เวที'ไทยไม่ทน'แนะแนวทางเปิดประมูลดาวเทียมไทยคมให้โปร่งใสเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ


เพิ่มเพื่อน    


24 ก.ย. 64 - ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว กลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย จัดเสวนา เรื่อง ทวงคืนสมบัติแผ่นดิน รัฐควรบริหารดาวเทียมไทยคมต่อไปอย่างไร? อภิปรายโดย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 ผู้ก่อตั้งกลุ่มไทยไม่ทน , นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล  อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และที่ปรึกษาเศรษฐกิจไทยไม่ทน   และนายเมธา มาสขาว  เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ดำเนินรายการโดย นายณัทภัช อัคฮาด  คณะทำงาน ไทยไม่ทน


โดย​นายอดุลย์ กล่าวว่า  เวทีวันนี้เพราะคิดว่าประชาชนทุกคน เป็นเจ้าของประเทศต้องมีส่วนร่วมในการทวงคืนสมบัติชาติ และสมบัติของแผ่นดิน ต้องเอาทรัพย์สินกลับคืนมาที่ถูกฮุบไปโดยนักการเมืองและนายทุนก่อน หัวใจที่สำคัญในเรื่องของดาวเทียมคือมีความไม่ชอบมาพากลและความไม่โปร่งใสแอบแฝงหรือไม่  การที่ท่านไม่ได้เตรียมความพร้อมที่จะรับมอบดาวเทียมให้คืนมา ทำไม 7 ปีภายใต้รัฐบาลประยุทธ์ถึงไม่ได้เตรียมความพร้อม  เกิดจากการที่ท่านจงใจไม่เตรียมความพร้อม ในการรับผิดชอบนำดาวเทียมกลับคืนมาหรือท่านประมาท  เหตุใดรัฐบาลประยุทธ์จึงไม่จัดการกับคนที่รับผิดชอบในเรื่องนี้  และก่อนที่รัฐบาลจะรับมอบดาวเทียม 4 และ 6 ยังติดภารกิจเก็บเงินรัฐบาลอยู่ เนื่องจากดาวเทียมไทยคมวงที่ 4 ภายในประเทศแต่เป็นดาวเทียมดวงใหญ่แบบสุทธิ  และมีรายได้มากมายมหาศาลแต่ไม่ได้คืนให้กับรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถทำหน้าทีเรียกร้องสิทธิ์กลับคืนมา


​นายอดุลย์ กล่าวว่า  ท่านปฏิเสธบอกว่าถ้าไม่มีอำนาจอนุมัติในอวกาศ เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะฉะนั้นการที่ทำอย่างต่อเนื่องและ มีการเปลี่ยนแปลง 2 ข้อคือการเพิ่มทุนซึ่งเป็นสิ่งผิดปกติ กับข้อเรียกร้องที่ควรจะต้อง นำกลับมาเป็นสมบัติชาตินี้ ต้องนำกลับมาให้ถูกต้อง การทำธุรกิจของบริษัท และการเอาผลประโยชน์สูงสุดต้องถูกต้องตามกฎหมาย  ไม่ใช่ว่านำสมบัติชาติไปใช้ประโยชน์แล้วไม่ทวงคืน


​“ผมกล่าวหาต่อพลเอกประยุทธ์ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล จะต้องควบคุมกระทรวงดีอีเอส   ท่านทำหน้าที่ของท่านหรือยัง อยากให้รัฐบาลช่วยชี้แจงให้ชัดเจนต่อประชาชนที่เป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน ข้อมูลรายละเอียดตัวบันทึกนั้น ชัดเจนว่าทำให้ป้ายราคา 3 ป้ายที่อยู่กับดาวเทียมไทยคม 4 ถูกตัดทิ้งไป เพราะฉะนั้นเวลานี้ภาพชัดเจนว่า ถ้าทำอย่างนั้นแล้วใครจะได้ประโยชน์นายทุนผู้ใดจะได้ประโยชน์  และกลายเป็นว่าการดำเนินการในเรื่องนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่เป็นความผิด ก็จะหายไปด้วย ทั้งนี้ทราบว่า รมช.ศึกษาธิการและรมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้ทักท้วงคัดค้านในเรื่องนี้ หากจะเดินหน้าพิจารณาและลงมติเห็นชอบ  ก็จะขอถอนตัวออกจากวาระการพิจารณา จึงต้องยอมถอยออกมา​"นายอดุลย์
 

​ด้านนายธีระชัย กล่าวว่า  สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำและกำหนดนโยบายคือให้ NT เลิกคิดที่จะทำตัวเป็นคนประกอบธุรกิจเอง แต่ควรจำกัดบทบาทตัวเองในฐานะผู้ถือทรัพย์สินและสิทธิ์ของรัฐเป็นหลัก  ซึ่ง NT ควรจะต้องดำเนินการ 2 ประการคือ เปิดห้องแล้วนำข้อมูลไปใส่ในห้องนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลในเรื่องของดาวเทียม ในเชิงฮาร์ดแวร์มีอุปกรณ์อะไรบ้าง ในเชิงซอฟต์แวร์มีอุปกรณ์อะไรบ้าง แล้วข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงบัญชีลูกค้าบริการธุรกิจ ที่มีอยู่ใส่เข้าไปในดาต้ารูม  จากนั้นเชิญชวนให้เอกชนรายใดที่สนใจ  เข้ามาเปิดดูข้อมูลในดาต้าโรม โดยคิดค่าทำเนียมระดับหนึ่ง เพื่อที่จะให้แน่ใจว่าเป็นคนที่มีความสนใจอย่างแท้จริง และเอกชนที่จะเข้ามาเปิดดูนั้นก็ควรที่จะเป็น เอกชนที่เป็นบริษัทของไทยหรือเอกชนต่างชาติ หรือจะเป็นจอยเวนเจอร์คือบริษัทร่วมทุนก็ได้ หลังจากนั้นจึงจะเปิดให้มีการประมูลโปร่งใส


​ที่ปรึกษาไทยไม่ทน กล่าวว่า  ธุรกิจนี้ควรแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่มีอยู่แล้วก็ให้เอกชนประมูล ว่าใครจะบริหารจัดการต่อไป โดยเสนอค่าจัดการให้ออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ใครเสนอเปอร์เซ็นต์ต่ำสุด คนนั้นก็ได้ไป อีกส่วนหนึ่งจะเป็นธุรกิจ ซึ่งขณะนี้อาจจะไม่มีแต่จะสามารถพัฒนาขึ้นมาใหม่ ตรงนี้รัฐบาลก็กำหนดเป็นเงื่อนไขได้ว่า ออกมาเป็นลักษณะการได้ผลกำไร แล้วให้คะแนนเอกชนที่มาประมูล รายใดเสนอสัดส่วนให้แก่รัฐในสัดส่วนที่สูงที่สุด ลักษณะอย่างนี้จึงจะเป็นลักษณะของการบริหารจัดการที่ NTสามารถทำได้


​“แบบนี้ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น ก็จะเป็นผลประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ส่วนกรณีไทยคมถ้าจะเข้ามาร่วมในการแข่งขันก็ทำได้  ที่ผมเสนอไปไทยคมก็ย่อมได้เปรียบคู่แข่งขันรายอื่น เพราะมีข้อมูลและมีความรู้ต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นการได้เปรียบของไทยคมถูกต้องตามกฎหมายเป็นธรรม ลักษณะอย่างนี้การเปิดประมูลเพื่อที่จะให้รัฐกับเพื่อนบริษัทที่จะขับเคลื่อนบริหารในธุรกิจที่มีอยู่แล้ว  โดยจ่ายค่าทำเนียมต่ำสุด ขณะเดียวกันก็ให้บริษัทนั้น แบ่งผลกำไรให้แก่รัฐในสัดส่วนที่สูง วิธีนี้ได้ทำหนังสือเป็นจดหมายเปิดผนึกส่งไปให้กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแล้ว ให้ไปพิจารณาเพราะถ้าไม่เปิดให้มีการแข่งขัน แต่ท่านผูกตัวเองเข้าไปกับบริษัทไทยคม ชนิดแกะไม่ออก โดยไม่มีการแข่งกันอย่างนี้เป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย” นายธีระชัย กล่าว


​นายธีระชัย กล่าวถึงกรณีที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี ยื่นฟ้องอดีตนายกรัฐมนตรี นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับพวกรวม 52 คน ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือการละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต  ว่า นพ.วรงค์คงไม่เข้าใจประเด็นนี้ ว่าสิ่งที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้เข้าครอบครองใช้สิทธิ์ในตำแหน่ง 120 องศาตะวันออก ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีอำนาจเสนอเข้าที่ประชุม แต่คณะรัฐมนตรีไม่ได้อนุมัติ เพราะต้องทำอย่างรอบคอบโดยกำหนดว่า ให้กระทรวงไอซีที ไปดำเนินการตามขั้นตอนให้ถูกต้อง โดยยึดผลประโยชน์ของรัฐและที่สำคัญคือให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนดำเนินการต่อไป


​“ผมออกจากคณะรัฐมนตรีไปเมื่อ มกราคม 2555 จึงไม่ทราบว่า มีการอนุมัติในเรื่องนี้หรือไม่ และดำเนินการที่เป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยยึดหลักของประเทศชาติหรือไม่และมีการเดินการเรื่องนี้อย่างไรหรือไม่ แต่เป็นประเด็นที่พลเอกประยุทธ์ จะต้องเข้าไปตรวจสอบ เพราะเป็นผลประโยชน์ของประเทศ เนื่องจากบริษัทไทยคมอ้างว่าดาวเทียมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสัญญานี้ แต่เป็นดาวเทียมที่ใช้สิทธิ์โดยใช้ใบอนุญาตแล้วแต่มีความเห็นว่าไม่ถูกต้อง


​ด้านนายเมธา กล่าวว่า ปัญหาหลักปัญหาหนึ่งก็คือ เรื่องที่มีการพูดในสภาผู้แทนราษฎรด้วย คือการใช้ระบบคอร์รัปชัน ภายใต้การอบรมหลักสูตร ขององค์กรอิสระต่างๆที่เห็นกลุ่มนายทุนและนักการเมือง เข้าไปหาผลประโยชน์ร่วมกันโดยเฉพาะ  “หลักสูตรหลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย (นธป.)” ของศาลรัฐธณรมนูญ  ความจริงแล้วนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยมีหนังสือขอความร่วมมือ ไม่ให้องค์กรอิสระต่างๆจัดโครงการอบรมหลักสูตรเหล่านี้ เพราะเป็นการใช้งบประมาณของประชาชนโดยไม่ชอบ แต่ปรากฏว่าในหลักสูตรเหล่านี้ มีทั้งอดีตนักการเมือง อดีตรัฐมนตรีรวมถึงนักธุรกิจการเมืองจำนวนมาก เข้าไปอบรม


​เลขาครป.กล่าวว่า  เมื่ออบรมหลักสูตรเดียวกัน ต้องเกิดการเอื้ออาทรอาจจะเป็นข้อคอรหาที่เกิดขึ้น ในประเด็นเหล่านี้ เพราะอัยการสูงสุดและนักธุรกิจการเมืองคนสำคัญก็ยังเรียนหลักสูตรเดียวกัน ดังนั้นหลักสูตรเหล่านี้ควรยกเลิกได้แล้ว เพราะใช้งบประมาณของรัฐ ภาษีของประชาชนส่วนมาก แต่ไม่ได้อะไร  ส่วนหนึ่งในหลักสูตรนั้นมีการใช้เงินของผู้เรียนกับผู้เรียนหลักสูตรเดียวกัน เป็นค่าเดินทางค่าเที่ยวค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้เกิดการทุจริตนโยบายที่เกิดขึ้น


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"