‘วิษณุ’ท้าเปิดหลักฐานดูด ยุทธศาสตร์20ปีฉลุยเงียบ


เพิ่มเพื่อน    

  “บิ๊กเจี๊ยบ” ปัดไม่รู้ข้อมูล “บิ๊กทหาร” ดูดนักการเมืองเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ เชื่อทหารในราชการไม่ทำเช่นนั้น ถ้ามีต้องปราม "วิษณุ" แนะใครมีหลักฐานเสนอประโยชน์แลกดูด ส.ส.ให้ไปยื่น กกต. "เพื่อแม้ว" ฉะอดีต ส.ส.ย้ายพรรคเหมือนกะหรี่ย้ายซ่อง ขู่อัดคลิปไว้แฉแน่ถ้าไม่เลิก “ขวัญชัย" พ้นคุกเรือนจำอุดรฯ แล้ว เสื้อแดงต้อนรับคึกคัก สนช.ผ่านยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีฉลุย 

    เมื่อวันศุกร์ ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยอ้างถึงนายทหารระดับสูงสังกัดกองทัพบกเคลื่อนไหวดึงนักการเมืองจังหวัดนครราชสีมามาร่วมพรรคพลังประชารัฐว่า ตนไม่ทราบ โดยปกติทางทหารก็ไม่มีใครทำเช่นนั้นอยู่แล้ว เชื่อว่านายทหารในราชการไม่มีการไปเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะเป็นนโยบายของกองทัพ ซึ่งในเรื่องนี้ไม่ทราบในรายละเอียดจริงๆ ถ้ามีตนก็ต้องปราม และในการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) วันนี้ ได้สั่งการไปว่าทหารต้องอยู่ในจุดที่เหมาะสมในการทำหน้าที่ 
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคเพื่อไทยอ้างว่ามีคลิปการดูดอดีตส.ส.เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐว่า ตนไม่ทราบ ไม่เกี่ยว และไม่รู้จักพรรคพลังประชารัฐ ส่วนการเดินสายหาสมาชิกพรรคการเมืองขณะนี้ จริงๆ แล้วทุกพรรคสามารถทำได้ ไม่มีอะไรผิดปกติ กระบวนการหาสมาชิกไม่ได้ยุ่งยาก เดินคุยกันก็ไม่มีปัญหา แต่ที่บอกว่าพรรคการเมืองหาสมาชิก ไม่ได้หมายถึงนำมาสู่การรับจดทะเบียนเป็นสมาชิก ซึ่งตรงนั้นต้องประชุมใหญ่พรรค วันนี้เขาประชุมไม่ได้จึงมีปัญหา ถ้าจะหาเตรียมไว้มันหาได้ ไม่เช่นนั้นจะจดทะเบียนตั้งพรรคได้อย่างไร 
    เมื่อถามว่า หมายความว่าการชวนมาร่วมพรรคถือว่าไม่ผิด นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ได้ตอบถึงขนาดนั้น บอกว่าหากคุณทำลักษณะเหมือนสมาคมปกติ มันไม่แปลกอะไร เพราะเรายอมรับความจริงใช่ไหมว่าใครที่สนใจตั้งพรรคการเมืองก็ไปขอจดทะเบียนชื่อพรรคได้ แล้วเขาให้คนเรียกประชุม โดยขออนุญาต คสช.ได้ แสดงว่าคุณต้องหาสมาชิก จึงไม่แปลกอะไร เราสนับสนุนให้ทำด้วย ไม่เช่นนั้นจะเกิดพรรคการเมืองขึ้นได้อย่างไร ส่วนการเสนอเงินการช่วยเหลือคดีเพื่อดูดอดีต ส.ส.ตามที่เป็นข่าว เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หาหลักฐานชัดๆ แล้วไปถาม กกต.แล้วกัน ส่วนจะกระทบต่อการตั้งพรรคหรือไม่ ถ้า กกต.บอกว่ากระทบก็กระทบ
    ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ย้ำว่า ยังมีการใช้ระดับแม่ทัพใหญ่ แม่ทัพน้อย ติดต่อและประสานกับอดีต ส.ส.นครราชสีมาของพรรคอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเสนอค่าตอบแทนให้จำนวนมาก แว่วว่าถ้าเป็น ส.ส.เกรดเอก็ได้ 30 ล้านบาท แต่ถ้ามาเป็นพวงก็อาจได้ถึง 100 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอให้มาร่วมกันแบ่งเขตเลือกตั้งได้เอง การันตีว่าไม่มีแพ้ อดีต ส.ส.ที่ไม่คิดจะย้ายออกไปจากพรรคเพื่อไทย ก็ใช้วิธีโทรศัพท์กดดันเขาเช้าเย็น แถมข่มขู่ว่าถ้าไม่ย้ายออกมาจะมีปัญหา อ้างว่าขนาดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังโดนดำเนินคดีจำนวนมาก แต่ไม่มีใครกลัวหรอก ยิ่งเอาแกนนำ คสช.มาอ้างด้วย ยิ่งไม่มีใครกลัว ทุกคนตัวเท่ากันหมด
    “ที่ผมบอกว่าจะมีคลิปแฉนั้น ตอนนี้ยังไม่ได้มีการถ่ายหรืออัดคลิปไว้ หากพูดกันรู้เรื่องก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าผู้มีอำนาจยังไม่หยุดใช้วิธีรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของอดีต ส.ส.ของพรรค ก็อาจจะมีคลิปเสียงออกมา และถ้าพวกท่านยังไม่เลิก ก็อาจจะมีคลิปภาพตามมาอีกด้วย”  นายอนุสรณ์กล่าว
    นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตอนนี้กระแสดูดอดีต ส.ส.เข้าพรรคการเมืองที่สนับสนุนเผด็จการยิ่งรุนแรง ใช้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งสีกากีและสีเขียวไปโน้มน้าวอดีต ส.ส. ซึ่งดูดโดยผลประโยชน์ ใครไม่ยอมก็ข่มขู่ ในพื้นที่ จ.นครราชสีมาถึงขั้นมีคำพูดกับคนที่ไม่ยอมเข้าร่วมว่า “เดี๋ยวได้เจอดีกัน” หลังจากนั้น 2-3 วันก็มีหมายมาที่บ้าน ใครไม่ยอมเข้าร่วมแล้วมีคดีอะไรติดตัวจะเจอเช่นนี้กันหมด
     นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า นับวันภาพของผู้มีอำนาจในการวางกลไกทุกอย่างเพื่ออยู่ในอำนาจต่อยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ วันนี้มีกระแสข่าวพลังดูดเกิดขึ้นทุกวัน แต่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคงไม่หวั่นไหว เพราะทุกคนล้วนมาจากประชาชน และคงได้ยินเสียงของประชาชนแต่ละพื้นสะท้อนว่าอย่างไร สิ่งที่จะชนะพลังดูดได้ก็คือพลังประชาชน ทั้งนี้ เชื่อว่ากลไกต่างๆ ที่ผู้มีอำนาจสร้างไว้เพื่อสืบทอดอำนาจจะถูกทำลายลง ไม่ใช่ด้วยนักการเมือง แต่คือเสียงของประชาชนที่รักประชาธิปไตย 
    ขณะที่นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง โพสต์เฟซบุ๊กว่า อยากถามพี่น้องว่าวันนี้การเดินสายดูด ส.ส.กันมากมายเพื่อเอาเข้ามาเสริมทัพหวังชิงอำนาจจากประชาชน พฤติกรรมอย่างนี้หรือที่เรียกว่า "ปฏิรูปการเมือง" นี่คือการถอยหลังไปเมื่อ 30 ปีก่อน แต่เชื่อว่าพี่น้องประชาชนคิดเองเป็นว่าเขาจะเอาพรรคการเมืองแบบไหน ที่ผ่านมาเกือบ 5 ปีมีอะไรดีบ้าง เศรษฐกิจ สังคม การเมืองเละตุ้มเป๊ะ และนักการเมืองที่ไปสนับสนุน (ถูกดูด) ฝ่ายโน้นนั้นเขาเคยทำอะไรให้บ้านเมืองบ้าง เพียงแต่เขาหวังประโยชน์ทางธุรกิจและประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น และแต่ละคนเท่าที่เห็นหน้า ก็เป็นพวกยาหมดอายุทั้งนั้น คนพวกนี้เห็นประโยชน์ที่ไหนก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ต่างอะไรกับโสเภณี (กะหรี่) ย้ายซ่องหรอก
          ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 เป็นประธานการประชุมพิจารณาร่างยุทธศาสตร์ชาติ ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยคณะกรรมาธิการฯ ไม่ได้แก้ไขร่างยุทธศาสตร์ชาติแต่อย่างใด โดยที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ 179 คะแนน เห็นชอบกับร่างดังกล่าว และหลังจากนี้นายกรัฐมนตรีจะนําขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายภายใน 20 วัน เพื่อมีพระบรมราชโองการประกาศใช้เป็นยุทธศาสตร์ชาติ อันจะมีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา 20 ปี ตาม พ.ร.บ.จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2560 อย่างไรก็ตาม เมื่อมีพระบรมราชโองการประกาศใช้ยุทธศาสตร์ชาติแล้ว ให้คณะกรรมการจัดทํายุทธศาสตร์ชาติแต่ละด้านจัดทําแผนแม่บทเพื่อบรรลุเป้าหมายตามที่กําหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ เสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
    นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวภายหลัง สนช.มติเอกฉันท์ผ่านร่างยุทธศาสตร์ ว่า ตนเคยอภิปรายคัดค้านแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีมาโดยตลอดในสมัยเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ว่าจะสร้างปัญหาใหญ่ เพราะยาวนานเกินไป ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ อีกทั้งยังได้เข้าไปเสนอต่อกรรมการ ป.ย.ป. โดยให้ปรับเป็นกรอบแนวทางของประเทศที่สามารถแก้ไขได้ทุก 5 ปีหรือเท่าที่จำเป็น เมื่อแผนดังกล่าวผ่าน สนช. ตนก็รู้สึกเบาใจ เพราะได้เปลี่ยนกรอบยุทธศาสตร์ 20 ปี โดยมีการปรับปรุงแก้ไขได้ทุกๆ 5 ปี หรือในยามคับขันก็สามารถแก้ไขได้โดยรัฐสภา แต่ก็ยังติดใจในอำนาจการแก้ไขตามกฎหมายที่มีแต่เฉพาะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเท่านั้นที่ทำได้ ถ้าผู้เขียนใจไม่กว้างพอที่แก้ในสิ่งที่ตนเองเขียน การปรับปรุงจะไม่เกิดขึ้นจริง จึงควรให้ภาคส่วนอื่นมีส่วนร่วมด้วย
    ที่ จ.อุดรธานี เมื่อเวลา 08.00 น. ที่สถานีวิทยุชุมชนคนรักอุดร 97.5 เมกะเฮิรตซ์ หมู่ 11 ต.สามพร้าว อ.เมืองฯ จ.อุดรธานี นายขวัญชัย สาราคำ อายุ 64 ปี ประธานชมรมคนรักอุดร หรือแกนนำคนเสื้อแดงภาคอีสาน ได้พ้นโทษหลังต้องคดีทำร้ายร่างกายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.อุดรธานี ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลนครอุดรธานี เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2559 
    โดยบรรยากาศรอบสถานีวิทยุคนรักอุดร ได้มีนายนิสิต สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และแกนนำ นปช. นักการเมืองท้องถิ่น ชาวบ้าน และคนเสื้อแดงจำนวนมาก ที่ทราบข่าว เดินทางมาให้การต้อนรับนายขวัญชัย ด้วยการผูกข้อมือเรียกขวัญตามประเพณีอีสาน ซึ่งนายขวัญชัยมีหน้าตาสดใส สุขภาพแข็งแรง โดยมีนางอาภรณ์ สาราคำ ภรรยา ซึ่งเป็นอดีต ส.ว.อุดรธานี นั่งอยู่เคียงข้างด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
      นายขวัญชัยเปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่มีพี่น้องมาต้อนรับจำนวนมาก ตนอยู่ในเรือนจำครบ 2 ปี ขณะอยู่ในเรือนจำไม่ได้รักษาอาการบาดเจ็บจากการถูกยิงอย่างต่อเนื่อง แต่ถือว่ายังดีที่ไม่เจ็บป่วยรุนแรง อย่างมากแค่เป็นไข้หวัดเท่านั้น วันนี้ของดพูดเรื่องการเมือง เพราะยังไม่มีแผนเกี่ยวกับการเมือง ขอรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังจากการถูกยิงให้หายดีก่อน เพราะแขนซ้ายยังสั่น เมื่อถึงฤดูการเลือกตั้ง ค่อยว่ากันใหม่.
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"