หึ่ง! รวบ 2 ผู้ต้องสงสัยวางบึ้มนางเงือกแล้วแต่ยังปฏิเสธ “บิ๊กป้อม” กลับลำบอกยังไม่สรุปสาเหตุ แต่ชี้คนร้ายขึ้นมาจากเทพา “สมช.” ฟันธงการเมืองว่าจ้าง เชื่อจับได้แน่ “หาดสมิหลา” คึกคนสงขลารวมใจไปเที่ยว 

เมื่อวันศุกร์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุระเบิด 2 จุดบริเวณหาดสมิหลา จังหวัดสงขลา ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์และเพื่อทำลายความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ เพราะเป็นช่วงเข้าเทศกาลปีใหม่ ซึ่งยังไม่ได้สรุปปมการก่อเหตุ แต่เชื่อว่าเป็นการขยายการก่อเหตุจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นมา และมั่นใจจะจับกุมผู้ก่อเหตุได้  
เมื่อถามว่าให้น้ำหนักไปทางด้านการเมืองหรือการก่อความไม่สงบทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นเรื่องทางใต้กลุ่มก่อเหตุ โดยมีเบาะแสมาจาก อ.เทพาขึ้นมาก่อเหตุ เป็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ เพราะว่าสงขลาไม่มีอะไรอยู่แล้ว เลยฉวยโอกาสขึ้นมาก่อเหตุเพื่อทำลายทางด้านเศรษฐกิจและช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งได้กำชับให้ระวังการก่อเหตุมาก่อนหน้านี้ โดยที่ผ่านมาก็ดูแลความปลอดภัยมาต่อเนื่องอยู่แล้วเกี่ยวกับกลุ่มบีอาร์เอ็น 
ด้าน พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า เหตุระเบิด 2 จุดเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่มีลักษณะคล้ายกับการก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะว่าจ้างกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบวัตถุพยานและรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง 
“นอกจากการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายแล้ว กลุ่มคนร้ายยังมุ่งหวังทำลายทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวในลักษณะเชิงสัญลักษณ์ ส่วนการติดตามจับกุมคนร้าย ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว ซึ่งคาดว่าน่าจะรู้ตัวผู้ที่ก่อเหตุ ส่วนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานกับทางการมาเลเซียเพื่อหาทางออกร่วมกัน ในการพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่างโดยเฉพาะกลุ่มบีอาร์เอ็น” พล.อ.วัลลภระบุ
ขณะที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) กล่าวเช่นกันว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ โดย พล.อ.ประวิตรได้สั่งการให้หน่วยความมั่นคง ทั้งทหารและตำรวจ ตรวจสอบและติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็ว ซึ่งเชื่อว่าเหตุดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ขอให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นในมาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและย่านธุรกิจ 
มีรายงานล่าสุดแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวผู้ต้องสงสัย 2 คนที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิดไปยังศูนย์ซักถาม ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานีแล้ว โดยทั้งสองคนยังคงให้การปฏิเสธ    
นายเริงชัย คงทอง รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า เหตุระเบิดไม่ส่งผลกระทบต่อการจ่ายไฟ แม้ขาเสาสายส่งขาดก็ตาม โดย กฟผ.ขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องเฝ้าระวัง เพื่อรักษาเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงซึ่งเป็นสมบัติของชาติ หากพบเหตุผิดปกติที่ไม่ปลอดภัยเกี่ยวกับสายส่งไฟฟ้าแรงสูงหรือสถานีไฟฟ้าแรงสูง โปรดแจ้งศูนย์บริการข้อมูล กฟผ. โทร.1416
ส่วนบรรยากาศที่บริเวณชายหาดแหลมสมิหลา จ.สงขลานั้น มีชาวสงขลาจำนวนมากเดินทางมารับขวัญนางเงือกทองโดยไม่ได้นัดหมาย โดยต่างพากันดีใจที่นางเงือกทองซ่อมเสร็จแล้วและอยู่ในสภาพสวยงามดังเดิม ซึ่งนางเงือกทองอยู่คู่ชายหาดสมิหลามากว่า 52 ปี ทั้งนี้ชาวสงขลายังได้มาถ่ายภาพส่งไลน์ส่งเฟซบุ๊ก ช่วยประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวตามปกติ 
ส่วนที่ จ.ตรัง พล.ต.ต.นุกูล ไกรทอง ผบก.ภ.จว.ตรัง ได้สั่งการให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัด และเฝ้าตรวจตราตามจุดที่มีประชาชนรวมตัวกันอย่างหนาแน่นหลังเกิดเหตุวางระเบิดในสงขลา แม้ว่า จ.ตรังจะไม่ใช่เป้าหมายในการก่อเหตุของกลุ่มผู้ไม่หวังดี แต่เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและป้องกันไว้ก่อนเพื่อสามารถรับมือได้ทันท่วงที
วันเดียวกันยังคงเกิดเหตุรายวันในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเมื่อเวลา 14.00 น. ร.ต.อ. สมภพ บุญจันทร์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต  1 รายบนถนนภายในหมู่บ้านบริเวณหน้า รพ.ส่งเสริมสุขภาพ บ้านบ่อหว้า ม.4 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ จึงนำกำลังไปที่เกิดเหตุ พบนายตูแวมะ นิบีรู อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/5 ม.4 ต.ปากล่อ อ.โคกโพธิ์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.เข้าบริเวณศีรษะและลำตัว 3 นัดเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สีน้ำเงิน ทะเบียน 1 กข 4184 ยะลาของผู้ตาย กับปลอกกระสุน 6 ปลอกจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ ม.4 ต.ปากล่อ โดยก่อนเกิดเหตุหลังจากทำละหมาดที่มัสยิดในหมู่บ้านเสร็จ ผู้ตายได้ขี่รถเพื่อกลับบ้าน แต่ปรากฏว่าระหว่างทางมีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามด้านหลัง เมื่อสบโอกาสจึงขี่ประกบแล้วชักอาวุธปืนยิงใส่ไปก่อน 3 นัดจนผู้ตายเสียหลักล้ม คนร้ายจึงได้จอดรถแล้วยิงซ้ำอีก 3 นัดจนเสียชีวิต จากนั้นคนร้ายได้เร่งเครื่องหลบหนีไป ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนว่าเป็นเรื่องการเมืองหรือสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ.