"ศึกษาภัณฑ์"ดิ้นหนีตายเล็งล้างสต็อกมูลค่าพันล้าน


เพิ่มเพื่อน    

 

29ต.ค.61-  นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางศึกษา (สกสค.) กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารองค์การค้าของ สกสค. ว่า ในที่ประชุมได้มีการรายงานสถานการณ์ทางการเงินขององค์การค้าของ สกสค. ซึ่งพบว่าขณะนี้องค์การค้าของ สกสค. มีสินค้าค้างสต็อก มูลค่า กว่า 1,000 ล้านบาท เช่น หนังสือห้องสมุด สื่ออุปกรณ์การเรียนการสอน เป็นต้น ที่ประชุมจึงมีมติให้องค์การค้าของ สกสค. นำสินค้าค้างสต็อกเหล่านี้ไปขายลดราคา นอกจากนี้ยังได้มีมติให้องค์การค้าของ สกสค. หาแนวทางการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุน ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้วบางส่วน เช่น การเปิดซองประกวดราคาที่ดินลาดพร้าว จำนวน 2 ไร่ ให้เช่า ตั้งราคากลางไว้ 365 ล้านบาท และยังมีที่ดินอีก 3 แปลงในต่างจังหวัดแต่กรรมสิทธิ์ยังไม่ได้มีการแก้ไขชื่อจากคุรุสภามาเป็น สกสค.จึงมอบผู้เกี่ยวข้องไปดำเนินการให้เกิดความเรียบร้อย ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้รายงานยอดหนี้ล่าสุดขององค์การค้าของ สกสค. จำนวน 5,579 ล้านบาท แต่เมื่อเราคำนวนราคาที่ดินที่มีทุกแปลงแล้วมีมูลค่ามากกว่านี้ จึงได้มอบหมายให้องค์การค้าของ สกสค.เข้าไปประสานกับสถาบันการเงิน เพื่อหาช่องทางสร้างประโยชน์จากที่ดินเหล่านี้ หรือไม่ก็หาภาคเอกชนมาร่วมลงทุน อย่างไรก็ตาม ตนยังตอบไม่ได้ว่าจะตั้งเป้าลดภาระหนี้ขององค์การค้าของ สกสค.ลงได้จำนวนเท่าไหร่ เพราะตอนนี้ลำพังแค่ให้มีเงินหมุนจ่ายค่าจ้างพนักงานได้ตลอดก็ถือว่าเก่งแล้ว

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เร่งรัดให้องค์การค้าของ สกสค.ติดตามหนี้ที่มีผู้ค้างชำระให้กับองค์การค้าของ สกสค. อยู่ 31 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ลูกหนี้เป็นโรงเรียนและหน่วยงานต่างๆ พร้อมให้เร่งหามาตรการเรื่องเครื่องหมายลูกเสือ เพราะตลาดเครื่องหมายลูกเสือ มีราคาขาย 3,000 ล้านบาทต่อไปในเมื่อ พ.ร.บ.ลูกเสือแห่งชาติ พ.ศ.2551 ไม่ได้พูดเรื่องลิขสิทธิ์ จึงต้องเร่งกำหนดรูปแบบใหม่ รวมถึงมอบฝ่ายวิชาการไปศึกษารายละเอียดจากตำราของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เพื่อที่จะได้ผลิตอุปกรณ์การเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสร์และคณิตศาสตร์ เนื่องจากองค์การค้าของ สกสค. ได้สิทธิพิเศษตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุนและกำหนดวิธีจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ โดยวิธีการคัดเลือกและเฉพาะเจาะจง ซึ่งตรงนี้เครื่องมือและอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ขององการค้าของ สกสค.ที่ผลิตสามารถให้หน่วยงานสั่งซื้อได้วิธีเฉพาะเจาจงได้ รวมถึงจะต้องเร่งทำหนังสือถึงกรมบัญชีกลาง กรณีที่กฎกระทรวงดังกล่าวกำหนดว่า ถ้าเป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงทำได้ไม่เกิน 130,000 บาท ซึ่งถือขัดแย้งกับความเป็นจริง เนื่องจากการจัดวิธีเฉพาะเจาะลงได้ถึง 500,000 บาท เพือที่องค์การค้าของ สกสค. จะได้เปรียบในท้องตลาดมากขึ้น

"ส่วนเรื่องการเกลี่ยกำลังคน ผมได้มอบหมายให้จัดทำแผนบริหารอัตรากำลัง เพราะขณะนี้องค์การค้าของ สกสค. แบกภาระเรื่องดังกล่าวหนักมาก โดยมีพนักงานและเจ้าหน้าที่ประจำ จำนวน 1,131 คน และมีลูกจ้างชั่วคราวรายปี 251 คน มีแรงงานจ้างเหมาอีก 110 ดังนั้นรวมเบ็ดเสร็จองค์การค้าของ สกสค. จะต้องรับภาระในการจ้างคนงาน 1,492 คน คิดเป็นเงิน 40 ล้านบาทต่อเดือน ดังนั้นองค์การค้าของ สกสค.จะต้องไปกำหนดแผนกรอบอัตรากำลังที่ควรจะเป็นจำนวนเท่าไหร่ เพราะเท่าที่ดูข้อมูลพบว่า มีการจ้างเจ้าหน้าที่เพื่อไปบริการเจ้าหน้าที่คืออะไร ซ้ำซ้อนการทำงานหรือไม่ อีกทั้งหน่วยตรวจสอบภายในขององค์การค้าฯ มีตั้ง 2 หน่วยงาน และจ้างพนักงานถึง 18 คน ซึ่งถือเป็นอัตรากำลังที่ซ้ำซ้อนนมาก ไม่มีความจำเป็น"ปฏิบัติหน้าที่เลขาฯ สกสค. กล่าว
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"