วิสาหกิจชุมชนผึ้งโพรงภาคใต้ เผยตลาดน้ำผึ้งช่วงโควิด ยุโรปต้องการสูงแต่ยังผลิตได้ไม่พอ


เพิ่มเพื่อน    

27 ส.ค.64 - นายวีระพล ห้วนแจ่ม ประธานวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ผึ้งโพรง ต.ปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และประธานกรรมการวิสาหกิจชุมชนผึ้งโพรงปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เปิดเผยว่า ผึ้งโพรงในปี 2564 ทางภาคใต้ ยอดการผลิตถดถอยลงประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้จากปัจจัยทางสภาพภูมิอากาศที่ผันแปร เพราะเกิดฝนตกชุกต่อเนื่องโดยเฉพาะเดือน 5-6-7 ซึ่งเป็นฤดูกาลพืชผลไม้ผลัดใบ ออกดอก ออกใบ ซึ่งเป็นอาหารของผึ้งโพรงได้เกิดความเสียหาย ผึ้งโพรงไม่มีอาหารจึงต้องอพยพเคลื่อนย้ายไปหาแหล่งอาหารใหม่ โดยอพยพไปยัง จ.ตรัง และกระบี่ ทำให้ได้รับผลผลิตน้ำผึ้งโพรงปริมาณเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยตั้งแต่ 4 - 8 กิโลกรัมต่อกล่องต่อการจับ 1 ครั้ง

สำหรับเครือข่ายผึ้งโพรง ปีนี้สามารถเก็บผลผลิตได้ประมาณ 2 ตัน จากเดิมที่เก็บผลผลิตและรวบรวมได้ประมาณ 5 ตัน จากเครือข่ายที่เป็นกลุ่มก้อนเลี้ยงกันมากใน จ.พัทลุง ตรัง สงขลา นครศรีธรรมราช ประมาณ 30,000 กล่อง ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงกลุ่มรายย่อยทุกประเภท

นายวีระพล กล่าวอีกว่า แนวทางที่จะนำผึ้งโพรงเข้าสู่อุตสาหกรรมน้ำผึ้งโพรง จึงยังไม่สามารถที่จะดำเนินการได้จะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 3-5 ปี เพื่อให้เกิดการเสถียร การจะทำเป็นอุตสาหกรรมน้ำผึ้งโพรงได้ จะต้องได้ผลผลิตประมาณ 50 ตัน และประมาณ 2 ตู้คอนเทนเนอร์ยาว เพื่อการส่งออกไปยังสหภาพประเทศยุโรป (อียู) ที่มีความต้องการมาก เนื่องจากเมื่อโดยเร็วนี้ๆ กลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ได้ประสานมายังกลุ่มที่จะขอโควต้าน้ำผึ้งโพรงประมาณ 1 ตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 80 ถัง หรือประมาณ 24,000 กก. มีมูลค่า 9.6 ล้านบาท ส่งประเทศในสหภาพยุโรปแต่ไม่สามารถดำเนินการได้ น้ำผึ้งโพรงไม่พอ

"สาเหตุที่ยุโรปต้องการน้ำผึ้งโพรงไทย เนื่องจากไม่มีสารเจือปน เพราะเลี้ยงแบบธรรมชาติ เกษตรอินทรีย์ แตกต่างกับผึ้งอื่นๆที่จะต้องใช้สารเพื่อให้ลำใยออกนอกฤดูกาล"

นายวีระพล กล่าวอีกว่า ภาคใต้น้ำผึ้งโพรงในปี 2564 ที่จัดเก็บได้ประมาณ 2,000 กก. โดยราคายังคงยืนอยู่ที่กก.ละ 300-500 บาท จากราคากลางที่กก.ละ 400 บาท เม็ดเงินหมุนเวียนประมาณ 800,000 บาท สำหรับอุตสาหกรรมน้ำผึ้งพันธุ์ ปัจจุบันมีโรงงานอุตสาหกรรมน้ำผึ้งพันธุ์ประมาณ 5 โรง ส่วนใหญ่ประกอบการเพื่อส่งออกไปยังไต้หวัน จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย และบรูไน เป็นต้น

นายวีระพล กล่าวอีกว่า ปัจจัยที่ราคาน้ำผึ้งได้ขยับสูงขึ้นมากในรอบ 20 ปี เนื่องจากตลาดน้ำผึ้งขาดแคลนไปทั่วโลก สาเหตุจากภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบต่อพืชผลไม้หลายชนิดขาดน้ำต้อย ดอกไม้ผิดรูปแบบไป อีกทั้งลำไยทางภาคเหนือก็ผิดรูปแบบ จึงทำให้ผลผลิตออกมาปริมาณน้อย

สำหรับผึ้งโพรงจะต่างกับผึ้งพันธุ์ทางด้านการเลี้ยง ผึ้งโพรงเป็นผึ้งทางธรรมชาติระบบอินทรีย์ ขณะที่ผึ้งพันธุ์ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ 

สำหรับกลุ่มตลาดที่รับซื้อผึ้งโพรงทั้งรายย่อย รายเล็กและรายใหญ่ ผู้เลี้ยงผึ้งโพรง ไม่ต้องกังวลเพราะมีตลาดรองรับซื้อประจำทุกวัน ผู้เลี้ยงเกิดความเชื่อมั่นได้ โดยรับซื้อราคาที่กก.ละ 300 บาทขึ้นไป ส่วนผึ้งอุ้ง หรือผึ้งชัน ประมาณกก.ละ 700 บาท แต่ขายส่งออกประมาณกก.ละ 900 – 1,500 บาทสำหรับในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจน้ำผึ้งโพรง ผึ้งพันธุ์แต่อย่างใด


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"