สำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐประกาศจัดตั้งหน่วยสายลับระดับสูงหน่วยใหม่ที่เน้นเกี่ยวกับจีนโดยเฉพาะ ขับเน้นมุมองของรัฐบาลสหรัฐที่ถือว่าจีนกำลังเป็นคู่ต่อสู้ทางยุทธศาสตร์ตัวฉกาจของสหรัฐในระยะยาว

    รายงานเอเอฟพีและรอยเตอร์กล่าวว่า วิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการซีไอเอ เปิดเผยผ่านแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม 2564 ว่าเขาได้จัดตั้งหน่วยศูนย์ภารกิจจีน (ซีเอ็มซี) ขึ้นเพื่อรับมือกับความท้าทายจากจีนที่มีต่อพื้นที่ภารกิจของหน่วยงานจารกรรมของสหรัฐทั้งหมด "ซีเอ็มซีจะเสริมความแข็งแกร่งแก่งานโดยรวมของเราเกี่ยวกับภัยคุกคามทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญที่สุดที่เราเผชิญในศตวรรษที่ 21 นั่นคือรัฐบาลจีนที่มีความเป็นปฏิปักษ์เพิ่มมากขึ้น" เบิร์นกล่าว

    คำประกาศของเขาสอดคล้องกับเปลี่ยนแปลงกว้างๆ ของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการเผชิญหน้ากับจีนในฐานะที่เป็น "คู่แข่งทางยุทธศาสตร์" สำคัญของสหรัฐ

    เมื่อเดือนมิถุนายน ประธานาธิบดีไบเดนเคยประกาศตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจชุดใหม่ที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐ เพื่อประเมินและตอบสนองต่อความท้าทายทางทหารของจีน

    การประกาศจัดตั้งหน่วยใหม่ขึ้นมาจัดการกับจีนโดยเฉพาะ มีออกมาภายหลังซีไอเอ และสำนักสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) ค้นพบว่า จีนกำลังคัดเลือกพลเมืองอเมริกันหลายสิบรายเพื่อจัดหาข้อมูลลับหรือข้อมูลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของนิติบุคคล และการใช้พลเมืองจีนที่ทำงานในสหรัฐเป็นผู้รวบรวมข่าวกรอง

    นอกจากนี้ ยังเกิดในช่วงเวลาที่หน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐมองเห็นว่า คู่แข่งอย่างจีนกำลังใช้ความแข็งแกร่งในตลาดอิเล็กทรอนิกส์ของจีน และใช้การแฮ็กเพื่อเจาะระบบเครือข่ายของรัฐบาลสหรัฐและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

    เจ้าหน้าที่ซีไอเออาวุโสรายหนึ่งเปรียบเทียบการตั้งหน่วยจีนของเบิร์นในครั้งนี้ กับกรณีที่ซีไอเอเคยเน้นความสำคัญอย่างมากกับรัสเซียช่วงสงครามเย็น และความเข้มข้นในการต่อต้านการก่อการร้ายหลังวินาศกรรม 11 กันยายน 2544 ที่ผ่านมาซีไอเอไม่เคยจัดตั้งหน่วยงานระดับสูงที่เน้นจีนอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ในยุคที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้ช่วยของเขา โจมตีจีนอย่างรุนแรง

    นอกจากการตั้งศูนย์ภารกิจจีนแล้ว เบิร์นซึ่งเป็นนักการทูตรุ่นเก๋าที่ไบเดนแต่งตั้งมาดำรงตำแหน่งนี้เมื่อเดือนมีนาคม ยังได้ประกาศตั้งตำแหน่งใหม่คือ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี และตั้งสำนักงานใหม่ คือศูนย์ภารกิจข้ามชาติและเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยให้ซีไอเอสามารถเน้นความสำคัญกับประเด็นเช่น สุขภาพโลก, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, ภัยพิบัติด้านมนุษยธรรม และการหยุดชะงักที่เกิดจากเทคโนโลยีใหม่ๆ.