ส่อพิรุธ! เปิดหลักฐานมัด 'ศุลกากร' คืนกระเทียมเถื่อน96กระสอบ


เพิ่มเพื่อน    

26 ก.ย.61 - จากกรณีที่ ร.อ.จำรัส บุตรสุรีย์ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดมุกดาหาร ร่วมกับ ร.ท.พรพิทักษ์ กุลงามกิ่ม ผบ.ร้อยทหารพรานที่ 2110 มุกดาหาร ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้าจับกุมขบวนการลักลอบนำเข้ากระเทียมแห้งจากประเทศ สปป.ลาว โดยใช้เรือหางยาวเหล็กขนาดใหญ่บรรทุกกระเทียมแห้งข้ามแม่น้ำโขงมาส่งที่บริเวณริมฝั่งบ้านบางทรายใหญ่ ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร จากนั้นได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 20 คนช่วยกันแบกขึ้นฝั่งมาเก็บไว้ในบ้านเลขที่ 4 หมู่ 1 บ้านบางทรายใหญ่ ซึ่งอยู่ติดกับตลิ่งริมฝั่งแม่น้ำโขง โดยเจ้าหน้าที่สามารถเข้าทำการจับกุมผู้ลักลอบขนกระเทียมแห้งได้ 2 คน คือนายไพวัลย์ สุวรรณศรี และนายชัยมงคล ทองผา พร้อมตรวจยึดกระเทียมแห้งจำนวน 196 กระสอบ น้ำหนักกระสอบละ 20 กิโลกรัม นำส่งด่านศุลกากรมุกดาหารเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเหตุเกิดในช่วงกลางคืนเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา

แต่ปรากฏว่า ด่านศุลกากรมุกดาหารตรวจยึดไว้ดำเนินคดีเพียง 100 กระสอบ แล้วคืนให้กับผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท บริบูรณ์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ที่มาแสดงตนว่าเป็นเจ้าของมีนำเข้ากระเทียมแห้งดังกล่าวโดยเสียภาษีศุลกากรไป 96 กระสอบ ท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยว่ามีการตรวจสอบความถูกต้องอย่างรอบคอบหรือไม่ เนื่องมีการเข้าตรวจค้นจับกุมในเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 19 ก.ย. และเจ้าหน้าด่านศุลกากรก็คืนกระเทียมแห้งไปในคืนวันเดียวกัน ทั้งยังไม่ยอมเปิดเผยตัวบุคคล และเอกสารที่ใช้อ้างอิงแล้วนำกระเทียมกลับไปอีกด้วย

ล่าสุด น.ส.ศรุดา นรสิงห์ พาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า ตามที่มีผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท บริบูรณ์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด มาขอกระเทียมแห้งที่ถูกนำมาตรวจสอบความถูกต้องที่ด่านศุลกากรคืนไปจำนวน 96 กระสอบ โดยอ้างว่ามีใบอนุญาตนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยถูกต้องนั้น เมื่อตรวจสอบจากหนังสืออนุญาตการขนย้ายกระเทียมที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีนางสาวนลินี  คำปาน ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท บริบูรณ์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ขออนุญาตจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหารเมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา มีการแจ้งย้ายกระเทียมจำนวน 15,000 กิโลกรัม จากคลังเก็บสินค้าด่านศุลกากรมุกดาหาร ไปยังโกดังเลขที่ 69 หมู่ 1 ต.บางทรายใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร ซึ่งเป็นคนละบ้านเลขที่กับที่ฝ่ายทหารเข้าไปตรวจค้นจับกุม และเมื่อตรวจสอบสถานที่เก็บกระเทียมตามที่บริษัท บริบูรณ์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด เคยแจ้งไว้กับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหารจำนวน 3 แห่ง ก็ไม่ตรงกับเลขที่บ้านหลังที่ถูกตรวจค้นแต่อย่างใด จึงเป็นข้อที่น่าสงสัยว่ากระเทียม 96 กระสอบอาจจะไม่ใช่ของบริษัท บริบูรณ์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ตามที่กล่าวอ้างว่ามีการนำเข้าโดยถูกต้องตามกฎหมายก็ได้

พาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า เป็นที่สังเกตว่ามักจะมีการลักลอบขนกระเทียมแห้งหนีภาษีศุลกากรในห้วงเวลาที่ใกล้ชิดกับวันที่มีการขออนุญาตนำเข้ากระเทียมแห้ง เช่นเดียวกับกับรายบริษัท บริบูรณ์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ที่ขออนุญาตนำกระเทียมแห้งเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 750 กระสอบ น้ำหนัก 15,000 กิโลกรัม ถัดมาเพียงหนึ่งวันก็มีการลักลอบนำเข้ากระเทียมแห้งหนีภาษีศุลกากรจากประเทศ สปป.ลาว เข้ามาเก็บไว้ที่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 1 บ้านบางทรายใหญ่ และถูกเจ้าหน้าที่ทหารจับกุมได้ตามที่เป็นข่าว

น.ส.ศรุดา กล่าวว่า สำนักงานพาณิชย์รับทราบข้อมูลของขบวนการค้ากระเทียมเถื่อนมาโดยตลอด และได้พยายามอุดช่องว่างในทุกด้านเพื่อมิให้มีการนำหนังสืออนุญาตนำกระเทียมเข้ามาในราชอาณาจักร มาใช้สวมกระเทียมเถื่อนที่ลักลอบหนีภาษีศุลกากรให้กลายเป็นกระเทียมนำเข้าถูกต้อง โดยควบคุมให้ผู้ประกอบการแจ้งรายละเอียดของกระเทียมที่นำเข้าเป็นเอกสารครอบคลุมในทุกเรื่อง ทั้ง ชนิด ขนาด เกรด ปริมาณ ระยะเวลา สถานที่ โดยพาหนะที่ทำการขนย้ายก็ต้องระบุหมายเลขทะเบียนชัดเจน ซึ่งทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหารยังได้เข้มงวดในการตรวจสอบจำนวนที่นำเข้ามาเก็บในโกดัง จำนวนที่นำออกไปจำหน่าย จำนวนที่คงเหลือ รวมทั้งมีการควบคุมการขนย้ายกระเทียมที่นำเข้าจากต่างประเทศเริ่มตั้งแต่อยู่ที่ด่านศุลกากรไปยังสถานที่เก็บ และการนำกระเทียมออกนอกเขตจังหวัดก็ต้องได้รับอนุญาตให้ขนย้ายด้วยเช่นกัน 

"โดยปกติแล้วหน่วยงานที่ตรวจยึด จับกุม ดำเนินคดีในเรื่องกระเทียมลักลอบนำเข้าหนีภาษีศุลกากร จะขอเอกสารควบคุมการขนย้ายกระเทียมจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหาร เพื่อนำไปใช้เป็นพยานหลักฐานในการตรวจสอบ หรือพิสูจน์การกระทำความผิด เพื่อให้ทราบถึงพฤติกรรมประกอบการพยานหลักฐานที่ชัดเจนในการดำเนินคดี แต่ในกรณีที่มีการดำเนินคดีและคืนกระเทียมแห้งจำนวน 96 กระสอบกับผู้อ้างตนว่าเป็นเจ้าของนี้ ยังไม่มีหน่วยงานใดร้องขอเอกสารที่เกี่ยวข้องจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดมุกดาหารแต่อย่างใด" นางสาวศรุดา กล่าว

ทั้งนี้มีนักกฎหมายให้ความเห็นต่อกรณีนี้ว่า หากตรวจสอบได้ความชัดเจนว่า ผู้ที่มาแสดงตนขอรับคืนกระเทียมแห้งไปทั้งที่ไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน หรือเป็นการลักทรัพย์โดยใช้กลอุบายหลอกให้ผู้อื่นหลงเชื่อจนได้ทรัพย์สินไปในสถานที่ราชการก็ได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ราชการที่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำความผิดก็อาจเข้าข่ายเป็นภาคปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"