นายกฯ เผย ถกสมช. เคาะสร้างรั้วแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แจงผลักดันคนเขมรออกบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว ใช้กม. และมนุษยธรรม ไร้คุยเอ็มโอยู 43-44 โยนเป็นเรื่องสภา ลั่นไม่อยากใช้คำว่ากดดันหากกัมพูชาไม่ทำตามข้อตกลง อยากอยู่กันแบบนี้ไทยก็พร้อม
2 ตุลาคม 2568 - เมื่อเวลา 16.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 12/2568 ว่า มีเรื่องที่พิจารณาอยู่ 2-3 เรื่อง รายละเอียดขอให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นผู้แถลง ซึ่งในหลักการเราอนุมัติกรอบในการสร้างรั้วที่จะสร้างตามแนวเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ส่วนพิกัดทางกองบัญชาการกองทัพไทย จะไปดำเนินการตัดสินใจว่าจะสร้างในช่วงไหน เมื่อถามว่ารั้วจะสร้างแบบปกติหรืออิเล็กทรอนิกส์ นายกฯ กล่าวว่า มันมีหลายรูปแบบ บางจุดก็เป็นรูปแบบนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศและความสะดวกของประชาชนในแถบนั้น
เมื่อถามว่า การผลักดันคนกัมพูชาออกจากบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ในวันที่ 10 ต.ค.นี้ ได้ให้นโยบายเรื่องนี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า นโยบายคือต้องใช้กฎหมายที่ถูกต้อง และเราต้องคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมด้วย และคำนึงถึงผลกระทบต่างๆที่จะตามมา จะใช้กฎหมายไหนตามกฎอัยการศึก หรือกฎหมายป่าไม้หรือกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองตรงนี้ ทางกองบัญชาการกองทัพไทยจะขอไปหารือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกระทรวงมหาดไทย เมื่อถามย้ำว่าจะถึงขั้นมีการใช้กำลังหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า อันนี้ชาวบ้านทั่วไปไม่ใช่กองทัพ เราต้องคำนึงถึงวิถีชีวิตคนลำบากอยู่แล้ว มีทั้งเด็กมีทั้งคนชราและสตรี ซึ่งระยะเวลาการผลักดันจะพยายามใช้กฎหมาย เมื่อถามว่ามีการระบุเป็นไทม์ไลน์ หรือว่าให้ทางกองทัพไปจัดการเลย นายกฯ กล่าวว่า วัน เวลา ตามที่เราเห็นเหมาะสม เมื่อถามย้ำว่า แต่ยังไม่ใช่ในวันที่ 10 ต.ค.นี้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า น่าจะยังไม่ใช่
เมื่อถามว่าเสียงสะท้อนของชาวบ้านในพื้นที่เป็นเหมือนแรงกดดัน นายกฯ กล่าวว่า เราก็ต้องทำความเข้าใจกับทุกฝ่าย เมื่อถามว่าที่ประชุมสมช.ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องเอ็มโอยู43-44 หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่มี เป็นเรื่องของสภาฯ
เมื่อถามว่า มีการหารือเรื่องการกดดันให้ทางฝ่ายกัมพูชาดำเนินการตามข้อตกลงเรื่องการถอนอาวุธหนัก ถอนกำลังหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตรงนี้อยู่ในกรอบคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ทางรมว.กลาโหมได้ไปประชุมมา ในช่วงระหว่างการประชุมเราก็ยังยืนยันจุดยืนของเราว่าก่อนที่จะมีการดำเนินการใดๆในเรื่องของการเจรจา เรามีเงื่อนไขที่เราต้องการให้ทางกัมพูชาได้ปฏิบัติตาม
เมื่อถามย้ำว่าแต่ที่ผ่านมาการประชุม 2 ครั้ง ทั้งประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC)และคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC)เหมือนวนอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน นายกฯกล่าวว่า มันจะเริ่มไปไหนแล้ว เมื่อถามอีกว่า สิ่งที่นายกฯจะทำให้เริ่มไปไหน คืออะไร และอะไรที่เราคาดหวัง นายกฯ กล่าวว่า มันมีความคืบหน้าของการเจรจา อย่างที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ ไปที่สหประชาชาติ(ยูเอ็น) ไปพูดถึงจุดยืนของประเทศไทย ว่าสิ่งที่หลายคนเข้าใจมันไม่ใช่ สิ่งที่นานาชาติถูกทำให้เข้าใจมันไม่ใช่ ข้อเท็จจริงมันเป็นแบบนี้ ซึ่งมันก็จะนำไปสู่การเจรจาที่เราต้องดำเนินต่อไป
เมื่อถามว่าดูเหมือนรัฐบาลจะใช้เวทีของกระทรวงการต่างประเทศในการกดดันทางกัมพูชามากกว่าที่จะใช้ในเรื่องของกำลัง นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องคู่กัน ในส่วนของกองทัพก็ต้องมีความพร้อม เราไปบอกที่สหประชาชาติ(ยูเอ็น)ว่าเราไม่ได้เป็นผู้รุกราน แต่เราต่างหากที่โดนรุกราน สถานะตรงนี้เราต้องรักษาเอาไว้ เพราะเราไม่ได้ดีแคร์ (ประกาศ)ตัวเองว่าเป็นผู้รุกราน แต่ในเรื่องของการป้องกันอธิปไตยของเรา ป้องกันแผ่นดินของเรา ทางกองทัพมีความพร้อม อันนี้ตนได้รับคำยืนยันและทางรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนกองทัพ ดูจากผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ในกรณีที่จะต้องทำให้เกิดความพร้อมในการรักษาแผ่นดินของราชอาณาจักรไทย
เมื่อถามว่านายกฯจะมีมาตรการอะไรที่จะกดดันให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลง RBCและGBC นายกฯ กล่าวว่า ทุกวันนี้เราก็กดดันกลายๆอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่า แต่เขายังไม่ตอบรับกลับมา หลังจากที่รมว.การต่างประเทศไปเวทีนานาชาติ นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่เราได้ทำไปคำว่าการตอบรับ มันไม่ได้คุยกันแบบนี้ มันต้องมีการติดต่อมาของฝ่ายที่พยายามจะให้เกิดสันติภาพ ผู้นำประเทศต่างๆที่ได้พยายามติดต่อเจรจามาว่าขอให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ คือ การตอบรับ แต่บางทีไม่ได้พูดกันโดยตรง แต่มีการสื่อสารที่ทำให้เราสามารถรับรู้รับทราบด้วยว่านี่คือสิ่งที่จะทำให้เดินไปสู่การตอบรับ และการดำเนินการใดๆเพื่อให้สถานการณ์ของทั้งสองประเทศดีขึ้น
เมื่อถามอีกว่าประเด็นสำคัญคือทางกัมพูชายังไม่ได้ตอบรับจัดทำแผนอพยพคน และเรื่องการเก็บกู้วัตถุระเบิดในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 นายกฯ กล่าวว่า ถ้าเขาไม่ตอบรับ เราก็ไม่ตอบสนอง เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาจะให้ดำเนินการอยากให้ทำนั่น อยากให้ทำนี่ ช่วยเปิดด่านหน่อย ช่วยนั่น ช่วยนี่ เราก็ไม่ทำ ตนไม่อยากใช้คำว่ากดดัน ทุกวันนี้กดดันกันมากอยู่แล้ว ลองหาวิธีการสื่อออกไปให้เห็นว่าประเทศเราพร้อม ถ้าอยากจะอยู่กันแบบนี้ไทยก็พร้อม และถ้าอยากจะให้ชีวิตของพี่น้องประชาชนที่พวกเขารับผิดชอบอยู่ดีขึ้น ก็ต้องตอบรับเงื่อนไขของเรา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปิดด่าน 5 เดือน การค้าชายแดนคลองใหญ่เสียหาย 5 พันล้าน สินค้าเถื่อนทะลัก วอนรัฐบาลเยียวยา
เศรษฐกิจการค้าชายแดนคลองใหญ่ทรุดหนัก เสียหาย 5 พันล้าน ท่องเที่ยววูบปิดท่าเรือหนี ผู้ประกอบการจี้รัฐเยียวยา หลังปิดด่าน 5 เดือน ขณะสินค้าเถื่อนทะลักเข้า-ออก
นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่
นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121 ล้าน สร้างรั้วชายแดน บังเกอร์ หลุมหลบภัย ถนนตรวจการณ์
ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จออก ณ ห้องประชุม ชั้น 11 อาคารอัครราชกุมารี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พระราชทานพระวโรกาสให้ คุณหญิง
นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน
นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี
โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน
รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568
หวิดเสียขาที่ 8! ทภ.2 แจงทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย เป็นของเก่ากัมพูชาวางไว้
กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงเหตุการณ์เสียงระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 14.20 น. หน่วย ร้อย.ร.1622 ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่


