'ศิริภา อินทวิเชียร' เส้นทางการเมือง ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ


เพิ่มเพื่อน    

       พูดได้เต็มปากว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคหนึ่งที่ให้โอกาสคนรุ่นใหม่ที่สนใจการเมืองจริงๆ และคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดี เพราะไม่มีคนในครอบครัวเกี่ยวข้องกับการเมืองแม้แต่คนเดียว ไม่ได้รู้จักใครที่เป็นนักการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์เลย”

        คำพูดช่วงตอนหนึ่งระหว่างสัมภาษณ์ ศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรค ด้านการต่างประเทศ ในเวลาเดียวกันยังเป็นโฆษกกลุ่มคนรุ่นใหม่ New Dem ของพรรคด้วย

        “แนน” ศิริภาขยายความต่อว่า ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 4 ปี เดินเข้ามาที่พรรคแล้วบอกว่าสนใจจะช่วยงาน เจ้าหน้าที่ก็ส่งเราไปคุยกับนายจุติ ไกรฤกษ์ ซึ่งตอนนั้นท่านก็เป็นเลขาธิการพรรคแล้ว โดยเราได้รับมอบหมายให้ไปทำงานด้านพัฒนาชุมชนในพื้นที่ต่างๆ ของ กทม. ทำไปสักพักก็ไปช่วยงานนายกษิต ภิรมย์ สมัยเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เวลาเดียวกันก็ได้ช่วยงานนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ด้านงานต่างประเทศด้วย เมื่อ สปท.หมดวาระจึงได้ทำงานให้นายชวนเต็มตัว

        "ท่านชวนชอบการเมืองต่างประเทศมาก ท่านจะให้วิเคราะห์การเมืองต่างประเทศและให้วิเคราะห์เศรษฐกิจต่างประเทศด้วย เราเป็นคนวิเคราะห์และทำข้อมูล ท่านชวนค่อนข้างละเอียด เหมือนต่างประเทศพูดอะไร ท่านต้องรู้หมด ใครมองอย่างไร คิดอย่างไร หรืออย่างใครเข้ามาในประเทศ มาเยี่ยมไทย ก็อยากรู้ว่าพูดอะไร สนใจประเด็นไหน ท่านจะคอยให้ไปฟังและวิเคราะห์ แล้วให้มารายงาน นายชวนเป็นกำลังใจที่ดี เพราะช่วงตอนทำ สปท.รู้สึกท้อ แต่เมื่อเห็นนายชวนทำงานอย่างทุ่มเท บางวันทำงานถึงสี่ห้าทุ่ม ดังนั้นท่านชวนจึงเหมือนเป็นกำลังใจและเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เรา นอกจากนี้ยังบอกโดยตลอดว่าทำงานต้องทำไปเรื่อยๆ เพราะวันหนึ่งไม่รู้ว่ายังจะทำไหวหรือเปล่า" เธอระบุถึงต้นแบบในทางการเมืองอย่าง นายชวน หลีกภัย ที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานต่อเนื่องของเธอ

        รองโฆษกศิริภาระบุด้วยว่า รอบนี้สมัครเป็น ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ แต่ไม่ทราบว่าจะได้หรือไม่ แต่ถ้าหากไม่ได้เป็น ส.ส.รอบนี้ ก็จะไม่ถอดใจและยืนยันจะทำงานให้พรรคต่อไป รวมทั้งการทำหน้าที่เป็นประธานเยาวชนของสภาเสรีภาพและประชาธิปไตยแห่งเอเชีย (Council of Asian Liberals and Democrats – CALD Youth) เพราะงานการเมืองมีหลายมุมให้ได้เรียนรู้ ที่สำคัญคิดว่าพรรคให้โอกาสค่อนข้างเยอะในการทำงาน ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้มีคอนเน็กชั่นกับใครในพรรคมาก่อนเลย ไม่มีเส้นสายอะไร

        อย่างไรก็ตาม เส้นทางการเมืองของ “ศิริภา” ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เนื่องจากบิดาและมารดาคัดค้าน เพราะต้องการให้สานต่อธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และงานก่อสร้างของครอบครัวมากกว่า เธอเล่าว่า เรียนปริญญาโทที่อังกฤษอยู่ปีกว่า และทำงานที่อังกฤษอยู่ 1 ปี คุณแม่ก็ขอให้กลับมาทำงานที่บ้านเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ พอทำได้สักพักหนึ่ง ด้วยตอนเด็กสมัยเรียนมัธยมศึกษาเราชอบไปตามชุมชนต่างๆ ชอบการพัฒนาชุมชน เป็นอาสาทำเฟอร์นิเจอร์ให้โรงเรียนมาโดยมาตลอด พอทำธุรกิจได้สักพักมีความรู้ด้านการทำธุรกิจแล้ว ก็เลยอยากทำในสิ่งที่สนใจอีกเรื่องหนึ่งคือ การเมือง เลยขอคุณแม่ไปเรียนปริญญาโทด้านรัฐศาสตร์ พอใกล้จบก็เดินเข้าพรรคประชาธิปัตย์และมาบอกกับพรรคว่าสนใจอยากช่วยงาน

        "ความต้องการที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจการเมือง เราได้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งทีแรกคิดว่าการเป็นอาสาตามที่ต่างๆ จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้ แต่ความจริงเป็นเพียงผลเล็กๆ เท่านั้น แต่หากเป็นการเมืองจะมีอำนาจในการกำหนดนโยบายจนสร้างผลขนาดใหญ่ให้กับสังคมได้"

       รองโฆษก ปชป. ระบุว่า การยกระดับคุณภาพการรักษาพยาบาลและการศึกษาให้เท่าเทียมกัน เป็นสิ่งที่ตนเองอยากทำมากที่สุด เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมเราอยู่อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ต้องไปเรียนที่ภูเก็ต หรือแม้แต่การผ่าตัดใหญ่คนในนครศรีธรรมราชต้องเดินทางไปจังหวัดสงขลา หรือต้องไปที่จังหวัดตรัง อซึ่งหลายคนเสียชีวิตระหว่างเดินทางไปรักษา เช่น คุณยายเพื่อนเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ต้องเสียชีวิตเพียงเพราะ รพ.เล็กๆ แถวปากพนังไม่มีเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งตนคิดว่าเครื่องมือทางการแพทย์พื้นฐานแบบนี้ในชนบทควรมีและควรได้รับการพัฒนาได้แล้ว

        นอกจากนี้ยังอยากพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนด้วย เราจะเห็นว่าจังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีรายได้มหาศาล แต่รายได้เหล่านั้นกระจุกอยู่กับนายทุน ไม่ได้กระจายรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่เท่าที่ควร ชาวบ้านเป็นเพียงแรงงานที่คอยสนับสนุนธุรกิจเหล่านั้น ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ต้องทำคือพัฒนาท่องเที่ยวชุมชน เพราะจะช่วยแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ได้ และเป็นการเพิ่มรายได้ให้ชาวบ้าน คนนครศรีธรรมราชลำบากมากในเวลาที่ราคายางพาราตกต่ำ เพราะส่วนใหญ่ประกอบอาชีพปลูกยางพารา ขณะเดียวกันในจังหวัดมีแหล่งท่องเที่ยวเป็นร้อย แต่ไม่ได้รับการพัฒนาและโปรโมตตามที่ควรจะเป็น.

 

ชื่อ น.ส.ศิริภา อินทรวิเชียร หรือแนน

เกิด 14 กันยายน 2532 อายุ 29 ปี

การศึกษา ปริญญาตรี เอนเตอร์เทนเมนต์ วิทยานานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล, ปริญญาโท ด้านการเงิน มหาวิทยาลัยรีเจนท์ ประเทศอังกฤษ และปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ประสบการณ์ทำงาน นักวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเงินให้กับบริษัท Kurt Geiger London และบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว ปัจจุบันช่วยงานพี่ชายดูแลการก่อสร้างโรงแรม “เซนทารา นครคีรี” ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"