ทิ้งกันดื้อๆ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ สร้างความตกตะลึงแก่กลุ่มพันธมิตรต่อต้านไอเอสในซีเรีย ด้วยการประกาศถอนทหารอเมริกันราว 2,000 นายออกจากซีเรีย โดยอ้างมีชนะเหนือไอเอสแล้ว อังกฤษ-ฝรั่งเศสยันภารกิจยังไม่จบ ขณะกองกำลังชาวเคิร์ดหวั่นไอเอสคืนชีพ ขณะ ส.ว.สหรัฐติงเปิดช่องให้ตุรกีบดขยี้ชาวเคิร์ดที่สหรัฐเคยพึ่งพาต่อสู้กับพวกนักรบญิฮาด

แฟ้มภาพ วันที่ 7 ธันวาคม 2561 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับสื่อที่ทำเนียบขาว / AFP

    เอเอฟพีรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม 2561 ว่าคำประกาศถอนทหารแบบฟ้าผ่าของทรัมป์สร้างความประหลาดใจแม้แต่กับสมาชิกสภาคองเกรสและกระทรวงกลาโหมของสหรัฐเอง มิพักต้องกล่าวถึงชาติพันธมิตรในกองกำลังผสมที่ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับสหรัฐในการปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในซีเรียมาหลายปี โดยเฉพาะอังกฤษ ซึ่งมีรายงานว่าไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าแม้แต่น้อย รัฐบาลอังกฤษและฝรั่งเศสเตือนทันทีว่า การต่อสู้กับพวกนักรบญิฮาดในซีเรียนั้นยังไม่จบ

    ทรัมป์ประกาศชัยชนะเหนือไอเอสผ่านวิดีโอสั้นๆ ที่เขาโพสต์ลงทวิตเตอร์เมื่อวันพุธว่า "เราชนะไอซิสแล้ว" โดยใช้ชื่อย่ออีกชื่อของกลุ่มรัฐอิสลาม พร้อมกับคุยว่าไอเอสพ่ายแพ้อย่างยับเยิน โดนยึดดินแดนคืน และถึงเวลาที่สหรัฐต้องนำทหารกลับประเทศ

    เจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งกล่าวกับเอเอฟพีว่า ทรัมป์ตัดสินใจไว้ตั้งแต่วันอังคาร และการถอนทหารทั้งหมดหมายถึงการถอนทหารอเมริกันทุกนายออกจากซีเรีย

    ปัจจุบันสหรัฐมีทหารอยู่ในซีเรียประมาณ 2,000 นาย เกือบทั้งหมดทำภารกิจฝึกฝนและให้คำแนะนำแก่กองกำลังท้องถิ่นที่สู้รบกับไอเอส การถอนทหารเหล่านี้กลับนอกจากจะก่อปัญหาใหญ่เรื่องภูมิรัฐศาสตร์แยกย่อยแล้ว ยังส่งผลต่ออนาคตของนักรบชาวเคิร์ดที่สหรัฐหนุนหลังเพื่อให้ต่อสู้กับนักรบญิฮาดไอเอส ซึ่งเชื่อว่ายังหลงเหลืออยู่ในซีเรียหลายพันคน

แฟ้มภาพ วันที่ 8 พฤษภาคม 2561 รถทหารของกองกำลังผสมที่สหรัฐหนุนหลังอยู่ในเมืองมันบิจทางเหนือของซีเรีย / AFP

    ปฏิกิริยาของกระทรวงกลาโหมสหรัฐในช่วงแรกยังสับสน แต่ต่อมาโฆษกกระทรวงกล่าวว่า เพนตากอนเริ่มกระบวนการพาทหารกลับบ้านแล้ว

    ส่วนสมาชิกสภาคองเกรสพากันโจมตีการตัดสินใจของทรัมป์ว่าจะเป็นการให้ท้ายตุรกีในการโจมตีพวกนักรบเคิร์ด ซึ่งตุรกีมองว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย และวางแผนจะเปิดปฏิบัติการปราบปราม แม้แต่ ส.ว.ลินด์ซีย์ เกรแฮม พรรครีพับลิกันที่เป็นพันธมิตรของทรัมป์ ยังตำหนิการตัดสินใจนี้ว่าไม่ฉลาดและทำให้ชาวเคิร์ดอยู่ในภาวะเสี่ยง ส่วน ส.ว.แจ็ก รีด จากพรรคเดโมแครต ถึงกับระบุว่าเป็นการ "ทรยศ" ต่อชาวเคิร์ด และการตัดสินใจนี้เป็นหลักฐานอีกชิ้นที่บ่งบอกว่าทรัมป์ไร้ความสามารถที่จะเป็นผู้นำในเวทีโลก

    ด้านซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว ชี้แจงว่า กองกำลังผสมภายใต้การนำของสหรัฐ ซึ่งมีอยู่หลายสิบประเทศ จะยังคงต่อสู้กับไอเอสต่อไป "ชัยชนะเหนือไอซิสในซีเรียไม่ได้ส่งสัญญาณถึงการยุติกองกำลังผสมนานาชาตินี้ หรือภารกิจของพวกเขา"

    เพนตากอนไม่ยอมบอกถึงผลกระทบจากการถอนทหารต่อปฏิบัติการทางอากาศในซีเรีย ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2557 และเจ้าหน้าที่สหรัฐก็ไม่ได้เผยกรอบเวลาด้วยว่าจะเริ่มทหารเมื่อใด บอกเพียงว่า "เร็วที่สุดที่เป็นไปได้"

    รัฐบาลอังกฤษซึ่งสนับสนุนภารกิจนี้มายาวนาน ออกแถลงการณ์ว่า การต่อสู้กับไอเอสยังมีงานอีกมากที่ยังไม่ลุล่วง ทุกฝ่ายต้องไม่ละสายตาจากภัยคุกคามของไอเอส ซึ่งต่อให้ไม่มีดินแดนยึดครองแล้ว พวกนี้ก็ยังคงเป็นภัยคุกคาม ส่วนฝรั่งเศสและยุโรปยืนยันว่าจะยังคงภารกิจในซีเรียต่อไป

    ด้านกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (เอสดีเอฟ) ซึ่งเป็นกองกำลังผสมเคิร์ด-อาหรับที่ต่อสู้ไอเอสในซีเรีย ออกแถลงการณ์ว่า การถอนทหารของสหรัฐจะส่งผลลบต่อการต่อต้านการก่อการร้าย โดยจะเปิดช่องให้ไอเอสรวมตัวกันใหม่แล้วโต้คืน.