สนช."ปลดล็อกกัญชา" เป็นยารักษาโรค คาดใช้เวลา3เดือนพิจารณา คลอดทันรัฐบาลนี้ 


เพิ่มเพื่อน    


30 ต.ค.61- ที่อาคารรัฐสภา 2 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สนช. กล่าวในงานสัมมนา "สนช. ปลดล็อกกัญชา เป็นยารักษาโรค" ว่า เวทีในวันนี้เป็นการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ตามมาตรา 77 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์เป็นเวลา 15 วัน โดยเชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องครบถ้วนมาร่วมให้ความคิดเห็น ซึ่งเกือบ 100% ต่างเห็นด้วยที่จะมีการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชา แต่อาจยังมีความแตกต่างในรายละเอียด ทั้งในส่วนของการแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย และแพทย์ทางเลือก ภายใต้การควบคุมกำกับร่วมกันของภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน จะเป็นทางออกในการดูแลผู้ป่วยหลายโรค ลดการนำเข้ายาราคาแพง และใช้ยาที่มีราคาแพง

นายสมชาย กล่าวว่า หลังจากนี้ จะประมวลความคิดเห็นที่ได้จัดทำเป็นบทวิเคราะห์เสนอต่อประธาน สนช. ภายในกลาง พ.ย.นี้ ส่วนประธาน สนช.จะพิจารณาบรรจุเข้าสู่วาระ สนช.เมื่อไรนั้นอยู่ที่ดุลพินิจ ซึ่งคาดว่าจะบรรจุในราวปลายเดือน พ.ย. ถึงต้น ธ.ค. 2561 ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะ ความคิดเห็นที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นทั้งหมด จะสามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขได้ในชั้นกรรมาธิการ หลังจากสนช.ผ่านวาระแรกแล้ว เนื่องจากหากนำมาแก้ไขในร่าง พ.ร.บ.ก่อน จะมีความล่าช้าจากการต้องรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 77 วรรค 2 ใหม่ ที่ระบุว่าก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ

"รัฐบาลและสภาฯมีความตั้งใจผลักดันให้มีการปลดล็อก เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชาและกระท่อม โดยมีการดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่คนไทย ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และลดการสูญเสียชีวิตขอคนประชาชนที่เจ็บป่วย โดยเมื่อได้รับการบรรจุเข้าสู่วาระของ สนช.แล้ว และเข้าสู่ชั้นกรรมาธิการ จะใช้เวลา 30-45 วัน นับจากนี้ สนช.จะมีเวลาพิจารณากฎหมายอีกราว 3 เดือน จึงเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการออกกฎหมายนี้ได้ทันภายใน สนช.นี้" นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้อาจไม่ใช่กฎหมายที่ดีที่สุดที่จะปลดล็อกการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชาและกระท่อม แต่ถือเป็นการเริ่มนับ 1 ซึ่งเป็นก้าวที่ยากที่สุด หากเริ่มได้ ก้าวที่ 2 3 4 ก็จะตามมา โดยหากจะมีการออกเป็นประมวลกฎหมายยาเสพติด หรืออกเป็นกฎหมายเฉพาะที่เสนอโดยภาคประชาชน ก็จะดำเนินการไม่ยากในอนาคต

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิก สนช. และประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข สนช. กล่าวว่า เวทีรับฟังความคิดเห็นในวันนี้แม้ว่าจะเชิญทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ผลปรากฏว่าไม่มีใครแสดงความคิดเห็นในการค้าน ขอยืนยันว่า ทุกความคิดเห็นจะนำไปใช้ในกรรมาธิการ และจะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุด หากจะปลดล็อกทั้งหมดอาจจะต้องรอกฎหมายหลังมีการเลือกตั้ง   ทั้งนี้จากปัจจุบันประเทศออสเตรเลียและแคนาดา ส่งออกกัญชาทำรายได้ให้ประเทศจำนวนมาก โดยเชื่อว่าหากประเทศไทยสามารถดำเนินการใช้ประโยชน์จากกัญชาได้ ก้าวต่อไปจะเป็นประโยชน์ต่อกัญชา คนไทย ในการมีรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล 

นายวิชา มหาคุณ ประธานกรรมการมูลนิธิต่อต้านการทุจริต กล่าวว่า การดำเนินการทางกฎหมายในการปลดล็อกพืชกัญชา ต้องคำนึงถึง 3 ข้อสำคัญด้วย คือ 1.เลิกคิดว่ากัญชาและกระท่อมเป็นพืชเสพติด เช่น ที่ประเทศมาเลเซีย ไม่ถือว่ากระท่อมเป็นยาเสพติด หากมองเป็ยาก็จะมี พ.ร.บ.ยา ควบคุมอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้เกิดผลร้ายแรงเหมือนเมทแอมเฟตามีน หรือฝิ่น

2.ต้องป้องกันการเกิดสัมปทานและการผูกขาดอย่างเด็ดขาด เพราะจะเป็นการตัดตอนการเข้าถึงของประชาชนในการใช้ประโยชน์ มิเช่นนั้น จะไม่แตกต่างกับการต้องสั่งซื้อมอร์ฟีนจากต่างประเทศ รวมถึงต้องมีการควบคุมดูแลให้มีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้เกิดของเถื่อน เพราะจะเกิดเป็นอันตรายและเกิดผลข้างเคียง  และ 3.ให้อิสระในการศึกษาวิจัย เนื่องจากมหาวิทยาลัยดำเนินการศึกษาวิจัยภายใต้การควบคุมวิชาการ มีคณะกรรมการวิจัยของแต่ละสถาบันอยู่แล้ว สามารถนำมารองรับการดำเนินงานในส่วนนี้ได้ ไม่ต้องสร้างระบบใหม่ให้ซับซ้อนขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ยังมีความคิดเห็นจากและข้อกังวลอื่น ในการปลดล็อกในการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์อาทิ อาจมีการสร้างเงื่อนไขให้มีการควบคุมมาก ซึ่งอาจจะมีการเอื้อให้มีการแสวงหาผลประโยชน์ได้ จากข้อมูลพบว่าเปอร์เซ็นการเสพติดของกัญชาหลังจากมีการมีเพียงร้อยละ 8.9 เท่านั้นซึ่งน้อยสุดในยาเสพติดประเภทอื่นๆ รวมทั้งเหล้า เบียร์ ดังนั้นจะควบคุมให้เป็นยาเสพติดเหนือเหล้า เบียร์ ไม่มีความชอบธรรม กังวลว่าจะเกิดการผูกขาดให้บางบริษัท บางองค์กรสามาถดำเนินการได้ ทำให้ประชาชนถูกผูกขาดในเรื่องคุณภาพและราคา หากช้าจะทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสในการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งต่างประเทศมีการขึ้นทะเบียนกัญชาพันธ์ไทยไปแล้ว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"