'ทนายนกเขา'นำมวลชนบุกหน้าสถานทูตสหรัฐฯจี้หยุดแทรกแซงทำลายความมั่นคงของไทย


เพิ่มเพื่อน    


21 เม.ย.64 -เมื่อเวลา10.45น. ที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำกรุงเทพฯ กลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ , นายพิชิต ไชยมงคล และ นายภิมะ สิทธิ์ประเสริฐ พร้อมด้วยมวลชนจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางมายื่นแถลงการณ์กรณีการแทรกแซง ทำลายความมั่นคงไทย ต่อนายไมเคิล ฮีธ อุปทูต และรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานด้านการเมือง ของสถานเอกอัครราชทูตฯ มารับหนังสือแทน

โดยนายพิชิต ได้ยืนอ่านแถลงการณ์หน้าสถานเอกอัครราชทูตฯ ก่อนมอบหนังสือ โดยมีใจความว่า ช่วงตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ทางกลุ่มฯ ได้ติดตามสถานการณ์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ได้เห็นการล่มสลาย การขัดแย้งของประชาชนในประเทศต่างๆ การเข้าครอบงำทางความคิดของประชาชน การสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจ การอ้างต้องการให้เกิดประชาธิปไตยลดการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการปฏิบัติการทั้งด้านการทูตอย่างเปิดเผย ปฏิบัติการอย่างไร้มารยาททางการทูตบ้าง มีการจัดการผ่านองค์การพัฒนาด้านต่างๆ มีการจัดการโดยองค์กรลับบ้าง จนถึงที่สุดก็เข้าแทรกแซงด้านกำลังทหารและอาวุธเข้าควบคุมประเทศต่างๆ ยึดทรัพยากรจนประเทศเหล่านั้นล่มสลายในที่สุด การกระทำดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงที่สุด เสมือว่าเป็นอาชญากรสงคราม

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่กล่าวมาแล้วปรากฏข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งภาพข่าวว่า สหรัฐฯ มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างสำคัญ ทั้งปรากฏการณ์เคลื่อนไหวทางการเมืองของหลากหลายกลุ่มในไทย แสดงเจตนาผ่านข้อเรียกร้องอย่างชัดเจนถึงความพยายามทำลายความมั่นคงของชาติ ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมที่รักยิ่งของไทย ก็ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ เข้ามามีส่วนสัมพันธ์กับกลุ่มเคลื่อนไหวดังกล่าวอย่างใกล้ชิดอย่างมีนัยสำคัญ อันทำให้เชื่อได้ว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน มีเป้าหมายร่วมกัน มีการประสานงานเป็นระบบอย่างต่อเนื่อง

รวมทั้งที่ปรากฏข่าวกรณีนายเดวิด สเตร็คฟัสส์ และบุคคลอักษรย่อ H เมื่อสืบค้นข้อมูลก็ปรากฏว่า บุคคลดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มุ่งทำลายความมั่นคงของไทย ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งยังพบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับองค์กรที่ปฏิบัติการลับของสหรัฐฯ ถ้าหากความที่กล่าวข้างต้นเป็นจริง ทางกลุ่มฯ เห็นร่วมกันว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ละเมิดอธิปไตยไทย ที่ชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด อันมิอาจยอมรับได้อีกต่อไป ทั้งจะถือว่าการกระทำดังกล่าวมิใช่การทำหน้าที่ในฐานะทูต แต่เป็นปฏิบัติการทางทหารโดยร่วมมือกับองค์กรลับของสหรัฐฯ เพื่อทำให้ไทยเข้าสู่ภาวะล่มสลาย

"การปรากฏตัววันนี้เพื่อแสดงออกถึงการไม่ยอมรับ และขอประณามการกระทำดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมาที่สุด พร้อมเรียกร้องให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าวโดยทันที และขอให้ดำรงตนเป็นกลางอย่างมีอารยะอันสุจริตชนอย่างแท้จริงควรปฏิบัติ โดยขอให้หันมาร่วมมือทางการทูตอย่างสร้างสรรค์ สมกับที่ไทยและสหรัฐฯ ต่างเรียกกันว่ามหามิตร"นายพิชิต กล่าว

ด้านนายนิติธร ให้สัมภาษณ์ว่า ทางกลุ่มเดินทางมาสถานเอกอัครราชทูตฯ เป็นครั้งที่ 2 ก็ยังคงเป็นประเด็นเรื่องเดียวกันคือขอเรียกร้องให้ยุติการแทรกแซงความมั่นคงและบ่อนทำลายความมั่นคงของไทย ทั้งนี้พอเกิดกรณีข้อเท็จจริงของนายเดวิด และบุคคลอักษรย่อ H ก็ไปสืบค้นข้อมูลว่ามีเกี่ยวข้องกับองค์กรที่มีการบริจาคเงิน เราจึงมาเรียกร้องในข้อเรียกร้องเดิมให้ยุติการกระทำแบบนี้

เมื่อถามถึงหลักฐานแชตการพูดคุยของบุคคลดังกล่าว นายนิติธร กล่าวว่า มันมีอยู่แล้ว แต่เราใช้คำว่าข้อเท็จจริงและถ้าหากเป็นความจริง ส่วนข้อมูลของนายเดวิด ก็เป็นข้อมูลสาธารณะที่ปรากฏอยู่แล้วและมันทำให้สืบค้นได้ว่า มีองค์กรใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง และรับเงินสนับสนุนอย่างไรบ้าง และเราก็ติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ก็จะปรากฏว่ามีบุคคลที่มีภารกิจในสถานทูตเข้าไปเยี่ยมเยียน เกี่ยวข้อง เราก็เรียกร้องตรงนี้ซึ่งไม่ควรทำ และเราก็จะเห็นว่าในนานาประเทศหลายๆ ประเทศก็ไม่ได้ทำอย่างที่อเมริกาทำ

ส่วนที่มีการอ้างว่าแชตดังกล่าวเป็นของปลอมนั้น นายนิติธร กล่าวว่า ตนไม่ทราบและไม่ยืนยันข้อเท็จจริง เมื่อกี้ตนก็คุยกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ว่าเขาก็ต้องตรวจสอบและเปิดเผยอย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันเราก็ต้องตรวจสอบแต่ว่าเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงแบบนี้ มันเป็นข้อเท็จจริงที่น่ากังวลและน่าเป็นห่วง เราจึงมายื่นหนังสือตรงนี้

จากนั้น นายนิติธร ร่วมร้องเพลงกับมวลชนแล้วแยกย้ายกลับโดยสงบ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"