คณะกรรมการการเลือกตั้งซิมบับเวประกาศผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีที่ล่าช้ากว่า 4 วันแล้ว ยืนยันประธานาธิบดีเอมเมอร์สัน มนันกากวา ชนะด้วยคะแนนสนับสนุน 50.8% เกินครึ่ง ทำให้ไม่ต้องโหวตอีกรอบ แต่เนลสัน ชามิซา คนแพ้ปฏิเสธว่าเป็นผลการเลือกตั้ง "ปลอม"

ผู้สนับสนุนเอมเมอร์สัน มนันกากวา ฉลองชัยชนะ ภาพ AFP

    การประกาศผลการนับคะแนนที่ล่าช้าทั้งที่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จัดพร้อมกันเมื่อวันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม 2561 ประกาศไปแล้ว และคำกล่าวหาของฝ่ายค้านที่ระบุว่ามีการทุจริต เป็นชนวนเหตุให้เกิดการประท้วงรุนแรงในกรุงฮาราเรเมื่อวันพุธ โดยทหารได้เข้าสลายการชุมนุมและยิงผู้ประท้วงเสียชีวิต 6 ราย เหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นกดดันให้คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งซิมบับเว (แซดอีซี) ต้องเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนและสุดท้ายก็ประกาศผลการนับคะแนนได้เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม 2561

    เอเอฟพีรายงานอ้างแถลงการณ์ของแซดอีซีว่า มนันกากวาจากพรรครัฐบาล ซานู-พีเอฟ ได้คะแนนสนับสนุนร้อยละ 50.8 ส่วนเนลสัน ชามิซา คู่แข่งของเขาจากพรรคขบวนการเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตย (เอ็มดีซี) ได้คะแนนร้อยละ 44.3

    "ด้วยเหตุนี้ เอมเมอร์สัน ดัมบุดโซ มนันกากวา แห่งพรรคซานู-พีเอฟ จึงได้รับการประกาศให้เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐซิมบับเว" พริสซิลลา ชิกุมบา ประธานแซดอีซีกล่าว

    คะแนนสนับสนุนที่เกิน 50% แม้จะเล็กน้อย แต่ก็เพียงพอที่ทำให้อดีตพันธมิตรของโรเบิร์ต มูกาเบ ไม่ต้องต่อสู้ในการเลือกตั้งรอบที่ 2 เพื่อชี้ขาดกับชามิซา ทนายความและศาสนาจารย์ที่อ่อนวัยกว่าเขาถึง 35 ปี

    มนันกากวา ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากกองทัพที่ยึดอำนาจและกดดันให้ประธานาธิบดีมูกาเบ ที่ครองอำนาจมานาน 37 ปี ลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ประกาศยกย่องชัยชนะของเขาว่าเป็น "การเริ่มต้นใหม่" สำหรับซิมบับเว

    ทว่า ชามิซาปฏิเสธจะยอมรับผลคะแนนนี้ โดยระบุว่าเป็น "ผลเลือกตั้งปลอมที่ไม่ผ่านการพิสูจน์" เขาทวีตข้อความเรียกร้องเมื่อวันศุกร์ว่า แซดอีซีต้องเปิดเผยผลการนับคะแนนที่ถูกต้องและพิสูจน์ได้ที่พรรคการเมืองทั้งหลายให้ความเห็นชอบ

    การประท้วงรุนแรงเมื่อวันพุธทำให้กองทัพและตำรวจเข้าควบคุมใจกลางเมืองเมื่อวันพฤหัสบดี เพื่อควบคุมความสงบเรียบร้อย โดยรัฐบาลประกาศกร้าวว่าจะไม่ยอมอดกลั้นต่อการชุมนุมประท้วงครั้งใหม่ แต่ในวันศุกร์ ท้องถนนในกรุงฮาราเรกลับมามีการจราจรพลุกพล่านตามเดิมแล้ว และประชาชนพากันเดินทางไปทำงานตามปกติ อย่างไรก็ดี ยังมีรถบรรทุกของทหารและรถฉีดน้ำจอดอยู่ด้านนอกของที่ทำการพรรคเอ็มดีซี.