"ทายาทปุ้มปุ้ย" ก้าวหน้า-พัฒนา-ต่อยอด สู่เส้นทางการเมือง พปชร.


เพิ่มเพื่อน    

 

        หนึ่งในนักธุรกิจ คนรุ่นใหม่ที่พร้อมลงสนามการเมืองคนหนึ่งที่น่าจับตา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่อายุน้อย ไม่ใช่คนหน้าใหม่ในแวดวงธุรกิจ แต่วันนี้อาสาเข้ามาเป็นคนรุ่นใหม่ในแวดวงการเมือง “ดร.ไกรเสริม โตทับเที่ยง” อายุ 40 ปี ผู้บริหารบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) หรือที่เรารู้จักกันดีจากชื่อผลิตภัณฑ์ปลากระป๋อง “ปุ้มปุ้ย” นั่นเอง ทำให้คนเรียกเขาว่าเป็น “ทายาทปุ้มปุ้ย” วันนี้เขาพร้อมลงสมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะถึงนี้ เราได้สนทนากับเขาถึงการเปลี่ยนเส้นทางนักธุรกิจมาทำงานการเมือง และตัดสินใจเลือกพรรคนี้

เหตุผลในการร่วมงานกับพรรค พปชร.

        เหตุผลที่มาร่วมงานการเมืองเป็นเรื่องของจังหวะและโอกาส ความเหมาะสมด้านเวลา ประเทศเราจะมีการเลือกตั้งในระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปีเป็นครั้งแรก หลังจากที่ความสงบเรียบร้อยเข้ามาแล้วก็พร้อมที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ผมมองว่าเป็นโอกาสของประเทศในการคัดเลือกบุคลากรเข้ามาทำหน้าที่ตัวแทนของประชาชน ในการทำงานด้านการเมือง ถ้าเราไม่เคยได้ประสบการณ์การทำงานสมควรเพียงพอก็ไม่คิดว่าจะเข้ามาเหมือนกัน แต่วันนี้ด้วยการทำงาน อายุ หลายๆ อย่างเราทำมาหลากหลาย ก็รู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่สั่งสมอยู่ ไม่ได้มาก ไม่ได้น้อย พร้อมที่จะหาต่อ จะใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นโอกาสของตัวเอง

      “พรรค พปชร. เป็นพรรคหนึ่งที่เปิดเรื่องนี้ขึ้นมา มีพื้นที่สำหรับคนรุ่นใหม่ให้มาช่วยกันคิดช่วยกันหาทางออกประเทศไทย ช่วยกันคุยนำเสนอเรื่องราวสิ่งดีๆ  ที่เป็นทางแก้ปัญหา ถามว่าพรรคอื่นเขาเปิดไหม ก็อาจจะมี เราก็ไม่ทราบมากนัก ที่เราได้เห็นคือเป็นการรวมตัวของคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยเป็นนักการเมืองมาเลย ฉะนั้นเหมือนเป็นพื้นที่เท่าๆ กัน ที่เรามาร่วมกัน แชร์กันได้เต็มที่ เรามีความหลากหลายด้านอาชีพ ประสบการณ์ สายการงาน แต่เราคุยกันเรามองเรื่องเดียวกัน เรามองว่าประเทศไทยมีอะไรที่จะต้องขยับ มีอะไรที่จะต้องปรับ จุดมุ่งหมายเป็นเรื่องเดียวคือทำอย่างไร เป็นจังหวะเวลาโอกาสหลายด้านผสมผสานกัน”

 

พรรคเพิ่งก่อตั้งไม่นาน การรวบรวมคนรุ่นใหม่เริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่

        มีการพูดคุยกันมาเป็นเดือน ไม่สามารถระบุได้ว่าเริ่มตั้งแต่ตอนไหน แต่มันเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ รวมกันมีแนวทางความคิดเหมือนกัน มาลองระดมสมองกัน จัดทำเวิร์กช็อปนำเสนออะไรกัน ผสมผสานกับแนวทางของพรรคในเวลาถัดมา ทางพรรคอยากได้แนวคิด นโยบายที่ไม่ได้มาจากใครคนใดคนหนึ่ง แต่อยากให้เกิดจากการคิดร่วมกันของคนที่ได้เห็นได้ทราบปัญหา ในพรรคนี้เรานำเสนอความคิด สร้างร่วมกันเพื่อคนไทยร่วมกัน

มารวมกันได้เพราะมีผู้ใหญ่ในพรรคแนะนำมาหรือไม่

        มีหลากหลายมาก ไม่ใช่ผู้ใหญ่คนใดคนหนึ่ง ในมุมข่าวอาจจะพูดถึงผู้บริหารที่มีประสบการณ์ทางการเมือง การบริหารประเทศ มีวิสัยทัศน์ แต่ละคนที่มาน่าจะช่วยทำอะไรด้วยกันได้ มีทั้งพวกเรากันเองแนะนำกันมา พปชร.มีพื้นที่ตรงนี้สำหรับคนรุ่นใหม่ เวิร์กไม่เวิร์กก็ว่ามา คนที่มีส่วนร่วมอยู่แล้วก็เดินหน้าต่อไป ก็คงทยอยเข้ามาเรื่อยๆ

การมาทำงานตรงนี้มีนโยบายอะไรที่จะนำเสนอกับพี่น้องประชาชน

        นโยบายต้องมีความเห็นร่วม ความเป็นพรรค แนวคิดที่เราเห็นปัญหามีหลากหลาย คุยกันหลายเรื่องหลายประเด็น การงาน การท่องเที่ยว สุดท้ายเป็นแนวทางหลายอย่าง วันนี้จะออกมาเป็นนโยบายคงเร็วไปนิดหนึ่ง เพราะมันจะต้องมีลำดับความสำคัญของทางพรรคที่จะเป็นผู้ที่บอกว่านำเสนอนโยบายออกไปเรื่องอะไรบ้าง คงได้มีโอกาสคุยกันอีก

ส่วนตัวสนใจเรื่องไหน ได้นำเสนอกับทางพรรคไปหรือยัง

        ส่วนตัวผมมองเรื่องบูรณาการในการทำงานแก้ปัญหา ใช้วิธีคิดใหม่ๆ ด้านการศึกษา เกษตร คมนาคม ซึ่งก็ได้หารือกันเยอะ ทุกเรื่องเชื่อมโยงกันพอสมควร ความถนัดพื้นฐานแต่ละคนแตกต่างกัน สามารถจะเอามาถ่ายทอดความลึกซึ้งแตกต่างกันก็ธรรมดา การได้รับรู้พร้อมๆ กันถือว่าดี เป็นข้อดีในการได้รับการถ่ายทอดจากเพื่อนๆ หลายคน เราก็ได้รู้มากขึ้น

        ถ้าเรามีโอกาสได้เข้าไปขับเคลื่อนพัฒนา มันก็จะเห็นปัญหาเยอะขึ้น เห็นวิธีการจัดการมากขึ้น ชุดความคิดที่เรารวบรวมมาจะเป็นประโยชน์ทันที เป็นตัวนำว่าเรื่องนี้เราเคยมีการคุยกัน ทราบถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละแนวทางพอสมควร นโยบายจะได้ออกไปทำได้จริง  ประกอบกับการจัดการในภาครัฐได้ ในภาพรวมแล้วผู้เกี่ยวข้องได้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่ถนัดด้านไหนไปจัดการด้านเดียว วันนี้โลกมันเปลี่ยนไป มีความเชื่อมโยงแตกต่างหลากหลายมิติ

 

การร่วมพรรคนี้มีกระแสโจมตีเรื่องการรับใช้เผด็จการ สนับสนุน คสช. เราจะอธิบายอย่างไร

        การตั้งข้อสังเกตนี้มีพอสมควร เหมือนทำมาเพื่อให้แยกเป็นสองฝั่ง เผด็จการกับไม่เผด็จการหรือ จริงๆ วันนี้เราเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย สิ่งที่พวกเรามาเจอมาคุยกัน พวกเราไม่ใช่นักการเมือง เราจะไปสนับสนุนใครเราก็ทำในระบอบ เราเข้ามาคิดว่าขับเคลื่อนไปสู่ประชาธิปไตย เข้าสู่การเลือกตั้ง ความคิดพื้นฐานเหมือนกันคือมองไปข้างหน้า เรื่องที่เป็นมามันมีส่วนทำให้เกิดปัญหา เกิดความไม่มั่นคงในหลายด้าน เราคิดว่ารัฐบาลนี้ได้ก้าวข้ามเรื่องนี้มาได้ และทำให้เกิดช่องทางพัฒนามากขึ้นกว่าเดิม ถือว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว เป็นเวลาของประเทศไทย หลังจากที่เราสามารถจัดการได้ในหลายๆ ด้าน ทำให้ประเทศเราเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตย

      “เราสนับสนุนประชาธิปไตยเดินเข้ามาสู่การเลือกตั้ง เสนอตัวร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพรรคการเมือง ไม่ได้บอกว่าพรรคการเมืองนี้จะไม่เลือกตั้ง อยากเป็นคนเดียวเลยเป็นไปไม่ได้ ก็เข้ามาสู่การให้ประชาชนเป็นคนเลือก  ผมไม่คิดว่าเรามาซัพพอร์ตฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ผมตอบตรงเลยว่าผมสนับสนุนประชาธิปไตยที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน เราไม่ได้มองย้อนหลังเลย เรามองไปข้างหน้า เข้ามาในระบอบประชาธิปไตยจริงๆ เข้ามาด้วยความเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่มีภาพลักษณ์ของใครมาเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ ไม่มีอำนาจใดๆ ให้สืบทอดด้วย เป็นเรื่องชัดเจนที่สุด มีแต่คนที่เป็นผู้บริหาร มีความรู้จะทำให้ประเทศชาติดีขึ้น”

 

อยากฝากอะไรถึงพี่น้องประชาชน

        เราเดินเข้ามาเพราะเป็นช่วงเวลาที่ต้องเดินหน้า ประชาธิปไตยเป็นระบอบที่เราจะกลั่นกรองคนในการเข้ามา เป็นส่วนหนึ่งของทุกคน พี่น้องประชาชนอยู่ที่ไหน อย่างไร มีส่วนตัดสินใจที่จะกำหนดความเป็นไปของตัวเอง ฉะนั้นมันเป็นความจำเป็นครั้งหนึ่ง ที่จะมองดูและพิจารณาว่าทางเลือกที่จะเดินไปข้างหน้า ไม่สร้างให้เกิดปัญหาแล้วประเทศติดลบ ทางเลือกที่จะเดินแล้วสามารถที่จะสร้างให้เกิดการพัฒนาอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น ก้าวหน้าพัฒนาต่อยอด สภาพเศรษฐกิจทุกอย่างก็จะดีขึ้น ความมั่นคงก็จะมีมากขึ้น เราก็สร้างให้มันเกิดขึ้นด้วยความยั่งยืน วันนี้พวกเราเดินเข้ามาไม่ได้มาเพราะตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ได้มาปกป้องใครใดๆ ทั้งสิ้น แต่เข้ามาเพราะเห็นว่าถ้าไม่มาวันนี้แล้ว ไม่มีโอกาสได้ทำวันนี้ อนาคตก็ไม่รู้ว่าบ้านเมืองจะเป็นยังไง ลูกหลานเราจะอยู่กันแบบไหน

      “เราก็อยากสร้างสังคมดีๆ เป็นความคิดอย่างเดียวคือประเทศชาติ ตัวเราเองก็เติบโตขึ้นทุกวัน ต้องใช้เวลา ถ้าเราไม่สร้างวันนี้ ลูกหลานเราโตขึ้นมาจะเจอประเทศไทยแบบไหนเราไม่รู้ มันเหมือนเราไม่เสียสละก็ไม่เหมาะสมที่จะไปด่าว่าคนอื่น เป็นช่วงเวลาโอกาสที่ต้องเข้ามาบอกประชาชนว่าเมื่อมีทางเลือกดีๆ มีทางเลือกที่สามารถบอกให้คนรู้ว่าก้าวข้ามความขัดแย้ง มุ่งมั่นที่จะสร้างให้เกิดการพัฒนาต่อเนื่อง ทุกอย่างถูกวางไว้ให้เกิดความเจริญต่อ ประชาชนก็จะมองในมุมบวก ไม่ติดลบกับสภาพความจำเจแบบเดิมๆ สร้างสรรค์เข้ามาเกี่ยวข้องการบ้านการเมืองมากขึ้น ให้ความสำคัญกับกระบวนการตรงนี้พอสมควร ให้รู้ว่าสุดท้ายมีตัวเลือกใดๆ บ้าง สามารถทำอะไรได้ให้เกิดประโยชน์”.

 

 

ดร.ไกรเสริม โตทับเที่ยง อายุ 40 ปี

จบการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ (หลักสูตรนานาชาติ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และระดับปริญญาเอก สาขาเทคโนโลยีธุรกิจและนวัตกรรมการจัดการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

มีประสบการณ์การทำงานในสายบริหาร ดูแลด้านการตลาดให้กับธุรกิจด้านอาหารของที่บ้าน (แบรนด์ปุ้มปุ้ย) ปัจจุบันแยกตัวออกมาทำธุรกิจอาหารของตัวเอง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"