'บิ๊กตู่' ซูฮกผลงานวิจัยชุดตรวจคัดกรองโรคไตระยะเริ่มต้นแบบพกพาของแพทย์ จุฬาฯ

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ชื่นชมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมชุดตรวจคัดกรองโรคไตแบบพกพาจากแพทย์จุฬาฯ พร้อมสนับสนุนสถาบันการศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมวิจัยด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข

21 มิ.ย.2566 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมความสำเร็จในการวิจัยพัฒนานวัตกรรมชุดตรวจคัดกรองโรคไตระยะเริ่มต้นแบบพกพา ของภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งร่วมกับเครือข่ายนักวิจัยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และทีมงาน จากทำการวิจัยโครงการพัฒนาระบบการคัดกรองโรคไตเรื้อรังระยะเริ่มต้นในระดับปฐมภูมิด้วยชุดตรวจ albuminuria

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า จากสถิติในปี 2564 จากรายงานผู้ป่วยโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ว่า มีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมากถึง 1,007,251 ราย การวิจัยโครงการฯ ดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก สวรส. เพื่อประเมินประสิทธิภาพของชุดตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรังในระยะเริ่มต้น และพัฒนาแนวทางการตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรังในรูปแบบเครื่องมือทดสอบ ณ จุดดูแลผู้ป่วย (Point of care testing) ซึ่งประกอบด้วยชุดตรวจคัดกรองโรคไต ระบบบันทึกข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนผู้ป่วย การจัดเก็บ ประมวลและรายงานผลแบบอัตโนมัติ รวมทั้งพัฒนานวัตกรรมการตรวจค่าการทำงานของไต และการแสดงแสดงผลค่าการตรวจ สามารถตรวจคัดกรองโรคไตได้ตั้งแต่ในระยะแรก นำไปสู่การวิจัยและการรักษาได้รวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนรู้ค่าอัลบูมิน (Albumin) ที่บ่งบอกถึงการเป็นโรคไตได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีแนวโน้มมีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการวิจัยพัฒนารูปแบบนวัตกรรมชุดตรวจคัดกรองโรคไตแบบพกพา จะช่วยยกระดับการเข้าตรวจรักษาทางสุขภาพได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มความมั่นคงในระบบสุขภาพ รวมทั้งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ห่างไกล และไม่สะดวกต่อการเดินทางไปรับบริการในโรงพยาบาล อีกทั้งยังสามารถนำชุดตรวจฯ ไปใช้ในภาคสนาม โรงพยาบาลชุมชน หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ขาดแคลนเครื่องมือทางห้องปฏิบัติการได้อย่างสะดวก ทำให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจคัดกรองโรคไตได้มากยิ่งขึ้น

“นายกฯ ชื่นชมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านสาธารณสุข นับเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของสถาบันการศึกษา พัฒนาองค์ความรู้ทางด้านนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพ และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาระบบสุขภาพของไทยได้ สอดคล้องกับนโยบายทางสาธารณสุขของรัฐบาลที่มุ่งพัฒนาขีดความสามารถในการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้ง เป็นอีกหนึ่งผลงานจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน” นายอนุชากล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชัย' ฟุ้งแค่ไตรมาสแรกต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้าน!

โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ชื่นชมผลจากความสำเร็จรัฐบาล ไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่งเสริมโอกาสการประกอบอาชีพ เพิ่มรายได้ให้คนไทย