เรื่องราวของ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านหาดไก่ต้อย จังหวัดอุตรดิตถ์ คือบทพิสูจน์ชั้นดีว่า “ความไม่ยอมแพ้” สามารถเปลี่ยนผืนดินที่แห้งแล้งให้กลายเป็นแหล่งสร้างรายได้ และเปลี่ยนวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสได้จริง ๆ จากพื้นที่ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าไร้ความหวัง กลับพลิกฟื้นจนกลายเป็นแหล่งผลิตมะม่วงหิมพานต์คุณภาพเยี่ยม และเป็นต้นกำเนิดของตำนานที่อบอวลด้วยความพากเพียรของผู้คนในชุมชนแห่งนี้

บ้านหาดไก่ต้อยถือกำเนิดขึ้นหลังการอพยพผู้คนจากเขื่อนสิริกิติ์ ชาวบ้านได้รับการจัดสรรพื้นที่ใหม่ซึ่งเป็นภูเขาหินลูกรังแห้งแล้งจนแทบปลูกอะไรไม่ได้ จนกระทั่งปี 2520 หน่วยงานรัฐเข้ามาส่งเสริมให้ปลูก “มะม่วงหิมพานต์” พืชที่ทนแล้งได้ดี แม้ทุกบ้านลงแรงปลูก แต่เมื่อผลผลิตเริ่มออกกลับพบอุปสรรคครั้งใหญ่ ไม่มีใครรู้วิธีกะเทาะเม็ด ไม่มีการแปรรูปจนขายไม่ได้ หลายคนเริ่มหมดหวัง ต้นมะม่วงหิมพานต์ถูกโค่นทิ้งพร้อมกับกำลังใจของคนในชุมชนที่ค่อย ๆ หมดไป

แสงแห่งความหวัง…จากสองตายาย
นายบุญ และนางบุญ ปิสา คู่สามีภรรยาแห่งหมู่ 3 คือผู้จุดประกายความหวังครั้งสำคัญ พวกเขาลองผิดลองถูกเพื่อหาวิธีแกะเม็ดมะม่วงหิมพานต์ จนในที่สุดค้นพบว่า หากนำเม็ดดิบแช่น้ำ ต้ม และใช้มีดแกะอย่างประณีต ก็สามารถดึงเม็ดข้างในออกมาได้อย่างสวยงาม และยิ่งกว่านั้น รสชาติกลับ “หวาน มัน เนื้อแน่น” ไม่เหมือนที่ไหน สองตายายนำไปขายและสร้างรายได้จริง ทำให้ชาวบ้านเริ่มกลับมาศึกษาวิธีแกะและเห็นคุณค่าของผลผลิตอีกครั้ง

จากสิ่งที่เคยไร้ค่า กลายเป็นความหวังใหม่ทั้งตำบล ต้นมะม่วงหิมพานต์ที่เคยถูกทอดทิ้งกลับมีอนาคตอีกครั้ง ชุมชนเริ่มปลูกเพิ่ม ดูแลอย่างใส่ใจ ขยายจากหมู่บ้านสู่อำเภอ จากผืนดินแห้งแล้งสู่ผืนดินแห่งโอกาสที่เติบโตเป็นรูปธรรม


จุดเปลี่ยนสำคัญมาจากเมื่อผลผลิตมากขึ้น การรวมกลุ่มเพื่อสร้างอำนาจต่อรองและต่อยอดผลผลิตให้มีมูลค่าสูงขึ้นก็ได้เกิดขึ้น เกษตรกรไม่ต้องขายเม็ดดิบให้พ่อค้าคนกลางอีกต่อไป แต่ร่วมกันจัดตั้ง “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านหาดไก่ต้อย” ภายใต้การนำของ พี่แอ๊ด นางวันทรา ผ่านคำ ผู้เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาชุมชนให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

วิสาหกิจชุมชนกลุ่มนี้เดินหน้าต่อยอดอย่างจริงจัง พร้อมการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่อยู่เคียงข้างมายาวนานกว่า 10 ปี ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนงบประมาณตรวจคุณค่าทางโภชนาการ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ งานวิจัยเพื่อพัฒนาน้ำมะม่วงหิมพานต์เข้มข้น ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) และพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำนมมะม่วงหิมพานต์ ร่วมกับสถาบันอาหาร รวมถึงการพาไปออกงานแสดงสินค้าในเวทีต่าง ๆ กฟผ. จึงไม่ใช่แค่ผู้สนับสนุน แต่เป็นเพื่อนร่วมทางของชุมชนอย่างแท้จริง

จากเม็ดดิบธรรมดาสู่ผลิตภัณฑ์กว่า 14 ชนิด
ความสำเร็จเริ่มผลิบาน เมื่อชุมชนพัฒนาการแปรรูปให้มีความหลากหลาย ทั้งรสต้มยำ ปาปริก้า บาบีคิว โนริสาหร่าย งาขี้ม่อน คุกกี้ รวมถึงน้ำมะม่วงหิมพานต์และน้ำนมมะม่วงหิมพานต์ โดยสินค้ายอดนิยมตลอดกาลคือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบน้ำเกลือ ที่ให้รสธรรมชาติ กินเพลิน และดีต่อสุขภาพเพราะใช้วิธีอบแทนการทอด

นอกจากนี้ ผลวิจัยยังพบว่าเม็ดมะม่วงหิมพานต์จากอุตรดิตถ์มีสาร Beta Sitosterol สูงที่สุดในไทย ช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดการอักเสบ และเพิ่มภูมิคุ้มกัน อีกทั้งยังอุดมด้วย GABA และเบต้าแคโรทีน ซึ่งดีต่อสมองและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ทุกส่วนของมะม่วงหิมพานต์…ไม่มีอะไรถูกทิ้ง
หัวใจสำคัญของกลุ่มนี้คือแนวคิด Zero Waste ใช้ประโยชน์จากทุกส่วนของต้นมะม่วงหิมพานต์ ตั้งแต่เม็ด เนื้อเยื่อ เปลือก จนถึงกิ่งไม้ที่ตัดทอน นำกลับมาใช้ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการทำปุ๋ยหมัก เพาะต้นพันธุ์ หรือขายเปลือกให้โรงงานสำหรับสกัดทำผ้าเบรก นี่คือการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืนที่สุด


พลังงานแสงอาทิตย์…อบความฝัน
ผลิตภัณฑ์แบรนด์ “Queen” ใช้ตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ ช่วยลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่อห่อต่ำมากจนได้รับตราสัญลักษณ์ “ผลิตภัณฑ์ชุมชนลดใช้พลังงาน” จากกระทรวงพลังงาน พร้อมผสานภูมิปัญญาชุมชนด้วยการแกะเม็ดด้วยฝีมือคน เพื่อให้ได้เม็ดสวยงาม คงคุณภาพ และสร้างงานในพื้นที่ ทำให้สินค้าได้รับมาตรฐานระดับประเทศ ทั้ง อย. มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน “ทางเลือกสุขภาพ” และเป็นสินค้า OTOP 5 ดาว สร้างรายได้เฉลี่ยกว่า 2.5 ล้านบาทต่อปี


ความสำเร็จที่ประเทศยอมรับ
ด้วยความตั้งใจและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ วิสาหกิจชุมชนแห่งนี้ได้รับรางวัลมากมาย เช่น รองชนะเลิศอันดับ 1 วิสาหกิจชุมชนดีเด่นระดับประเทศ ปี 2561, วิสาหกิจชุมชนต้นแบบสัมมาชีพ ปี 2567 ประเภทแปรรูปอาหาร, OTOP 5 ดาว, อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ระดับประเทศ

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าชุมชนเล็ก ๆ แห่งนี้ ได้ใช้ความรู้ นวัตกรรม และพลังร่วมกันเปลี่ยนพื้นที่ท้าทายให้กลายเป็นฐานความมั่นคงอย่างยั่งยืน และสิ่งที่งดงามที่สุดคือ การแบ่งปันอย่างเป็นธรรม รายได้ของกลุ่มถูกนำกลับคืนสู่สมาชิกและสังคมอย่างรอบด้าน ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เพื่อ “ทั้งชุมชน”
- 40% ปันผลให้สมาชิก เป็นการตอบแทนแรงกายแรงใจของทุกคน
- 30% สมทบเข้ากองทุน เพื่อเสริมความมั่นคงและต่อยอดอนาคต
- 20% สวัสดิการ ดูแลกันเหมือนครอบครัว
- 10% ทำสาธารณประโยชน์ เช่น ช่วยผู้สูงอายุ แจกของวันเด็ก หรือพัฒนาหมู่บ้าน

หาดไก่ต้อยจึงไม่ใช่แค่แหล่งผลิตมะม่วงหิมพานต์ แต่นี่คือเรื่องราวของหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ การรวมพลังของคนตัวเล็ก ๆ และการใช้ทรัพยากรอย่างฉลาด จนกลายเป็นแบบอย่างของการพึ่งพาตนเองและการพัฒนาที่ยั่งยืนที่งดงามอย่างที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
SAMART แจ้ง 'เทด้า' คว้างานใหญ่ รวมมูลค่ากว่า 3.2 พันลบ. ดันมูลค่างานในมือพุ่งแตะ 3.7 พันล้านบาท
“เทด้า” คว้างานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าใหญ่ รวมมูลค่ากว่า 3.2 พันล้านบาท วางแผนเข้าประมูลงานอีกหลายโครงการ ล่าสุดคว้ารางวัล “คู่ค้าดีเด่นประจำปี 2568” จากกฟผ. การันตีองค์กรคุณภาพที่มีมาตรฐานการทำงานสูง
กฟผ. รับลูก รมว.พลังงาน เปิดวอร์รูมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้เร่งด่วน ส่งมอบถุงยังชีพต่อเนื่อง - ดูแลระบบไฟฟ้าให้มั่นคงปลอดภัย
กฟผ. เปิดวอร์รูมปฏิบัติการบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมเร่งช่วยเหลือผู้ปฏิบัติงาน กฟผ. ในพื้นที่โรงไฟฟ้าจะนะ จ.สงขลา ยืนยันระบบผลิตไฟฟ้ายังมั่นคง รองรับการใช้งานได้ตามปกติ
'พีระพันธุ์' เบรกรัฐบาลหยุดซื้อไฟแพงเกินจริง จี้ต่อรองสัญญาใหม่ อย่าเกรงใจนายทุน
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อกรณีที่รัฐบาลมีมติเร่งรัดจัดซื้อไฟฟ้าโซลาร์ล็อตใหญ่ในราคาที่สูงกว่าเกณฑ์ปกติ โดยชี้ว่า
พาส่องประสบการณ์งานหลงเสน่ห์บางกรวย ตอน “เมืองต้อง Share, Rare บางกรวย”
“อำเภอบางกรวย” ถือเป็นพื้นที่ที่ติดกับเขตกรุงเทพเลยก็ว่าได้ และไม่ไกลมากหากจะเดินทางไปเยี่ยมเยือน เมืองเล็ก ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในจังหวัดนนทบุรีแห่งนี้
“รักแรกพบ” สู่หยดน้ำผึ้งแห่งความยั่งยืนของชุมชนไทรห้อง
ชุมชนไทรห้อง ตำบลควนกรด อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เคยเป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่ผู้คนส่วนใหญ่มีรายได้หลักจากการกรีดยางพารา


