ปปง.-ปปช. ลุยสอบจนท.รัฐ-นักการเมือง เอี่ยวสแกมเมอร์ โยงภาพ 'เบน สมิธ' ลงนาม MOU ดีอี-บ.สิงคโปร์

เจ้าหน้าที่รัฐมีหนาว! ภาพถ่าย "เบน สมิธ" โผล่เป็นพยานลงนาม MOU กระทรวงดีอี-บ.สิงคโปร์ พ่นพิษ หลัง ปปง. - ป.ป.ช. เดินหน้าลุยตรวจสอบเส้นทางเงิน-ธุรกรรม-โครงการโยง "เบน สมิธ และบริษัทฯ" แย้ม ป.ป.ช. พร้อมฟันร่ำรวยผิดปกติ หาก จนท.รัฐเอื้อประโยชน์ ขณะที่ประเด็นยึด-อายัดทรัพย์หมื่นล้าน ก๊วน "ก๊กอาน-เฉิน จื้อ-เบน สมิธ" ต้องชี้แจงภายใน 30 วัน 

11 ธันวาคม 2568 - สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษก ปปง. และนายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกันเปิดเผยภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือครั้งที่ 1/2568 ในประเด็นที่ ปปง. ได้ดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติกว่า 10,165 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย 4 รายคดีสำคัญ คือ รายคดีนายเฉิน จื้อ, รายคดีนายก๊ก อาน, รายคดี น.ส.แตงไทย บ้านมะหิงษ์ กับพวก และรายคดีนายเอื้ออังกูร สันติรักษ์โยธิน กับพวก ว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าพนักงานของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเอื้อประโยชน์อย่างไรหรือไม่

รวมถึงประกาศสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เรื่อง บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง พ.ศ. 2568 และกรณีที่นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ประสานขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงาน ปปง. ดำเนินการตรวจสอบบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างกระทรวงดีอีฯ ในยุคสมัยของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง และบริษัท Prime Opportunity Fund VCC Singapore หลังจากพบเส้นทางเชื่อมโยงขบวนการฟอกเงินดิจิทัลระดับโลก แต่ใน MOU ได้ระบุว่า จะร่วมกันจัดทำโครงการศูนย์กลาง ธุรกิจดิจิทัลและการเงิน (TIDC)

โดย นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ตามที่ก่อนหน้านี้คณะกรรมการธุรกรรม สำนักงาน ปปง. ได้มีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติกว่าหมื่นล้านบาท ที่อาจมีเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าพนักงานของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง มาเอื้อประโยชน์ หรือมาร่วมหรือไม่ และเรายังขอชื่นชมประกาศของ ปปง. ที่มีการกำหนดรายละเอียดบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง เพราะจะเป็นไปตามที่ กฎหมาย ป.ป.ช. ได้กำหนดไว้อยู่แล้ว ทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อจะได้ประสานข้อมูลร่วมกันในอนาคต และบังคับใช้กฎหมายร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ป.ป.ช. ยังได้ประสานข้อมูลสำคัญกับ ปปง. เพื่อป้องกันการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าพนักงานของรัฐ เพื่อรับแจ้งข้อมูลเบาะแสจากสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชน สกัดเหตุได้ทันท่วงที

นายพัฒนพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับข้อมูลการยึดและอายัดทรัพย์สินหมื่นล้านบาทของ ปปง. ในคดีสแกมเมอร์ข้ามชาติที่ผ่านมา จะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น เบื้องต้น ป.ป.ช. ได้รับแจ้งว่า ปปง. อยู่ระหว่างการขยายผลตรวจสอบ แต่ตอนนี้ตอบได้ว่ายังไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ระหว่างการขยายผลนี้ ปปง. ก็จะดูว่ามีการโอนเงินมาจากแหล่งเงินใดบ้าง แล้วจะนำไปสู่การดูเพิ่มเติมว่าเงินนั้นมีเจ้าหน้าที่รัฐมาเกี่ยวโยงหรือไม่ หรือมีบริษัท หน่วยงานรัฐใดไปทำธุรกรรมร่วมกับตรงนั้นบ้าง อาทิ เรื่องภาษี เป็นต้น

นายพัฒนพงศ์ ระบุอีกว่า การทำงานร่วมกันระหว่าง ป.ป.ช. และ ปปง. จะใช้กฎหมายของทั้งสองหน่วยงานควบคู่กัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ทั้งในเชิงรุกและเชิงลึก พร้อมเปิดรับข้อมูลจากสื่อและประชาชน เพื่อเร่งสกัดปัญหาทุจริตให้ทันท่วงที

นายพัฒนพงศ์ ยังได้ชี้แจงบทบาทของ ป.ป.ช. ว่าจะตรวจสอบเส้นทางการเงินและเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการโอนเงิน ไม่ว่าจะเป็นระดับปฏิบัติการหรือระดับผู้บริหารนโยบาย หากพบว่ามีการใช้อำนาจมิชอบ หรือเอื้อประโยชน์ จะมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หากเจ้าหน้าที่รัฐมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ป.ป.ช. สามารถไต่สวนเรื่อง "ร่ำรวยผิดปกติ" ได้ รวมถึงการตรวจสอบภาพถ่ายกับบุคคลตามข่าว ซึ่งภาพถ่ายเจ้าหน้าที่รัฐกับผู้ถูกกล่าวหาเป็นเพียงจุดเริ่มต้น จะต้องดูพฤติการณ์ว่ามีการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบหรือไม่ โดยไม่ต้องรอเจ้าทุกข์แจ้งเรื่องร้องเรียน ทาง ป.ป.ช. ทำหน้าที่แทนรัฐ สามารถเริ่มไต่สวนได้ทันที หากมีเหตุอันควรสงสัย ไม่จำเป็นต้องรอให้มีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ

นายพัฒนพงศ์ ระบุว่า กรอบเวลาไทม์ไลน์ว่าเราจะตรวจสอบย้อนหลังไปกี่ปีนั้น ด้วยความที่ ปปง. อยู่ระหว่างการขยายผลตรวจสอบ จึงขอรอข้อมูลตรงนี้ก่อน แต่ยกตัวอย่างเช่น บุคคลที่ไปเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับหน่วยงานกระทรวงใดที่ปรากฏเป็นข่าว เราก็ต้องไปดูรายละเอียด ว่ามีอำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐไปเอื้อประโยชน์หรือไม่ เพราะบางครั้งอาจใช้อำนาจปกติไม่ได้มีเจตนาอื่น หรือเข้าไปเพื่อเอื้อประโยชน์แก่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่ ถ้าหากเอื้อประโยชน์จริง ก็จะเข้าข่ายความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ตามอำนาจกฎหมาย ป.ป.ช. และมันก็มีกรอบอายุความที่ 15-20 ปี ระยะเวลาเรามีพอสมควร แต่เราจะไม่รอให้ถึงวันนั้น เราจึงต้องทำงานเชิงรุก ให้ ปปง. เดินหน้าตรวจสอบธุรกรรม แต่ถ้ามีเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อประโยชน์ ป.ป.ช. จะเข้าไปจัดการในส่วนนี้

สำหรับเรื่องภาพถ่ายที่ปรากฏว่ามีข้าราชการระดับสูงของไทยหลายคนไปเกี่ยวข้องกับนายเบน สมิธ อีกทั้งชื่อของนายเบนฯ ก็ยังไปอยู่โครงการอื่น ๆ ในรัฐบาลก่อนหน้านี้ ดังนั้น หากกระทรวง หน่วยงานใดของไทยเคยมีการทำกิจกรรมโครงการร่วมกับนายเบน หรือบริษัทของนายเบน ทาง ปปง. และ ป.ป.ช. จะตรวจสอบตรงนี้เลยหรือไม่นั้น

นายพัฒนพงศ์ ยืนยันว่า เราจะเริ่มจากตรงนี้เช่นกัน และจะเริ่มจากข้อมูลของสื่อมวลชนที่มีการนำเสนอรายงานกันด้วย โดยจะนำไปประมวลข้อเท็จจริงว่าเกี่ยวข้องกับบริษัทใดบ้าง และบริษัทต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับโครงการรัฐนั้น ๆ ได้อย่างไร มาอย่างถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ มีเจ้าหน้าที่รัฐคนไหนไปเอื้อประโยชน์ ช่วยเหลือ สนับสนุนหรือไม่ เพราะว่าคดีอาญาในส่วนของ ป.ป.ช. เราต้องทำตามพยานหลักฐาน เพื่อให้สอดคล้องกับอำนาจกฎหมายฐานทุจริตต่อหน้าที่

เมื่อถามว่าบางภาพถ่ายก็ปรากฏถึงขนาดมีอดีตนายกรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูงไปร่วมถ่ายภาพกับนายเบน สมิธ จะต้องเชิญให้ข้อมูลด้วยหรือไม่ นายพัฒนพงศ์ ระบุว่า ป.ป.ช. เป็นองค์กรอิสระ เรามีอำนาจตรวจสอบระดับผู้บริหารสูงสุด ทั้งข้าราชการฝ่ายการเมืองและระดับปฏิบัติการ เราเป็นหน่วยงานมืออาชีพอยู่แล้ว ถ้ามีเจ้าหน้าที่รัฐไปเกี่ยวข้อง ป.ป.ช. ก็ต้องถือธงนำดำเนินการ

ด้าน นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในและฐานะโฆษก ปปง. เผยว่า กรณีว่าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐมาเกี่ยวข้องกับเงินหมื่นกว่าล้านบาทที่ ปปง. ยึดและอายัดมาจากคดีสแกมเมอร์ข้ามชาติหรือไม่นั้น ยืนยันว่า เราต้องดูทุกกระบวนการ แต่ในเบื้องต้น ปปง. เน้นไปที่การยึดอายัดทรัพย์สินที่เชื่อได้ว่ามาจากการกระทำความผิดก่อน และหลังจากนั้น จึงจะดูที่กระบวนการโอนเงิน การรับโอน เส้นทางการเงินว่ามันมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องในส่วนไหน อย่างไร

นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องบันทึกข้อตกลง MOU ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้มีการจัดทำร่วมกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ นั้น ประเด็นนี้ ป.ป.ช. ก็มีข้อสังเกตว่ามันจะเป็นเรื่องเดียวกันด้วยหรือไม่ จึงทำให้ ปปง. และ ป.ป.ช. ต้องประสานข้อมูลกันต่อไปสักระยะ เพื่อติดตามดำเนินการ แต่เราก็ต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดแน่นอน ซึ่งถ้าเรื่องใดมันพอขยายผลไปต่อได้ อย่างน้อย ป.ป.ช. ก็จะได้ทำในส่วนของมูลฐานคดีทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ได้ ส่วน ปปง. ก็ค่อยมาต่อยอดในคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินที่มาจากการกระทำความผิด หรือแม้ท้ายสุดไม่เจอคดีมูลฐาน แต่เรากลับเจอธุรกรรมเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนมากที่ไม่สามารถให้คำตอบได้ ไม้ตายของ ป.ป.ช. ก็คือการดำเนินการเกี่ยวกับร่ำรวยผิดปกติ ทั้งนี้ โดยกระบวนการมันต้องมีเจ้าหน้ารัฐไปเกี่ยวข้องอยู่แล้ว แต่มันก็ต้องดูว่าเขาทำถูกต้องหรือไม่ แต่ถ้าไปรู้เห็นเป็นใจให้คนเหล่านี้ เราก็ต้องพิสูจน์ทราบต่อไป

นายวิทยา ได้กล่าวถึงความคืบหน้าการยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวนหมื่นกว่าล้านบาทในคดีสแกมเมอร์ และการขยายผลสู่เจ้าหน้าที่รัฐว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนยึดและอายัดทรัพย์สินชั่วคราว โดยเจ้าของทรัพย์สินมีเวลา 30 วันในการเข้ามาชี้แจงที่มาของทรัพย์สิน ว่าไม่ได้มาจากการกระทำความผิด โดยให้นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือจาก ปปง. และหากชี้แจงที่มาของทรัพย์ไม่ได้ ทาง ปปง. จะส่งเรื่องให้อัยการเพื่อเสนอศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินมาเฉลี่ยชดใช้คืนให้ผู้เสียหาย

ส่วนการตรวจสอบความเชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่รัฐ นายวิทยา บอกว่า เบื้องต้นยังไม่พบความเชื่อมโยงชัดเจน แต่กำลังขยายผลดูเส้นทางการเงินว่ามีส่วนไหนที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปรู้เห็นเป็นใจ หรืออำนวยความสะดวกในการโอนย้ายถ่ายเทหรือไม่

ส่วนกรณีภาพถ่ายคนดังกับผู้ถูกกล่าวหา นายวิทยา ยอมรับว่าเป็น "จุดเริ่มต้น" ของการตรวจสอบความสัมพันธ์ แต่ลำพังแค่ภาพถ่ายยังบอกไม่ได้ว่าผิด ต้องพิสูจน์ทราบถึง "ความสัมพันธ์เชิงลึก" และธุรกรรมทางการเงิน พร้อมยืนยันว่าหน่วยงานรัฐสงสัยเช่นเดียวกับประชาชน และขอเวลาตรวจสอบเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เมื่อถามว่าอาจมีการโยกย้ายทรัพย์สินไปก่อน ปปง. จะมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์ได้นั้น นายวิทยา ยอมรับว่า อาจมีข่าวรั่วนานแล้ว ก็อาจมีการโยกย้ายทรัพย์ไปบ้าง แต่ ปปง. ใช้มาตรการ "มีเหตุอันควรเชื่อ" เข้ายึดและอายัดทรัพย์ไว้ก่อน ซึ่งยอด 1 หมื่นล้านบาทถือว่าจำนวนมากและเป็นรูปธรรมแล้ว

การตรวจสอบเรื่องนี้มีความกังวลว่าจะไม่ถึงตัวการใหญ่ นายวิทยา บอกว่า ขอให้รอดูเพราะทุกอย่างเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ส่วนใครจะปรามาสอย่างไรขอให้รอดูบทสรุป ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วนกรณีที่เบน สมิธถ่ายภาพร่วมกับบุคคลร่วมกับบุคคลสำคัญและมีชื่อเสียงระดับประเทศ จะมีการเรียกมาตรวจสอบหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า จะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาตรวจสอบถึงความสัมพันธ์ โดย ปปง. ระบุว่าภาพถ่ายเพียงอย่างเดียวไม่สามารถชี้ชัดความผิด จะต้องมีปัจจัยอื่นๆ ถึงจะมีความเป็นธรรมกับทุกคน ซึ่งจะต้องตรวจสอบเชิงลึกว่ามีความเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินมากน้อยเพียงใด ส่วนสุดท้ายจะเป็น "มวยล้มต้มคนดู" หรือไม่ หรือมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปก่อนหน้าที่จะมีการยึดและคืนในที่สุด นายวิทยา ระบุว่า ขอให้รอดูผลการปฏิบัติของเรา

ส่วนกรณีที่กระทรวงดีอีฯ ได้ทำ MOU ร่วมกับบริษัทเอกชนในสิงคโปร์ นั้น นายวิทยา บอกว่า เรื่องนี้จะต้องมีการติดตามสืบสวนสอบสวนให้เกิดความชัดเจนก่อนว่าเป็นโครงการดำเนินการอย่างไรบ้าง เพราะในกระบวนการโดยปกติจะต้องมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่แล้ว แต่จะต้องดูในขั้นตอนการดำเนินการว่าทำถูกต้องหรือไม่ และรู้เห็นเป็นใจให้กับกลุ่มบุคคลเหล่านี้หรือไม่ นอกจากนี้ กรณีที่เคยมีกระทรวงหน่วยงานใดของไทย หรือบริษัทนิติบุคคลใดได้เคยทำโครงการ หรือสัญญาการจ้างกับนายเบน สมิธ หรือบริษัทของนายเบน สมิธ นั้น เราก็จะดำเนินการตรวจสอบย้อนหลังเช่นเดียวกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'โรม' ชี้พฤติการณ์ผิดปกติ 'ธรรมนัส-นฤมล-เบน สมิธ' โผล่ถ่ายภาพลงนาม MOU บ.สิงคโปร์

"โรม" แฉ ไม่พบหนังสือเชิญ "ธรรมนัส-นฤมล" ร่วมเฟรม "เบน สมิธ" เป็นพยานลงนาม MOU บ.สิงคโปร์ ชี้ผิดปกติ เพราะไม่ถูกระเบียบ แย้มมีชื่อ "สุชาติ" เอี่ยว เผย ตร. ออกหมายแดง "ยิมเลียก-ภรรยา" แล้ว หนุนใช้กลไกส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับมารับโทษในไทย

'ไชยชนก' โยนคนร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' ลงนาม MOU สิงคโปร์แจงเอง

'ไชยชนก' โยน 'รองนายกฯ-รมต.' ในภาพแจงเอง กรณีร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' เป็นพยาน ลงนาม MOU บ.สิงคโปร์ ยันตรวจสอบถึงที่สุดแล้ว ตั้ง 'คกก. ตรวจสอบ' เตรียมเชิญคนนอกเป็นประธาน

'เจ๊นันทนา' อ้างประชาชนขอให้กลับมติ กมธ.เสียงข้างมาก!

'สว.นันทนา' อ้างเสียงประชาชน ขอให้กลับมติ กมธ.ข้างมาก สร้างกลไกทำ รธน. ที่ขาดประชาชนมีส่วนร่วม เหน็บยังไม่เข็ดอีกหรือ เลือกกันเองแบบ สว. อาจได้เห็นรัฐธรรมนูญฉบับสีเทา

ดีอีสั่งเลิก MOU กับบริษัทสิงค์โปร์ หลังโยงฟอกเงินดิจิทัล พบเบน สมิธ-บิ๊กเนมร่วมเป็นขยาน

วันนี้ (9 ธันวาคม) จากกรณีที่ นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผย เมื่อวันที่ 24 พศจิกายน ว่า ได้สั่งยกเลิก บันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างกระทรวงดีอี และ บริษัท Prime Opportunity Fund VCC Singapore และส่งหนังสือเวียนถึงกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้รับทราบ และหากมีการกระทำใดๆ ภายใต้ MOU นี้

โชว์หล่ออีกแล้ว 'เท้ง' ชี้สู้รบกัมพูชา แค่เดินอ้อมปัญหา ใช้กำลังทหารอย่าให้เกินขอบเขตป้องกันตัวเอง

"ณัฐพงษ์" ย้ำชีวิตทหาร-ประชาชน ไม่ควรมาสูญเสียกับสงคราม เตือนรัฐบาลต้องใช้กำลังทหารควบคู่การทูต พุ่งเป้ากดดันกัมพูชากลับมาทำตามข้อตกลง ชี้ต้องใช้การปราบสแกมเมอร์เป็นหัวใจ กวาดล้างชนชั้นนำระบอบ ฮุน เซน