โอ๊คสั่งให้ทนอย่าไล่ ‘ตระกูลเพื่อ’รอเช็กบิล24มี.ค./‘กอบศักดิ์’ยัน‘บิ๊กตู่’น่ารัก


เพิ่มเพื่อน    

  ทุกพรรคจับมือถล่ม "บิ๊กตู่" พูดไม่สุภาพ “มึงมาไล่ดูสิ” พรรคตระกูลเพื่อกระหน่ำ การปฏิบัติและคำพูดมีบรรทัดฐานต่ำ เกรี้ยวกราด ขาดสติและวุฒิภาวะ ไม่เหมาะอยู่ในการเมืองระบอบประชาธิปไตย รับคำท้า 24 มี.ค.ไล่แน่ "อยากเลือกตั้ง" เอาด้วยไป 2 คนรับคำท้า เกาะรั้วทำเนียบฯ ก่อน ตร.รวบ

    ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในช่วงท้ายระหว่างเป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานปีที่ 4 ของรัฐบาล ตอนหนึ่งว่า     "อย่าไปไล่ล่ากันมากนัก พอไล่คนนี้แล้วลาออก แล้วเดี๋ยวมาไล่นายกฯ ออก ก็กฎหมายว่าอย่างนี้ มึงมาไล่ดูสิ ไล่ให้ได้สิ ผมไม่ท้าทาย แต่ไม่ออก" พรรคการเมืองพากันโจมตีและรับคำท้าว่าจะไล่
    นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ระบุว่า ที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกอาการเกรี้ยวกราด จะมองว่าหลุดก็ได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์อุตส่าห์พูดไปดูบทไป เข้าใจว่าเนติบริกรคงเขียนมาให้เพื่อโต้เรื่องออก-ไม่ออก ซึ่งในบทที่เขียนมาให้คงไม่มีคำว่า “มึงมาไล่ดูสิ” แน่ๆ จะมองว่าไม่ใช่หลุดก็ได้ เพราะพล.อ.ประยุทธ์เกรี้ยวกราดและพูดจาหยาบคายมาหลายครั้งหลายหนจนเป็นนิสัยเสียแล้ว
    "ที่น่าสนใจมากกว่าคือสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ยกขึ้นมาอ้างเรื่องการลาออกหรือไม่ลาออกนั้น เป็นการมั่วและจงใจไม่พูดถึงเรื่องที่สำคัญจริงๆ คือเมื่อกำลังจะเป็นผู้ถูกเสนอชื่อเข้าแข่งขันเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งที่จะมาถึง พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ควรจะปฏิบัติตนอย่างไร"
    นายจาตุรนต์ยังเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์อ้างถึงผู้นำประเทศต่างๆ ไม่เห็นมีใครลาออก แต่ไม่ได้พูดว่าในประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกนั้น เมื่อถึงเวลาเลือกตั้ง ผู้นำและรัฐบาลของเขาจะไม่ออกนโยบายหรือโครงการอะไรใหม่ๆ หรือที่ให้คุณให้โทษต่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง จนมีคำที่ใช้กันทั่วไปว่า "รัฐบาลรักษาการ"  (Caretaker government) ที่ พล.อ.ประยุทธ์จงใจไม่พูด ก็เพราะกำลังทำในสิ่งตรงข้าม และคงตั้งใจจะทำต่อไป
    นายจาตุรนต์ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์มีทางเลือกอยู่ 2 ทางคือ ลาออก แล้วก็ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปในฐานะรัฐบาลรักษาการ หรืออีกทางหนึ่งคือประกาศให้ชัดเจนว่าจะไม่ใช้อำนาจและงบประมาณให้คุณให้โทษกับฝ่ายใดในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะไม่ลาออกก็ได้
    "แต่จากอาการเกรี้ยวกราด ขาดสติและวุฒิภาวะในเรื่องฝุ่นพิษ และล่าสุดเรื่องออก-ไม่ออกนี้ ผมคิดว่าคนไทยจำนวนมากอาจจะรู้สึกเหมือนๆ กันว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรจะลาออกไปได้แล้ว นี่ไม่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายฉบับไหนเลยครับ" นายจาตุรนต์ทิ้งท้าย
ท้า 24 มีนาคมเจอกัน
    ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ  กล่าวว่า คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับเยาวชน หากจำกันได้ 4 รมต. ก็ถูกเรียกร้องให้ออกอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการเกรี้ยวกราด และสุดท้ายก็ต้องลาออก เพราะทนอับอายและทนกระแสสังคมกดดันไม่ได้ เพราะ รมต.ทั้ง 4 ท่านมีการศึกษาที่ดี ทราบว่าการอยู่ในตำแหน่งใน ครม. ที่ไม่ใช่ ครม. รักษาการปกติ เป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ดังนั้นจึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ศึกษาเป็นตัวอย่าง เพราะนายกรัฐมนตรีจะต้องมีบรรทัดฐานที่สูงกว่ารัฐมนตรี และเป็นตัวอย่างให้กับคนทั้งประเทศ
          “การปฏิบัติและทั้งคำพูด หากมีบรรทัดฐานต่ำ จะเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกหรือ จึงอยากเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์พิจารณาการกระทำและคำพูดของผม ต้องคิดให้หนักว่าหากเรื่องแค่นี้ยังทนความกดดันไม่ได้ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะเป็น นายกฯ อยู่ในการเมืองระบอบประชาธิปไตยได้อย่างไร" นายพิชัยกล่าว
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์อย่าเหนียมอาย ถ้าเป็นไฮโลเขาเปิดถ้วยแทงกันแล้ว ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็ขอให้แข่งขันกันอย่างแฟร์ๆ อย่าใช้สถานะนายกฯ และหัวหน้า คสช.เอาเปรียบคนอื่นได้หรือไม่ 
    ที่ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่ามึงมาไล่ดูสินั้น ประชาชนไม่ต้องไปขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ที่ทำเนียบ หรือไปเดินขบวนต่อต้าน ถ้าไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ 24 มี.ค.ก็เข้าคูหาเลือกตั้ง ใช้ปากกาเป็นเครื่องมือขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ โดยการเลือกพรรคเพื่อไทยเพียงเท่านี้ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่ได้อยู่ต่อ และเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อย รักษาบรรยากาศของบ้านเมือง ด้วยการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม
    ขณะที่ ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ทนฟังเสียงสะท้อนของประชาชนและสื่อมวลชนที่วิจารณ์เรื่องการบริหารประเทศไม่ได้ ก็ควรเป็นฝ่ายลาออกไปเอง ไม่ต้องรอใครมาไล่ เพราะตอนเข้ามาเป็นนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นฝ่ายยัดเยียดตัวเองตั้งแต่แรก โดยที่ประชาชนไม่มีสิทธิ์เลือก แล้วทำไมต้องให้คนไทยออกแรงเดินขบวนขับไล่พวกท่านให้เสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง ในเมื่ออีกไม่นานก็จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ประชาชนที่เบื่อการทำงานของรัฐบาล คสช. ก็จะสามารถเปลี่ยนตัวผู้นำได้โดยสันติวิธีผ่านการกากบาทเลือกตั้ง
    "อันที่จริง แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะด่ากราดประชาชนด้วยถ้อยคำหยาบคาย ท่านควรทบทวนตัวเองแล้วปรับปรุงตัวจะดีกว่า"
"เจี๊ยบ" จัดจ้าน
     ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวว่า อย่ามาอ้างว่า ถ้าท่านไม่อยู่แล้วจะไม่มีคนทำงาน เพราะเมื่อ 4 ปีก่อน หลังจากท่านยึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์สำเร็จ ท่านก็ปล่อยให้ประเทศว่างเว้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีมาตั้งเกือบครึ่งปี โดยปล่อยให้ข้าราชการบริหารประเทศกันเอง 5-6 เดือน ท่านก็ยังทำมาแล้ว อยากถามว่า ตอนนั้น ที่ไม่ยอมให้คนอื่นมาเป็นนายกฯ แล้วปล่อยให้ประเทศเกิดสุญญากาศ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะต้องรอให้ พล.อ.ประยุทธ์นั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการทหารบกให้ครบเทอมก่อนใช่หรือไม่ แบบนี้ถือว่าคนทั้งชาติต้องหยุดชะงักเพื่อรอความพร้อมของคนคนเดียวใช่หรือเปล่า
    นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างผู้นำรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะเชื่อมโยงกับประชาชน กับผู้นำที่ไม่เชื่อมโยงกับประชาชน เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยหลักการแล้วผู้นำที่เชื่อมโยงกับประชาชนจะพูดจะทำอะไรย่อมคำนึงถึงจิตใจประชาชนมากกว่า รวมไปถึงการทำงานก็จะยึดโยงกับประชาชนมากกว่า และการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินก็จะเชื่อมโยงกับประชาชนมากกว่า
         "นับจากนี้เป็นต้นไป พล.อ.ประยุทธ์จำเป็นต้องมีความอดทนอดกลั้นต่อการเรียกร้องของประชาชนและทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยให้มากเป็นพิเศษด้วย หลังจากท่านตัดสินใจจะเข้าสู่การเป็นนักการเมืองเต็มตัว" นางลดาวัลลิ์กล่าว
     ด้านนายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์  แถลงว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวพาดพิงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ตนมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ไม่มีสิทธิ์พูดจาหยาบคายต่อหน้าสาธารณชน อันจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับสังคมและเยาวชนต่อไป ขาดซึ่งวุฒิภาวะของคนเป็นนายกรัฐมนตรี
    เขาบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีสิทธิ์พูดโกหก หรือพูดความจริงไม่หมด ทำให้ประชาชนสับสน เพราะในความเป็นจริงแล้วคุณอภิสิทธิ์เพียงหยิบยกประเด็นให้เห็นว่ารัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์นั้นเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม และยังมีมาตรา 44 ที่สามารถปลดหรือโยกย้ายข้าราชการทุกหน่วยงาน แม้กระทั่ง กกต. ซึ่งทำหน้าที่ในการกำกับดูแลการเลือกตั้ง ในขณะที่รัฐบาลปกติทั่วไปนั้นไม่มี และการเป็นรัฐบาลรักษาการ ก็ไม่มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการใดๆ ทั้งสิ้น ต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. ก่อน และการที่ พล.อ.ประยุทธ์จะลาออกหรือไม่ลาออกนั้น เป็นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์มีสิทธิ์คิดและพิจารณาได้ด้วยตัวเอง แต่ไม่มีสิทธิ์พูดจาหยาบคายต่อหน้าสาธารณชน และพูดไม่จริง
เลิกเล่นปาหี่การเมือง
         “ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์เลิกเล่นปาหี่การเมืองเสียที วันนี้การตอบรับเข้าเป็นบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พยายามทำให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า พปชร.นั้นได้ประโยชน์จากการนำนโยบายของรัฐในการหาเสียงล่วงหน้า โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ทราบดีมาโดยตลอด จึงปฏิเสธไม่ได้ถึงความเกี่ยวพันระหว่างพปชร.กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ผมเชื่อมั่นและในสังคมโดยทั่วไปก็ทราบดีว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของ พปชร. เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นชายชาติทหาร ก็ต้องกล้าหาญที่จะพูดในเรื่องที่เป็นความจริง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์” โฆษก ปชป.กล่าว
    นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ โดยกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนจริงใจ จากที่เคยร่วมงานมาต่อเนื่อง ท่านเป็นคนน่ารักมาก เวลาเจอประชาชนท่านก็มีความเมตตา และประชาชนก็รักท่านมากเช่นกัน แต่ พล.อ.ประยุทธ์จะมีประเด็นเล็กๆ น้อยๆ เมื่อเจอนักข่าว ซึ่งต้องให้กำลังใจท่าน 
    "ผมคิดว่าดี เพราะจริงๆ เราต้องการนายกฯ ที่ตรงไปตรงมา โผงผาง เข้าใจง่าย ไม่มีอะไรต้องไปตีความ ท่านนายกฯ เป็นสุภาพบุรุษ เป็นผู้นำที่ดีอย่างยิ่งคนหนึ่งของประเทศไทย" นายกอบศักดิ์กล่าว
    เมื่อถามว่า หลายพรรคการเมืองมีการทำโพลวัดกระแสนิยมของผู้สมัคร โดยเฉพาะผู้ที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรค พปชร.มีการทำโพลด้วยหรือไม่ นายกอบศักดิ์ตอบว่า เราไม่ต้องทำ เพราะทุกโพลในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยส่วนมาก พล.อ.ประยุทธ์คือเบอร์ 1 มีความนิยมเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ จึงเชื่อว่าจะมีคนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ ในสัดส่วน 1 ใน 3 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ดีมาก ทำให้เห็นว่าท่านเป็นคนที่มีแรงศรัทธา อีกทั้งเสียงเชียร์ลุงตู่ถล่มทลายในทุกเวทีของพรรคพปชร. จึงมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์มีมิตรรักแฟนเพลงจำนวนมาก รวมถึงมีคนเห็นผลงานว่าท่านมีความกล้าตัดสินใจ หลายเรื่องที่ทำเป็นนโยบายใหม่ที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน รวมถึงความสงบซึ่งเป็นผลงานสำคัญที่หลายคนพอใจ
    ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า หากทุกพรรคการเมืองมีเจตนาที่บริสุทธิ์ ก็จะเข้าใจในเหตุผลที่ พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจง ไม่ว่าจะเป็นทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ กติกา ธรรมเนียมปฏิบัติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และประเทศมหาอำนาจทั้งผู้นำสหรัฐอเมริกาและจีนก็ไม่ต้องลาออก ที่สำคัญ ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทย ก็ไม่เคยลาออก อยากให้ทุกพรรคเลิกพูดถึงเรื่องนี้ได้แล้ว เอาเวลาไปหาเสียงจะดีกว่า
อยากเลือกตั้งท้าที่ทำเนียบฯ 
          “พล.อ.ประยุทธ์ยังจะต้องเตรียมจัดงานพระราชพิธีสำคัญที่คนไทยทั้งประเทศเฝ้ารอ ซึ่งมองว่าการชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ประชาชนทั่วประเทศเข้าใจดี แต่พรรคการเมืองกลับพยายามไม่เข้าใจ พยายามกดดันให้ท่านลาออก เหมือนเป็นกระบวนการ เริ่มตั้งแต่กดดันให้ 4 รัฐมนตรีลาออก พอ 4รัฐมนตรีลาออก ก็มากดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกอีก โดยเฉพาะพรรค ปชป. เลิกใช้วาทกรรมประเภทดีแต่พูด โจมตีนายกฯ และพรรค พปชร.ได้แล้ว หยุดตอบโต้ไปมาตั้งแต่หัวหน้าพรรคยันโฆษกพรรค เอานโยบายนำเสนอพี่น้องประชาชนดีกว่า ผมจะได้ไม่ต้องออกมาป้องกันส่วนได้ส่วนเสียของพรรค เพราะเหนื่อย” นายธนกรกล่าว
    ส่วนนายสุทิน วรรณบวร นักข่าวชื่อดัง แนวร่วมกลุ่ม กปปส. เมื่อครั้งชุมนุมขับไล่รัฐบาล น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์ข้อความถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้ภาษาไม่สุภาพ ขณะแถลงผลงาน 4 ปีรัฐบาลเมื่อว่า "นักการเมืองที่ได้รับความนิยมจากประชาชนล้วนเป็นคนจริงใจ ตรงไปตรงมา ขวานผ่าซาก ไม่ว่าเป็นนายดูเตอร์เต นายคิม จองอึล นายทรัมป์ ฯลฯ ผู้นำเหล่านี้ไม่เป็นชื่นชมของสื่อนักวิชาการและคนโลกสวย แต่ได้รับการชื่นชมนิมยกย่องจากประชาชนทั่วไป เพราะประชาชนเห็นเขาเป็นคนซื่อตรง โผงผาง
    แค่คนที่รักผู้นำที่อื่น ไม่ทำตัวเป็นแม่ยกที่ปกป้องผู้นำแบบริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ใครตำหนิวิจารณ์ไม่ได้ ในกรณีนายกฯ ฟิวส์ขาดเพราะหลงกลสื่อเสี้ยมแล้วฟาดงวงฟาดงาไปถึงพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ชี้แจงตอบโต้บ้าง
    แทนที่จะให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายที่ถูกทำร้ายก่อนบรรดาแม่ยกเปิดเฟซรุมด่าฝ่ายปกป้องตัวเอง อันนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยครับ
    ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ พร้อมด้วยนายธนวัฒน์ วงค์ไชย  แนวร่วมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง พร้อมกลุ่มนักศึกษา ได้พยายามทำกิจกรรมทางการเมืองและอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต เนื่องจากขัดต่อ พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ จึงย้ายไปทำกิจกรรมบริเวณข้างรั้วทำเนียบรัฐบาล
    ขณะที่การรักษาความปลอดภัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่เกิดเหตุความวุ่นวายใด เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ โดยมีตำรวจนครบาลสนธิกำลังดูแลร่วมกับ สน.ดุสิต 
    พร้อมกันนี้ มีการติดป้ายประกาศของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ห้ามผู้ใดชุมนุมในรัศมี 50 เมตรรอบทำเนียบรัฐบาล ผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    โดยนายพริษฐ์กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. รัฐบาลทหารยังคงมีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศ ซึ่งสามารถอนุมัติงบประมาณผูกพันไปยังรัฐบาลชุดหน้า ทั้งงบประมาณในการหาเสียง โยกย้ายข้าราชการประจำ และใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อให้เกิดผลทางการเลือกตั้ง จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งทันทีที่มีการตกลงรับเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไม่ให้เกิดการใช้อำนาจเต็ม สร้างความได้เปรียบเทียบในการเลือกตั้งจนทำให้การเลือกตั้งเกิดความไม่เสรีและไม่เป็นธรรม
    "เราขอยืนยันว่า การเลือกตั้งต้องเสรีและเป็นธรรมเท่านั้น จึงจะสามารภสะท้อนเจตจำนงที่แท้จริงของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยได้ หาใช่เป็นเพียงพิธีกรรมในการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ" นายพริษฐ์กล่าว
    ทั้งนี้ นายพริษฐ์และนายธนวัฒน์ได้มอบพริก เกลือ และกระเทียมแขวนที่รั้วทำเนียบฯ ก่อนจะถูกตำรวจเชิญตัวไปดำเนินคดีที่ สน.ดุสิต ต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"