
22 มิ.ย. 2566 – ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า โอมิครอนอุบัติใหม่หลากหลายสายพันธุ์ย่อยได้เกิดการระบาดแพร่กระจายไปทั่วโลกตั้งแต่ปลายปี 2565 โดยขณะนี้(เดือนมกราคม 2566) ในแต่ละประเทศมีโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่ระบาดเกิดเป็นสายพันธุ์หลักแตกต่างกัน
ล่าสุดประเทศจีนได้ร่วมแชร์ข้อมูลรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของไวรัสโคโรนา 2019 ที่ระบาดในประเทศในช่วงเดือนมกราคม 2566 โดยอัปโหลดขึ้นไว้บนฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID” จำนวน “531 ตัวอย่าง” พบโอมิครอน BA.5.2 มีส่วนแบ่งการระบาดเพิ่มขึ้นร้อยละ 74% คาดว่าจะเข้ามาแทนที่ BF.7 ซึ่งมีส่วนแบ่งการระบาดลดลงเหลือร้อยละ 23% ส่วนใหญ่พบการติดเชื้อ BF.7 ในภาคเหนือ ในขณะที่พบ BA.5.2 พบระบาดในทางตอนใต้ของประเทศ (ภาพ1.1-1.4)
ประเทศสหรัฐอเมริกา สายพันธุ์หลักคือ XBB.1.5 ร้อยละ 49.1% ตามมาด้วย BQ.1.1 ร้อยละ 26.9% (ภาพ2)
ประเทศไทย สายพันธุ์หลักคือ BN.1.3 ร้อยละ 45% ตามมาด้วย BN.1.2 ร้อยละ 16% คาดว่าได้เข้ามาแทนที่ BA.2.75 เป็นที่เรียบร้อยเพราะพบ BA.2.75 เพียง 2 รายในช่วง 1เดือน ที่ผ่านมา (ภาพ3)
ประเทศฟิลิปปินส์ สายพันธุ์หลักคือ BA.2.3.20
ประเทศนิวซีแลนด์ สายพันธุ์หลักคือ CH.1.1
ประเทศรัสเซีย สายพันธุ์หลักคือ CL.1 4
ประเทศออสเตรเลีย สายพันธุ์หลักคือ XBF และ BR.2.1
ประเทศอินเดีย สายพันธุ์หลักคือ XBB
ประเทศเกาหลีใต้ สายพันธุ์หลักคือ BN.1.3
ประเทศญี่ปุ่น สายพันธุ์หลักคือ BF.5
ทำให้เห็นถึงความจำเป็นที่ทุกประเทศต้องร่วมด้วยช่วยกันสุ่มถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโควิด-19 ทั้งจีโนมอย่างต่อเนื่อง(Genomic surveillance) เพื่อตรวจหาและติดตามการแพร่กระจายของโรคโควิดในกลุ่มประชากรของแต่ละประเทศ โดยศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดี ได้รวมการถอดรหัสพันธุกรรม 25,000 ยีนมนุษย์ของผู้ติดเชื้อ (whole exome sequencing) ในกลุ่มสีเขียว เหลือง แดง และลองโควิด เข้ามาด้วย เป้าหมายคือสามารถบ่งชี้และตอบสนองต่อภัยคุกคามด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วชั่วข้ามคืน เช่น เกิดโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีทั้งจากวัคซีน และการติดเชื้อตามธรรมชาติ ไวรัสโควิดสายพันธุ์ที่ดื้อต่อยาฉีดแอนติบอดีเสริมภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป สายพันธุ์ที่ดื้อต่อยาต้านไวรัส รวมทั้งยีนมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับอาการของโควิด เช่น ผู้ที่ไม่ติดเชื้อหรือติดเชื้อไม่มีอาการ (ตลอดสามปีที่ผ่าน) กลุ่มผู้ที่ติดเชื้อในทุกครั้งมีการระบาดของโควิดระลอกใหม่ กลุ่มผู้ติดเชื้อโควิดที่มีอาการรุนแรงต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และกล่มผู้เสียชีวิต และกลุ่มผู้ติดเชื้อที่มีอาการลองโควิดเพื่อหาทางป้องกันและรักษาเพื่อลดผลกระทบของโรคโควิดต่อสุขภาพของประชากรไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับตา! ไข้หวัดใหญ่ H3N2 สายพันธุ์อินเดีย
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ทำไมเมื่อจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในอินเดียลดลง จำนวนผู้ป่วยไวรัสไข้หวัดใหญ่ “H3N2”
เอาแล้ว! ศูนย์จีโนมฯ บอกผลวิจัยยังไม่ชี้ชัดใส่หน้ากากอนามัยป้องกันโควิดได้จริงหรือ
ศูนย์จีโนมฯ รามาธิบดีเผยงานวิจัยทางการแพทย์บอกการล้างมือด้วยสบู่หรือเจลช่วยลดการติดเชื้อไวรัสได้ แต่การใส่หน้ากากอนามัยยังมีข้อมูลย้อน
ข่าวดี! ยาต้านโควิดตัวใหม่ ฉีดครั้งเดียวปราบได้ทุกสายพันธุ์
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กว่า ความหวังยาใหม่ในการรักษาโรคโควิด-19 ผลวิจัยทางคลินิกในสหรัฐพบ “ฉีด” เพียงครั้งเดียว
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ชี้มี 4 คนไทยใช้โมลนูพิราเวียร์แล้วไวรัสกลายพันธุ์!
มีหนาว! ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาฯ เผยกำลังเกาะติดการกลายพันธุ์ของโควิด-19 จากการใช้ยาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์ในคนไข้ 4 ราย ชี้ผลจิวัย ตปท.ทำให้กลายพันธุ์มาก
ศูนย์จีโนมฯ แจง 'วัคซีนรุ่น 3' กับความหวังป้องโควิดกลายพันธุ์
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วัคซีนรุ่นที่ 3 (Third generation vaccine) กับความหวังในการป้องกันโควิด-19 กลายพันธุ์ที่จะระบาดในอนาคต
คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดีอธิบายต้นตอทำไม WHO ยังเตือนเรื่องโควิด
คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีไขข้อข้องใจทำไม WHO ยังเตือนเรื่องโควิด19 เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข เหตุมาจากการกลายพันธุ์จำนวนมาก แต่ยังดีวัคซีนทั้งแบบฉีดและกินเอาอยู่