ศรัทธาเคยเป็นของใจผู้คน แต่ในยุคดิจิทัลมันกลับกลายเป็นเครื่องมือของอำนาจ เมื่อความดีถูกใช้เป็นทุนสร้างอิทธิพล และมูลนิธิกลายเป็นเวทีแห่งศรัทธา ความเชื่อจึงต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบของสังคม
ในยุคที่ “ความเชื่อ” ถูกนับเป็นยอดวิว และ “ศรัทธา” ถูกแปลงเป็นยอดโอน เรากำลังอยู่ในเวลาที่ ความดีไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป หากแต่กลายเป็น “สินทรัพย์” ที่สร้างทั้งชื่อเสียงและอิทธิพลให้ผู้ถือครอง
“กัน จอมพลัง” จึงไม่ใช่เพียงคนทำดีธรรมดา แต่กลายเป็นภาพแทนของ “ศรัทธาในยุคออนไลน์” ชายผู้ช่วยเหลือคนผ่านกล้องโทรศัพท์ และได้รับแรงศรัทธาจากผู้ติดตามนับล้าน
ทุกไลฟ์คือ “เวทีของศรัทธา” ทุกยอดบริจาคคือ “คะแนนของความไว้วางใจ” และทุกโพสต์คือ “ธุรกรรมทางอารมณ์” ที่ผูกคนดูไว้ด้วยความรู้สึก
แต่เมื่อชื่อของเขาถูกตั้งคำถาม มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ก็กลายเป็นศูนย์กลางของข้อสงสัย เพราะข้อบังคับข้อที่ 39 ระบุไว้ว่า หากเลิกกิจการ ทรัพย์สินทั้งหมดจะตกเป็นของ มูลนิธิ ธรรมนัส พรหมเผ่า
ข้อความเพียงไม่กี่บรรทัด กลับสร้างคำถามสะเทือนใจคนทั้งประเทศว่า คนที่บริจาคให้กัน… กำลังบริจาคให้ใครกันแน่?
ศรัทธาที่เคยนิ่ง เริ่มสั่น เมื่อความดีถูกลากเข้าสู่เขตของการตรวจสอบ และในสังคมที่ “ความดี” เคยเป็นสิ่งห้ามแตะ นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
เสียงวิจารณ์เริ่มดังขึ้นจากเอกสารหน้าเดียว แต่ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว เพราะสำหรับผู้คนส่วนใหญ่ กัน จอมพลัง คือ “คนของประชาชน” ไม่ใช่คนของเครือข่ายใด
การที่ชื่อของนักการเมืองระดับประเทศ ไปปรากฏในปลายทางของมูลนิธิ จึงไม่ใช่แค่เรื่องข้อกฎหมาย แต่คือคำถามถึง “ความเหมาะสม”
ภายใต้แรงกดดัน มูลนิธิประกาศแก้ข้อบังคับ เปลี่ยนปลายทางเป็น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ เพื่อยืนยันว่าไม่มีวาระทางการเมือง แต่ความรู้สึกของผู้บริจาคไม่ได้เปลี่ยนตามเอกสารง่ายนัก
สิ่งที่คนอยากเห็นไม่ใช่เพียงการแก้ไข แต่คือ ความชัดเจนตั้งแต่ต้นทางของศรัทธา
สังคมไทยยังติดกับภาพของ “ผู้ให้”มากกว่ากระบวนการตรวจสอบ คนพร้อมโอน พร้อมแชร์ พร้อมเชื่อ แต่ไม่คุ้นกับการตั้งคำถาม โดยเฉพาะเมื่อผู้ให้มีภาพของ “คนดี” อยู่แล้ว
ศรัทธาที่แท้ ต้องเปิดให้ตรวจสอบได้โดยไม่กลัวแสง
นี่จึงไม่ใช่เรื่องของใครคนหนึ่ง แต่เป็นบทเรียนของยุคที่ “ความช่วยเหลือ” ถูกถ่ายทอดสด และ “ความไว้วางใจ” ถูกนับเป็นตัวเลขในบัญชี
“ศรัทธา” ไม่เคยอยู่นิ่ง มันขยับตามแรงดึงของ “อำนาจ” เสมอ และทุกครั้งที่อำนาจเข้ามาใกล้ ความบริสุทธิ์ของศรัทธาย่อมสั่นคลอน
มูลนิธิที่ถูกตั้งคำถามไม่ได้สะท้อนแค่ปัญหาการบริหาร แต่เผยให้เห็นว่า เมื่อความช่วยเหลือเติบโตมากพอ มันจะกลายเป็นพลังต่อรองโดยไม่รู้ตัว
คนจำนวนมากเรียกสิ่งนี้ว่า “ทุนศรัทธา” ทุนที่ไม่ใช่ตัวเลขในธนาคาร แต่เป็นพลังของผู้คนที่พร้อมจะเชื่อในคนหนึ่งคน
เมื่อทุนเช่นนี้มีค่ามากขึ้น ผู้มีอิทธิพลย่อมเข้ามาใกล้ ทั้งจากเจตนาดีและความตั้งใจบางอย่างที่อยู่ในเงา
เพียงชื่อเดียวที่ปรากฏในเอกสาร ก็เพียงพอให้ศรัทธาเปลี่ยนความหมาย เพราะในสังคมที่เคยชินกับระบบอุปถัมภ์ การปรากฏของชื่อที่ “มีบารมี” คือสัญญาณที่คนจำได้ทันที
เมื่อความดีไปอยู่ใกล้อำนาจ ความไว้วางใจจะถูกทดสอบทันที
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ กัน จอมพลัง และกับสังคมที่เริ่มหัดแยก “ความช่วยเหลือ” ออกจาก “ผลประโยชน์”
ในวันที่ชื่อของมูลนิธิถูกตั้งคำถาม สิ่งที่สั่นสะเทือนสังคมไม่ใช่เพียงตัวหนังสือในเอกสาร แต่คือ “น้ำหนักของชื่อ” ที่ไปปรากฏอยู่ในนั้น
ชื่อที่เคยอยู่ในสมการอำนาจทางการเมือง ชื่อที่ถูกจดจำในฐานะผู้มีอิทธิพลและเคยผ่านความขัดแย้งทางสังคมมาไม่น้อย เมื่อมันไปปรากฏอยู่ในปลายทางของทรัพย์สินที่มาจากการบริจาค ศรัทธาที่เคยบริสุทธิ์จึงสะดุดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะศรัทธากับอำนาจ เป็นสองสิ่งที่สังคมไทยยังไม่เคยวางแยกได้ชัดเจน
และนั่นคือจุดที่ความไม่ไว้วางใจแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อชื่อที่ถูกพูดถึงคือ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” นักการเมืองที่สังคมจดจำได้ดีในฐานะผู้มีบทบาทสูงทั้งในอดีตและปัจจุบัน
และเป็นบุคคลที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง “ภาพของนักปฏิบัติ” กับ “ข้อครหาในอดีต”
สำหรับประชาชนที่บริจาคเพราะเชื่อใน กัน จอมพลัง การเห็นชื่อของธรรมนัสในเอกสารของมูลนิธิ จึงเหมือนการเห็นเงาอำนาจแทรกอยู่ในศรัทธาของตนเอง
แม้ภายหลังมูลนิธิจะรีบแก้ข้อบังคับ เปลี่ยนปลายทางของทรัพย์สินเป็น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ แต่ความรู้สึกนั้นก็ได้เกิดขึ้นไปแล้ว
เพราะศรัทธาไม่ใช่ระบบราชการที่จะรีเซ็ตได้ด้วยหนังสือแก้ไข มันคือความรู้สึกที่ฝังในใจของผู้คน และต้องใช้เวลาในการฟื้นคืน
ในภาพกว้าง นี่จึงไม่ใช่เรื่องของคนสองคน แต่มันคือภาพจำของ “ระบบศรัทธาแบบไทย” ที่มักสั่นคลอนทันทีเมื่ออำนาจการเมืองเริ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง
ชื่อของ ธรรมนัส พรหมเผ่า จึงกลายเป็นเหมือน “ตัวเร่งปฏิกิริยา” ที่ทำให้สังคมต้องย้อนถามตนเองว่า เรายังเชื่อในความดีของคน หรือเรากำลังเชื่อในอำนาจที่แฝงอยู่ในความดีนั้น?
เมื่อศรัทธาเติบโต มันย่อมสร้างแรงสั่นสะเทือน โดยเฉพาะในสังคมที่ผู้คนรู้สึกว่า รัฐไม่อยู่กับพวกเขา คนที่ลงมือช่วยจริง จึงกลายเป็น ตัวแทนของความหวัง
กัน จอมพลัง เกิดจากช่องว่างนั้น เขาไม่ใช่ผลผลิตของระบบ แต่เป็นผลผลิตของ ความรู้สึกว่าระบบไม่ช่วยใครเลย และเมื่อศรัทธาเริ่มมีน้ำหนัก มันย่อมกลายเป็นพลัง
แต่พลังที่มากเกินไป ย่อมมีราคาของมัน เพราะเมื่อความเชื่อเริ่มมีมูลค่า คนรอบข้างก็เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง บางคนมาด้วยใจ บางคนมาด้วยเป้าหมายอื่น
จาก “ความช่วยเหลือ” เริ่มกลายเป็น “ทุน” ทุนที่ไม่ได้อยู่ในงบประมาณรัฐ แต่สะสมในใจประชาชน และทุนเช่นนี้ ย่อมดึงดูดสายตาทุกฝ่าย
เมื่อศรัทธาเดินเคียงกับชื่อที่เคยอยู่ในวงอำนาจ ภาพลักษณ์ของความดีจึงถูกตีความใหม่ทันที
ศรัทธาที่มีอำนาจค้ำหลัง จะกลายเป็นอำนาจที่ถูกตั้งคำถามเสมอ
สิ่งที่เกิดขึ้นกับมูลนิธิครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงข้อสงสัยเรื่องเอกสาร แต่มันคือ “แรงสะเทือนของความไว้ใจ” ที่บังคับให้สังคมหันกลับมามองว่า ความดี ความเชื่อ และผลประโยชน์ มักเดินใกล้กันเกินไป
เรื่องของ มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ ไม่ได้จบลงที่เอกสารใด แต่กลายเป็น “บทเรียนของยุคใหม่” ที่สังคมต้องเรียนรู้วิธีจัดการ ศรัทธาในโลกออนไลน์ ซึ่งเคลื่อนไหวเร็วกว่าเหตุผลเสมอ
ศรัทธาไม่ควรถูกผูกขาดโดยใคร เพราะทันทีที่มันอยู่ในมือของคนใดคนหนึ่ง มันจะกลายเป็น “เครื่องมือ” โดยไม่รู้ตัว
สิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เรื่องของความผิดหรือความถูก แต่คือการทบทวน ความรับผิดชอบของผู้ที่ได้รับศรัทธา
ความดีไม่ต้องมีเจ้าของ แต่ต้องมีความรับผิดชอบร่วมกันของสังคม
นี่คือสัญญาณเตือนว่า ในโลกที่ศรัทธากลายเป็นทุน ความโปร่งใสคือกำแพงสุดท้ายของความเชื่อ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปปช.ผนึกปปง. สอบMOU‘ดีอี’ ก๊วน‘เบน สมิธ’
"ไชยชนก" โยน "ธรรมนัส-นฤมล" แจงเองปมร่วมเฟรม "เบน สมิธ" เป็นพยานลงนาม MOU บ.สิงคโปร์
ปปง.-ปปช. ลุยสอบจนท.รัฐ-นักการเมือง เอี่ยวสแกมเมอร์ โยงภาพ 'เบน สมิธ' ลงนาม MOU ดีอี-บ.สิงคโปร์
นักการเมืองไทย-เจ้าหน้าที่รัฐมีหนาว! ภาพคู่ "เบน สมิธ" พ่นพิษ หลัง ปปง. - ป.ป.ช. เดินหน้าลุยตรวจสอบเส้นทางเงิน-ธุรกรรม-โครงการโยง "เบน สมิธ และบริษัทฯ"
'โรม' ชี้พฤติการณ์ผิดปกติ 'ธรรมนัส-นฤมล-เบน สมิธ' โผล่ถ่ายภาพลงนาม MOU บ.สิงคโปร์
"โรม" แฉ ไม่พบหนังสือเชิญ "ธรรมนัส-นฤมล" ร่วมเฟรม "เบน สมิธ" เป็นพยานลงนาม MOU บ.สิงคโปร์ ชี้ผิดปกติ เพราะไม่ถูกระเบียบ แย้มมีชื่อ "สุชาติ" เอี่ยว เผย ตร. ออกหมายแดง "ยิมเลียก-ภรรยา" แล้ว หนุนใช้กลไกส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับมารับโทษในไทย
'หมอวรงค์' มองภาพ 'เบนสมิธ' ร่วมวง 'ทักษิณ-ธรรมนัส' น่ามีผลต่อปท. มากกว่ารูปเก่า 'อนุทิน'
ภาพที่มีเบน สมิธกับทักษิณ และมีธรรมนัส น่าจะมีน้ำหนักสร้างผลกระทบต่อประเทศชาติมากกว่า เมื่อเทียบกับภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้วของนายอนุทิน แต่สิ่งที่นายอนุทินต้องพิสูจน์ อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างผ่านมาทางธรรมนัสก็ได้
‘โรม’ เปิดคำฟ้องธรรมนัส ชี้ใช้กฎหมายปิดปากฝ่ายตรวจสอบ-ถามปกป้องชาติหรือทุนเทา
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ข้อความ พร้อมเปิดเอกสาร กรณีถูกร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและส
เสธ.หิ ร่ายยาว 'เรื่องจริง นอกจอ' เบื้องลึก 'ธรรมนัส' นำทีมกู้วิกฤตหาดใหญ่
ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรี (ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า เรื่องจริง นอกจอหลังจากท่าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐม

