'อภิสิทธิ์' เข้ายื่น เอกสารต่อ 'ปปง.' สอบ '2 อดีต รมต.' ในรัฐบาลชุดนี้-ชุดที่ผ่านมา อาจเอี่ยวสแกมเมอร์ หลังพบความผิดปกติ ทำธุรกรรมเริ่มจากทุนจดทะเบียน 10 เหรียญสหรัฐฯ แต่เข้าซื้อกิจการมูลค่าสูงกว่าล้านเท่า จนเชื่อมโยง 'บ.พลังงานหลักของไทย' มอง เป็นส่วนในเหตุที่ทำให้ขัดแย้งกับกัมพูชา เชื่อ ขยายผลถึงคนเกี่ยวข้องทั้งหมดได้ ย้ำ เป้าหมาย ไม่ได้เจาะจงบุคคล-นักการเมือง
20 พฤศจิกายน 2568 - ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายกรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรคฯ และนายพงศกรขวัญเมือง โฆษกพรรค เดินทางเข้ายื่นหลักฐานเส้นทางธุรกรรมการเงินของกระบวนการสแกมเมอร์
โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาสแกมเมอร์หลอกลวงประชาชนมีอยู่ทั่วประเทศและทั่วโลก ถือเป็นปัญหาใหญ่ไม่ใช่แค่เฉพาะประเทศไทย และโลกก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการ วิพากษ์วิจารณ์และมีการอภิปรายเกิดขึ้นที่รัฐสภา ว่ากระบวนการสแกมเมอร์ระดับโลกเข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมในประเทศไทย มีการเชื่อมโยงกับบุคคลที่เป็นคนไทยหลายคน รวมทั้งบุคคลที่มีตำแหน่งทางการเมืองด้วย แต่ที่ผ่านมา สิ่งที่เห็นเป็นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ระหว่างบริษัทหรือการทำธุรกิจร่วมกัน แม้รัฐบาลก็ตอบสนองด้วยการจัดทำข้อตกลงกับหน่วยงานต่างๆ และบอกว่าให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกัน และถือเป็นวาระแห่งชาติ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่ทราบว่าหน่วยงานต่างๆ มีการดำเนินการอย่างไร เพราะนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็เคยบอกว่า ใครที่มีข้อมูล หรือมีหลักฐานก็ให้นำมาเสนอยังรัฐบาล
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำ มีเหตุผลหลักอยู่สองประการคือ 1. ขณะนี้สหรัฐอเมริกาอยู่ในขั้นตอนตรากฏหมายที่มีการระบุบุคคลที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับอาชญากรรมนี้ และถ้าหากกฎหมายนี้ผ่านภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน สหรัฐอเมริกาก็สามารถจะเข้ามาดำเนินการได้หลายอย่าง หากติดตามข่าวสารโดยเฉพาะข่าวต่างประเทศจะพบว่า ขณะนี้หลายประเทศมีการดำเนินการในเรื่องนี้ไปแล้ว ทั้งในการยึดทรัพย์ จับเครือข่ายอาชญากรรม แต่ประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ถูกจับตาอยู่กลับยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ เลย
ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์จึงมีความเป็นห่วงว่า ถ้าปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไป นอกจากมีคำถามในเรื่องของอธิปไตยแล้ว เราเคยเห็นภาพรัฐบาลจีนที่เข้ามากำกับดูแลการปฏิบัติการที่เกี่ยวกับสแกมเมอร์ ที่อยู่บริเวณชายแดนไทย ถ้าเกิดแบบนี้กับสหรัฐอเมริกาอีก ภาพลักษณ์ของประเทศไทยจะเสียหายอย่างมาก เพราะจะกลายเป็นประเทศที่อำนวยความสะดวก หรือมีระบบการเงินต่างๆรองรับอาชญากรรมเหล่านี้
2.ปัจจุบันมีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากภายใต้คำว่าทุนเทา ซึ่งเข้ามาทำลายเศรษฐกิจ และยังมีการครอบงำทางการเมืองด้วย พรรคประชาธิปัตย์เรามองว่า เราไม่ต้องการให้ให้ทุนเทาคืบคลานเข้ามาครอบงำการเมือง หรือถ้ามีก็ต้องเร่งขจัดโดยเร็ว แต่ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่เอาเรื่องของทุนเทามาเป็นการหาเสียงหรือกล่าวหากันไปมา ดังนั้น พรรคจึงหาหลักฐานซึ่งใช้วิธีการตรวจสอบธุรกรรมของบุคคล และนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมีรายชื่อของคนที่อยู่ในกฎหมายของสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังพบว่ามีความผิดปกติของการทำธุรกรรม เริ่มต้นเพียงแค่ 10 เหรียญสหรัฐ หรือ 330 บาทไทย ที่เป็นทุนจดทะเบียนของบริษัท ที่มีอดีตรัฐมนตรีเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สามารถเข้ามาซื้อกิจการซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าเป็นล้านเท่า จนในที่สุดบริษัทเหล่านี้ ก็มาเชื่อมโยงกับบุคคลที่มีรายชื่อในสหรัฐอเมริกา และปลายทางยังเชื่อมโยงมาถึงบริษัทพลังงานหลักของประเทศไทย ที่เคยตกเป็นข่าวมาแล้วว่า อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา
โดยธุรกรรมที่พบผิดปกติ จะมีตั้งแต่เรื่องของการซื้อขายหลักทรัพย์ราคาเกินจริงกว่าในตลาด มีการจัดทำโครงสร้างบริษัท เพื่อหลบเลี่ยงการห้ามทำกิจกรรม เพราะเป็นบริษัทต่างชาติ และยังมีอื่นๆ อีกมากมาย
“วันนี้ที่เรามายื่นที่ ปปง. เพราะว่ามีความผิดปกติทางธุรกรรม ตามกฎหมาย ปปง. มีเหตุผลเพียงพอที่ ปปง. จะสามารถเริ่มต้นกระบวนการตรวจสอบได้ และสิ่งที่ต้องการให้ ปปง. ทำคือ ใช้ความผิดปกติของธุรกรรมเหล่านี้ ซึ่งมีหลักฐานแล้วนำไปขยายผล เชื่อมโยงไปยังรายชื่อของบุคคลต่างๆ และเพิ่มชื่อบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องในตรงจุดนี้ เพื่อนำไปสู่การระงับการทำธุรการ อายัดทรัพย์ และการประสานงานกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ( ก.ล.ต.) รวมถึงสถาบันการเงินอื่นๆ ให้ค้นหาได้ว่าธุรกรรมที่ผิดปกติ เจ้าของเงินที่ได้ประโยชน์ที่แท้จริงคือใคร เราเชื่อว่า จะสามารถขยายผลไปยังคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังย้ำถึงเป้าหมายของพรรคว่า ไม่ได้เจาะจงไปยังบุคคลใดบุคคลหนึ่งทางการเมือง แต่สิ่งที่ต้องการทำคือเป็นการปรามกระบวนการสแกมเมอร์ และหลังจากนี้ จะมีการไปยื่นเรื่องที่ ก.ล.ต. ด้วย จึงอยากให้สองหน่วยงานนี้ทำงานประสานงานกัน เพราะความผิดในกฎหมายหลักทรัพย์ อาจจะเป็นความผิดมูลฐาน นอกเหนือจากการฉ้อโกงประชาชน การค้ามนุษย์ ซึ่งมีรายงานที่เกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้อยู่แล้ว และอยากให้ ปปง.ประสานงานกับหน่วยงานต่างประเทศอีกด้วย
เนื่องจากจะต้องมีการร่วมมือกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ตนคาดหวังที่จะเห็นการดำเนินการโดยเร็ว และเป็นรูปธรรม ไม่เพียงแต่ว่าเอาผิดในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แต่เพื่อสกัดกั้นไม่ให้มีการโยกย้ายถ่ายโอนสินทรัพย์ หรือเรื่องเงินอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้การเอาผิดยากขึ้น
"หวังว่ารัฐบาลจะสนับสนุนหน่วยงานเหล่านี้ เพราะความจริงแล้วหน่วยงานเหล่านี้ มีอำนาจในการตรวจสอบ การเมืองต้องไม่เข้ามาเป็นอุปสรรค และการเมืองต้องสนับสนุน แต่เมื่อคาบเกี่ยวกันตรงจุดนี้แล้ว ก็อยากเรียนให้นายกรัฐมนตรีรับทราบว่า สิ่งหนึ่งที่จะช่วยพิสูจน์ให้เห็นความจริงได้ ก็คืออย่างน้อยคนที่เกี่ยวโยงถึงขั้นเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของบุคคลที่โลกสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับกระบวนการสแกมเมอร์ ไม่สมควรจะมีตำแหน่งทางการเมือง แต่เมื่อรัฐบาลตั้งไปแล้ว สิ่งแรกที่จะพิสูจน์คือควรจะต้องให้พ้นจากตำแหน่ง ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการกล่าวหาว่าทำอะไรผิด แต่ต้องคิดถึงความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศอื่นตรากฎหมาย เพื่อเอาผิดกับบุคคลที่โลกสงสัย แต่รัฐบาลไทยกับตั้งบุคคลที่เกี่ยวโยงกับเรื่องนี้ จึงอยากให้นายกฯ ทำสิ่งนี้เป็นสิ่งแรก ส่วนในเรื่องของหน่วยงานตรวจสอบ ปปง.หรือ ก.ล.ต. ก็ดี ก็มีขั้นตอนในการตรวจสอบตามกฏหมาย เชื่อว่า"ต้องใช้ระยะเวลา แต่ส่วนตัวเห็นว่า จะใช้ไม่มาก เพราะเอกสารทั้งหมดถือว่าชัดเพียงพอ ที่จะดำเนินการได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนรายชื่อที่มีการส่งให้ ปปง.ในวันนี้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเอกสารที่มีชื่อบุคคลเหล่านี้ ซึ่งเป็นเอกสารสาธารณะที่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากธุรกรรมหลายธุรกรรม ต้องดำเนินการผ่านตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น ตามกระบวนการจะต้องทำรายงานในการเปิดเผยข้อมูลบางส่วนอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่า อดีตรัฐมนตรี เคยเป็นประธานก.ล.ต.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประธาน ก.ล.ต. ไม่ใช่นักการเมือง ส่วนในระดับรัฐมนตรี มีกี่คนที่เกี่ยวข้องนั้น นายอภิสิทธิ์ ย้ำว่า มี 2 ทั้งอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ และอดีตรัฐมนตรีชุดที่แล้ว
สำหรับการที่เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการหลังอดีตรัฐมนตรีลาออกไป เพื่อให้มีการสืบผู้เชื่อมโยงเพิ่มเติมนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริงๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับอดีตรัฐมนตรี หรือไม่ใช่รัฐมนตรี แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ที่มีทุนจดทะเบียน 10 เหรียญสหรัฐ หรือ 330 บาทไทย แต่สามารถซื้อกิจการที่มีมูลค่าสูงกว่าเป็นล้านเท่า มันคือความผิดปกติ เพราะสุดท้ายแล้วกิจการที่ไปซื้อ ก็มีความเชื่อมโยงกับสแกมเมอร์ ย้ำว่า เราต้องเริ่มต้นจากการปราบปรามเป็นจุดประสงค์หลัก เพียงแต่เรื่องนี้ มีความเกี่ยวข้องกับนักการเมือง และถ้าหากผิดก็ต้องดำเนินการ แต่เราไม่ได้ตั้งต้นว่าเราจะเอาผิดนักการเมือง ที่เหมือนเป็นการหาเรื่อง ซึ่งไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของคนทั้งโลกที่เดือดร้อน แต่ประเทศไทยต้องแสดงบทบาทในการร่วมมือกับกระบวนการปราบปรามสแกมเมอร์
"แม้จะมีรายชื่ออดีตรัฐมนตรี 2 ท่าน เราก็มั่นใจว่ามีร่องรอยหลายอย่าง น่าจะมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย"
เมื่อถามว่าหมายถึงนักการเมืองใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ครับ แต่ยุคไหนไม่ระบุ เชื่อว่า หาก ปปง. นำไปสืบสวนขยายผลก็จะได้ประโยชน์"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ราชกิจจาฯ ประกาศ ป.ป.ง. ‘บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง’
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเรื่อง บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
ตร.บางพลีบุกช่วยนศ. โดนแก๊งคอลฯอ้างเป็นDSI สูญเงิน 2 แสน
ตำรวจบางพลี บุกช่วยนักศึกษามหาวิทยาลัยดัง หลังโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก อ้างเป็นดีเอสไอ โอนเงินเกือบ 2 แสนบาท
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
เพื่อไทยกระอัก! 'อนุทิน' ย้อนเจ็บ มีภาพคู่ทักษิณเยอะ ไม่เห็นมีปัญหา
"อนุทิน" เหน็บ "สุริยะ-โฆษกเพื่อไทย" ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ร่วมวง การสนทนาสำหรับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ย้อนเจ็บภาพถ่ายคู่ทักษิณก็มีตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ
โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ


