ดรามา‘ระฆัง’พ่นพิษแล้ว ตม.บุกคอนโดค้นต่างชาติ


เพิ่มเพื่อน    

  "บิ๊กตู่" สั่งจบดรามาเสียงระฆัง อย่าทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ คนร้องยังหายจ้อย ผอ.เขตฝากนิติคอนโดฯ จัดการ ย้ำห้ามยุ่งกับวัดอีก แฉอีก! มัสยิดก็โดนเตือน ตม.บุกสอบปล่อยชาวต่างชาติเช่า พบผิด กม. 1 ราย จ่อถอนวีซ่าส่งกลับประเทศ เอาผิดเจ้าของห้อง 

    เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม นายอนันต์ กายพรรณ ผู้อำนวยการเขตบางคอแหลม กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลังเข้ากราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดไทร เพื่อขอโทษกรณีที่สำนักงานเขตทำหนังสือเตือนวัด เนื่องจากได้รับร้องเรียนจากผู้พักอาศัยบนคอนโดมิเนียมที่อยู่ติดวัดอ้างเสียงตีระฆังดังรบกวน โดยให้วัดตีระฆังตามธรรมเนียมปฏิบัติต่อไปว่า สำนักงานเขตยังไม่สามารถติดต่อผู้ร้องเรียนได้ ตามที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้สั่งการให้ไปทำความเข้าใจกับผู้ร้องเรียนด้วยตนเอง จึงฝากทางนิติบุคคลให้ช่วยติดต่อให้ รวมทั้งได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับนิติบุคคลของคอนโดมิเนียมแล้ว น่าจะไม่มีผู้ร้องเรียนเพิ่มอีก แต่หากเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นอีก เป็นหน้าที่ของทางนิติบุคคลคอนโดฯ ที่ต้องหาแนวทางจัดการแก้ไขปัญหาในการป้องกันเสียง อาจเป็นการปิดหน้าต่าง หรือติดตั้งสิ่งป้องกันเสียงแทน
          “เป็นเรื่องของเขตกับนิติบุคคล ไม่ใช่เรื่องของทางวัด วัดมีหน้าที่ในการปฏิบัติกิจของสงฆ์ กิจกรรมทางศาสนาใดๆ ที่เคยปฏิบัติก็สามารถปฏิบัติไปได้เป็นปกติ ส่วนตัวผู้ร้องเรียนก็คงจะเข้าใจแล้ว และไม่ออกมาร้องเรียนอีก แต่ถ้ายังติดใจ เขตก็จะไปชี้แจง ทางนิติบุคคลก็ต้องจัดการแก้ปัญหาให้ผู้อาศัยด้วย” นายอนันต์ระบุ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีการสอบถามกรณีข้อพิพาทระฆังวัดไทรกับผู้พักอาศัยในคอนโดฯ ใกล้เคียงกับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ระหว่างลงพื้นที่สวนลุมพินี จากนั้นกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวให้บริษัทเอกชนและวัดไปพูดคุยแก้ปัญหากันเองให้ได้ ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. ได้สั่งการเรื่องนี้ไปแล้ว จึงขออย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ หากมีการพูดคุยและยอมรับกันแล้วควรจบ
    ต่อมาเวลา 16.00 น. พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รักษาราชการแทนผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมด้วย พ.ต.อ.โฆษิต บุญทวี ผกก.สน.วัดพระยาไกร และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เข้าตรวจสอบคอนโดมิเนียมหรู ริมถนนพระราม 3 ที่อยู่ติดกับวัดไทร เนื่องจากพบว่าผู้ร้องเรียนปล่อยให้ชาวต่างชาติเช่า
    โดย พ.ต.อ.พนัญชัยเปิดเผยว่า พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเข้าตรวจสอบคอนโดฯ ดังกล่าว โดยเข้าไปพูดคุยกับนิติบุคคล เพื่อขอรายชื่อผู้พักอาศัยทั้งหมดภายในคอนโดฯ ทั้งหมด และขอข้อมูลว่ามีใครปล่อยห้องภายในคอนโดฯ ให้เช่าหรือไม่ ซึ่งจะนำไปตรวจสอบว่าผู้เช่าได้แจ้งตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ทราบหรือไม่ ว่ามีชาวต่างชาติมาพักอาศัยตามมาตรา 38 ของพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หากไม่แจ้งผู้ให้เช่าถือว่ามีโทษตามกฎหมาย ส่วนชาวต่างชาติที่พักอาศัยต้องถูกตรวจสอบว่าแจ้งถิ่นที่อยู่ตรงกับที่แจ้งไว้กับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหรือไม่ หากตรวจสอบว่าไม่ตรงกันต้องถูกเพิกถอนวีซ่าการอยู่ในราชอาณาจักรไทยแล้วผลักดันออกนอกราชอาณาจักรไทย
    มีรายงานว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามี 30 ห้องที่ปล่อยให้ชาวต่างชาติเข้าพักอาศัย โดย 1 ห้องพบให้ชาวจีนพักอาศัยอยู่ พบว่าที่อยู่ไม่ตรงกับที่แจ้งไว้กับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จึงเตรียมแจ้งข้อหาและเพิกถอนวีซ่าส่งกลับประเทศ และจะดำเนินคดีกับเจ้าของห้องคนไทยที่ปล่อยให้เช่าด้วย
    ว่าที่ พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง โฆษกสภาทนายความ กล่าวถึงกรณีบุคคลร้องเรียนระฆังวัดดังรบกวน เข้าข่ายเหยียดหยามศาสนา มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ ว่าความผิดฐานเหยียดหยามศาสนา เป็นความผิดที่ไม่ต้องการเจตนา แต่มุ่งพิจารณาจากพฤติการณ์ประกอบการกระทำว่าเข้าองค์ประกอบแห่งความผิดอาญาหรือไม่ ในความเห็นส่วนตัว ชาวคอนโดฯ ที่ร้องเรียนวัดอาจมีเพียงความรู้สึกว่าถูกรบกวนจากเสียง จึงใช้สิทธิที่คิดว่าตนเองมีเข้าร้องเรียนหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เยียวยาความรู้สึกของตนเท่านั้น ยังไม่ปรากฏว่ามีพฤติกรรมอื่นประกอบการกระทำ ดังนั้นยังไม่น่าเข้าข่ายผิดฐานเหยียดหยามศาสนา แต่หากต่อมามีข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เช่นตามข่าวบอกว่าบุคคลดังกล่าวโทร.ไปต่อว่าทางวัดตอนเช้ามืดหลายครั้ง ตรงนี้ไม่ทราบว่ามีข้อความอะไรที่กระทบพระหรือไม่ ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป
    ผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก “Songkran Menthong” ได้โพสต์ข้อความว่า "อย่าว่าแต่เรื่องดรามาเสียงตีระฆังของพระวัดไทร ที่ดังรบกวนชาวบ้านบางคนของคอนโดมิเนียมขึ้นใหม่อยู่ข้างเคียงวัดเลยครับ อยากให้เพื่อนๆ ลองมาดูผลงานของสำนักงานเขตบางคอแหลมอีกเรื่องหนึ่ง กับมัสยิดบางอุทิศ ที่สร้างมากว่า 100 ปี เป็นศาสนสถานเก่าแก่ของประเทศไทย และอยู่คู่ชุมชนมุสลิมของชาวบางอุทิศมาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาใดๆ แต่อยู่ๆ ก็มีหนังสือแจ้งมาจาก ผอ.สำนักงานเขตบางคอแหลม ส่งมาถึงท่านอิหม่ามประจำมัสยิด ว่าให้ช่วยลดเสียงอาซาน (เสียงเรียกเชิญชวนเมื่อถึงเวลาละหมาดของชาวมุสลิม ทำวันละ 5 เวลา) และทางมัสยิดเราก็ปฏิบัติตามแต่โดยดี เพราะไม่อยากจะให้เป็นเรื่องลุกลามไปกลายเป็นความขัดแย้งทางศาสนา หาก กทม.และสำนักงานเขตจะช่วยเป็นธุระประสานงานกับผู้ร้องเรียน ให้มาทำความเข้าใจด้วย อันเนื่องมาจากทางมัสยิดได้รับจดหมายมาเรื่อยเป็นครั้งที่ 10 แล้ว"
    วันเดียวกัน รศ.ดร.สิทธิเดช พงศ์กิจวรสิน หัวหน้าโครงการ “การศึกษาแนวทางการจัดการปัญหาข้อร้องทุกข์ของประชาชน : กรณีเหตุเดือดร้อนรำคาญด้านเสียงและความขาดแคลนทุนทรัพย์ในการศึกษา” ฝ่ายสวัสดิภาพสาธารณะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จากสถิติในปี 2558 พบว่า ข้อร้องทุกข์ที่มีการร้องทุกข์มายังศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาลที่มีจำนวนมากที่สุด ได้แก่ ข้อร้องทุกข์ด้านสังคม สาเหตุที่มีการร้องทุกข์มากที่สุด คือ เหตุเดือดร้อนรำคาญด้านเสียง คิดเป็นร้อยละ 32.98 หรือประมาณ 1 ใน 3 ของเหตุเดือดร้อนรำคาญทั้งหมด ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี และเป็นข้อร้องทุกข์ที่พบมากที่สุดในทุกภูมิภาค.
          
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"