สมคิดรับเป้าส่งออกใหม่โต3%


เพิ่มเพื่อน    

“สมคิด”ยอมรับเป้าส่งออกใหม่ “พาณิชย์” ปรับลดเหลือบวก 3% จากเดิม 8% เหตุได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เศรษฐกิจโลกชะลอตัว พร้อมชมเชย ไม่ท้อถอย มองวิกฤตเป็นโอกาส แนะเพิ่มความเข้มข้นลุยเจาะสหรัฐฯ อินเดีย แต่ห้ามทิ้งจีน  

01 มิ.ย.62 - นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในการเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้แก่ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ หรือทูตพาณิชย์ จาก 53 แห่งทั่วโลก โดยมีภาคเอกชนเข้าร่วมหารือ เพื่อปรับแผนการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ ว่า เป้าการส่งออกในปี 2562 ที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ใหม่ขยายตัวที่ 3% ลดลงจากเป้าเดิม 8% เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีน ถือว่ารับได้ เพราะเป็นไปตามที่ได้ร่วมประเมินกับภาคเอกชนทุกกลุ่มสินค้าในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ยังเชื่อว่าแม้หลายประเทศจะได้รับผลกระทบ ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่ไทยจะสามารถเข้าไปเจาะตลาดเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ และอินเดีย

“สถานการณ์การค้าโลกในปัจจุบัน ทุกประเทศได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าเหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่าไทยก็ได้รับผลกระทบไปด้วย แต่ต้องขอชมเชยกระทรวงพาณิชย์ที่ไม่ท้อถอย แม้สถานการณ์จะไม่สู้ดีนัก พยายามมองวิกฤติให้เป็นโอกาส ก็เห็นด้วยที่จะเพิ่มโอกาสส่งออก โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ จะกลายเป็นโอกาสสำคัญที่จะต้องให้ข้อมูลและให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนไทยในการเจาะตลาด รวมถึงตลาดใหญ่อย่างอินเดียที่เศรษฐกิจยังโตสูงถึง 7% จึงควรจะมีแผนการผลักดันส่งออกให้ชัดเจน แต่ก็ต้องรักษาตลาดจีนเอาไว้ให้ได้ด้วย”

นอกจากนี้ ขอให้กระทรวงพาณิชย์ทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศ โดยใช้นโยบายการค้าควบคู่กับการลงทุนและการท่องเที่ยว เพราะการค้ากับการลงทุนต้องไปด้วยกัน การค้ากับการท่องเที่ยวด้วย โดยหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในไทยมากขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อการซื้อสินค้าภายในประเทศ ขณะเดียวกันต้องเร่งช่วยเหลือเกษตรกรในการพัฒนาคุณภาพสินค้า เพิ่มช่องทางการตลาด โดยเฉพาะการค้าขายออนไลน์ เพื่อเพิ่มโอกาสส่งออกและยกระดับราคาสินค้าเกษตรไทย  

น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ ได้ปรับลดเป้าการส่งออกไทยในปี 2562 ใหม่ จากเดิมที่ตั้งไว้ว่าจะขยายตัว 8% เหลือเพียง 3% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลายประเทศนำมาตรการกีดกันทางการค้ามาใช้ และสถานการณ์ เบร็กซิต เป็นต้น ซึ่งการจะผลักดันให้การส่งออกขยายตัว 3% ได้นั้น ในช่วงที่เหลืออีก 8 เดือนของปี 2562 (พ.ค.-ธ.ค.) ต้องผลักดันส่งออกให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากยอดส่งออก 4 เดือนแรกของปี 2562 (ม.ค.-เม.ย.) ขยายตัวติดลบ 1.9%

ทั้งนี้ เป้าส่งออกใหม่ที่ตั้งไว้ที่บวก 3% ต้องมีมูลค่าส่งออกรวมทั้งปี 260,184 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีเป้ารายตลาด เช่น จีน เพิ่ม 1-3% ญี่ปุ่น เพิ่ม 1-2% อาเซียน เพิ่ม 5.2% CLMV เพิ่ม 7.9% สหภาพยุโรป เพิ่ม 0% ตะวันออกกลาง เพิ่ม 0-2% แอฟริกา เพิ่ม 2-4% เอเชียใต้ เพิ่ม 6% อเมริกาเหนือ เพิ่ม 4% และลาตินอเมริกา เพิ่ม 1% เป็นต้น

สำหรับแผนผลักดันการส่งออก เช่น ตลาดสหรัฐฯ จะผลักดันให้ผู้ส่งออกใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ที่สหรัฐฯ ให้กับไทยกว่า 3,400 รายการ เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออก การประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์สินค้าไทยและแบรนด์ไทย เพื่อสร้างการยอมรับ ตลาดจีน จะเดินหน้าทำตลาดโดยจัดกิจกรรมเจาะตลาดเมืองรองเพิ่มมากขึ้น ตลาดอาเซียน จะสร้างเครือข่ายกับกลุ่มธุรกิจจากจีนที่ย้ายฐานการผลิตมายังอาเซียน เพื่อผลักดันสินค้าไทยให้เข้าไปอยู่ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิต ตลาด CLMV จะเร่งส่งเสริมการค้าชายแดน และผลักดันการเข้าไปลงทุน เพื่อใช้สิทธิพิเศษทางการค้าที่สหรัฐฯ และยุโรปให้กับประเทศเหล่านี้ 
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"