคดีศาลฎีกาฯ ไต่สวนคดีนี้มาตั้งแต่ นัดแรก 13 มิ.ย.จนมาสิ้นสุดในวันนี้

โดยการไต่สวนในวันนี้ มีพยานบุคคลเข้าเบิกความ-ให้ถ้อยคำต่อองค์คณะฯ คือนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรียุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งนายวิษณุ เป็นพยานบุคคลที่ฝ่ายทนายความของนายทักษิณได้ยื่นเรื่องขอให้องค์คณะฯเรียกมาไต่สวน และหลังการไต่สวนเสร็จสิ้นลง มีการคาดหมายกันก่อนหน้านี้ว่า องค์คณะฯ ที่มีด้วยกันห้าคน อาจจะมีการประกาศวันนัดฟังผลการไต่สวนขององค์คณะฯ ในวันนี้ทันทีว่าจะนัดฟังคำสั่งในวันใด ที่ก็จะทำให้ทราบแล้วว่า ผลการไต่สวนและการพิจารณาขององค์คณะฯ ทางศาลฎีกาฯมีผลการไต่สวนเรื่องชั้น 14 อย่างไร หลังที่ผ่านมา คนทั้งประเทศวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดว่า กรณีของนายทักษิณ มีการบังคับโทษตามคำพิพากษาที่ไม่เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด แต่สุดท้ายแล้ว ศาลฎีกาฯ จะมีคำสั่งในเรื่องนี้อย่างไร โดยเฉพาะจะมีผลถึงตัวนายทักษิณหรือไม่

ทั้งนี้นายวิษณุ ที่เป็นอดีตรองนายกฯ ยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ โดยเป็นมือกฎหมายของรัฐบาล ซึ่งปรากฏว่าในช่วงการก่อนการเลือกตั้งปี 2566 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้ลาออกจากตำแหน่ง รมว.ยุติธรรมและลาออกจากพรรคพลังประชารัฐไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย ทำให้ตำแหน่ง รมว.ยุติธรรมว่างลง นายวิษณุ จึงเข้ามาดูแลงาน ก.ยุติธรรมชั่วคราวในช่วงเปลี่ยนผ่านจากการเลือกตั้งไปถึงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และนายวิษณุ ยังเป็นคนเดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 22 ส.ค. 2566 ที่เป็นวันแรกที่นายทักษิณ เดินทางกลับประเทศไทยและถูกส่งตัวเข้ารับโทษที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครฯ ในวันดังกล่าว แต่นายวิษณุให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในวันดังกล่าวว่ามาคุยกับ ผบ.เรือนจำฯเท่านั้นไม่ได้เจอตัวนายทักษิณแต่อย่างใด

นอกจากนี้ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฉบับปี 2560 ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ที่มีการแก้ไขปรับปรุงจากกฎหมายเดิม ก็เกิดขึ้นในช่วงยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ที่นายวิษณุเป็นรองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ซึ่งบางมาตราใน พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฯ พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องการให้นักโทษออกไปรักษาตัวนอกเรือนจำฯ เช่นมาตรา 55 ซึ่งที่ผ่านมาฝ่ายที่เห็นว่าการที่นายทักษิณออกไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจนาน 6 เดือน ทำถูกต้องโดยได้ยกมาตรา 55 ขึ้นมาอ้างอิง แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมองว่าการที่ส่งตัวนายทักษิณออกไปรักษาตัวที่รพ.ตำรวจ ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 55 ดังกล่าว เป็นต้น

อีกทั้งก่อนหน้านี้ นายวิษณุ ยังไปเป็นพยานฝ่ายจำเลยให้กับนายทักษิณ ในคดี 112 ที่ศาลอาญาอีกด้วย รวมถึงยังเคยเข้าไปช่วยเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ในการสู้คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตอนที่นายเศรษฐา ถูกร้องเรื่องทำผิดมาตรฐานจริยธรรมฯ กรณีตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี แต่ก็ช่วยไม่สำเร็จ นายเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกฯ ตามคำวินิจฉัยของศาล รธน. เมื่อส.ค.2567

โดยการไต่สวนของศาลฎีกาฯในช่วงที่ผ่านมา มีการเรียกพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ศาลฎีกาฯไต่สวนหลายคน ตลอดการไต่สวน 6 นัดที่ผ่านมา เช่น 13 มิถุนายน นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่นายมานพ ก็ไม่ได้เป็น ผบ.เรือนจำฯ ในช่วงที่นายทักษิณมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเมื่อ 22 ส.ค. 2566
การไต่สวน วันที่ 4 ก.ค.เรียก พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแพทย์สามคน ที่ถูกแพทยสภามีมติตักเตือน ตามผลสอบของคณะกรรมการฯ ของแพทยสภา เป็นต้น

การไต่สวนวันที่ 15 ก.ค.เรียกนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายนัสที ทองปลาด อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นต้น

ส่วนการไต่สวนนัดล่าสุดของศาลฎีกาเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ 25 ก.ค. โดยมีตัวแทนแพทยสภา ที่เคยสอบสวนและลงโทษแพทย์สามคนที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวและรักษานายทักษิณมาไต่สวน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นระดับอาจารย์แพทย์ คือ ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา และอดีตคณบดีแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล , ศ.นพ.กีรติ เจริญชลวานิช ประธานราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย และศ.นพ.ไชยรัตน์ เพิ่มพิกุล ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย

ด้านแหล่งข่าวจากศาลฎีกาฯเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีบุคคลไม่ทราบชื่อส่งบัตรสนเท่ห์ ทำนองร้องเรียนมายังศาลฎีกาว่า มีบุคคลบางกลุ่มพยายามล็อบบี้ ไม่ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เข้าทำการไต่สวนเรื่องกรณีชั้น 14 จากนั้น ก็มีมีบุคคลบางกลุ่มนำเรื่องดังกล่าวไปขยายความทางโซเชียลมีเดีย ทำให้ที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการ(ก.ต.)ที่มีประธานศาลฎีกาเป็นประธาน มีการให้อนุกรรมการ ก.ต. ไปทำการตรวจสอบเบื้องต้น

“กรรมการฯ ได้มีการสอบถามกับผู้เกี่ยวข้องหลายคนในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ โดยทั้งหมดบอกตรงกันว่าไม่เคยมีการติดต่อหรือมีใครมาล็อบบี้อะไรในเรื่องการให้ศาลฎีกาฯ ทำการไต่สวนหรือไม่ทำการไต่สวนเรื่องการบังคับโทษกรณีดังกล่าว ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ กำลังไต่สวนอยู่ ทำให้ทางอนุกรรมการฯจึงมีการสรุปรายงานเสนอต่อที่ประชุม ก.ต.เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อแจ้งผลให้ทราบว่าไม่พบเรื่องตามที่มีการส่งบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนแต่อย่างใด จึงถือว่ายุติเรื่องไป”แหล่งข่าวจากศาลฎีกาฯระบุ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อุ๊งอิ๊ง' รับพ่อเครียดบอกถ้าได้สิทธิ์ออกมาพักคงดีเพราะอยู่ข้างในก็ไม่ได้อะไรอยู่แล้ว

'อิ๊งค์' รับ 'ทักษิณ' เครียดหนัก ชี้คุณพ่ออายุเยอะแล้ว ถ้าได้สิทธิ์ออกมาพักก็คงจะดี เพราะอยู่ข้างในก็ไม่ได้อะไรอยู่แล้ว พ้อถอยออกจากการเมืองเยอะมากแล้ว ปล่อยพรรคเพื่อไทยลุยเต็มที่

'อนุทิน' เผยยึดตาม 'ทวี' ทูลเกล้าฯ ฎีกาทักษิณ

'อนุทิน' ปัดสกัด 'ทักษิณ' ช่วยเพื่อไทยหาเสียงเลือกตั้ง หลัง รมว.ยธ. สั่งปรับปรุงระเบียบราชทัณฑ์ใหม่ รื้อระบบพักโทษนอกเรือนจำ ยันไม่ใช่พรรคชอบแก้แค้น

สามีอิ๊งค์เข้าเยี่ยมทักษิณ! ทนายปูดยื่นฎีกาขออภัยโทษรอบสองแล้ว

'ปอ ปิฎก' เป็นตัวแทนครอบครัวเข้าเยี่ยม 'ทักษิณ' โดยรวมสุขภาพยังคงโอเค 'ทนายวิญญัติ' มอง 'ทักษิณ' มีสิทธิได้รับพิจารณาพักโทษ ยังไม่ได้รับแจ้งผลฎีกาขออภัยโทษรอบสอง คาดอยู่ในขั้นตอนกราบบังคมทูล

'รัดเกล้า' สวน บก.ลายจุด ผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง ขึ้น ศาลฎีกาฯแผนกคดีอาญา หากถูกกล่าวหาทุจริต

ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดในการปฏิบัติหน้าที่ จะไม่ขึ้นศาลอาญาทั่วไป แต่จะต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

รวบแก๊ง ‘ป่วยทิพย์’ ปลอมใบรับรองแพทย์ หลอกเคลมเงินประกัน

บก.ปอศ. รวบ 3 ผู้ต้องหา ขบวนการ “ป่วยทิพย์” ปลอมเอกสารแพทย์ยื่นเคลมประกันสุขภาพ อ้างป่วยเท็จเพื่อรับค่าสินไหมรายละแสนบาท ก่อนแบ่งผลประโยชน์