ทางการฮ่องกงตั้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้ประท้วงรายแรก นับแต่เกิดความรุนแรงประท้วงต่อต้านกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้จีน ขณะบรรดาแม่ๆ หลายพันคนร่วมการชุมนุมเมื่อวันศุกร์ เพื่อแสดงความสนับสนุนคนหนุ่มสาวที่บุกยึดสภาเมื่อวันจันทร์

ผู้ชุมนุมเปิดไฟฉายโทรศัพท์แล้วยกขึ้นชูระหว่างร่วมการประท้วงที่จัดโดยกลุ่มมารดาชาวฮ่องกง เพื่อสนับสนุนคนหนุ่มสาวที่ประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้จีน เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2562 / AFP

    จากเหตุการณ์ชุมนุมต่อต้านกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปจีนของชาวฮ่องกง ที่มีทั้งการชุมนุมที่สงบและความรุนแรงจากวัยรุ่นฮาร์ดคอร์ที่บุกเข้าไปในสภานิติบัญญัติฮ่องกงเมื่อวันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 22 ปีที่อังกฤษส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนแก่จีน ทางการฮ่องกงได้เริ่มดำเนินคดีกับผู้ต้องสงสัยเป็นรายแรกแล้ว

    รายงานเอเอฟพีเมื่อวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม กล่าวว่า ปุน  โฮชิว ศิลปินสตรีทอาร์ตวัย 31 ปีที่โดนจับเมื่อ 2 วันก่อน ในข้อหาปิดล้อมที่ทำการสำนักงานตำรวจฮ่องกงย่านหว่านไจ๋เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ถูกนำตัวมาขึ้นศาล เขาโดนตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายตำรวจ, สร้างความเสียหายต่อกำแพง และบันไดเลื่อนของสำนักงานตำรวจ และมีพฤติกรรมก่อความไม่สงบด้วยการปาไข่ใส่สำนักงานตำรวจ

    ปุนเป็นนักเคลื่อนไหวที่รู้จักดีในชื่อ "ออคคิวพาย มงก๊ก เพนเตอร์" จากผลงานสตรีทอาร์ตของเขาในช่วงที่เขาเข้าร่วมชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อปี 2557 เขาเป็นผู้ชุมนุมหนึ่งในไม่กี่คนที่ปิดล้อมสำนักงานตำรวจแต่ไม่ได้ใส่หน้ากาก

    ทนายของปุนแจ้งต่อศาลว่า ปุนเผยว่าขณะถูกจับที่สถานีตำรวจ เขาโดนตำรวจทำร้ายร่างกาย 2 ครั้ง และระหว่างค้นตัว ตำรวจจับอวัยยะเพศเขา, ไม่ให้เขากินอาหารและพูดข่มขู่เขาด้วยภาษากวางตุ้งและภาษาจีนกลาง ตำรวจขู่ว่า "พ่อหนุ่ม ถ้าไม่เชื่อฟังคำสั่ง ต้องไปเจอกันที่จีนแผ่นดินใหญ่" แต่ผู้พิพากษากล่าวว่า ศาลไม่สามารถสืบสวนข้อกล่าวอ้างของจำเลย และแนะนำให้เขานำเรื่องนี้ไปแจ้งความร้องทุกข์ตามขั้นตอนของตำรวจ

    ช่วงค่ำวันศุกร์ กลุ่มมารดาชาวฮ่องกงหลายพันคนได้มาชุมนุมกันที่สวนสาธารณะในเขตเซ็นทรัล เพื่อแสดงความสนับสนุนผู้ประท้วงที่บุกเข้ายึดและทำลายทรัพย์สินภายในสภานิติบัญญัติเมื่อวันจันทร์

    เอเอฟพีสอบถามดิดี เจิ้ง ซึ่งมีลูกสาววัย 25 ปี เธอให้ทัศนะว่าผู้ประท้วงเหล่านี้ "ไม่มีทางเลือก" หลังจากการชุมนุมครั้งใหญ่ 2 ครั้ง รัฐบาลเลือดเย็นไม่ยอมตอบสนอง ตัวนางจึงต้องออกมาแสดงความสนับสนุนคนหนุ่มสาวเพื่อบอกพวกเขาว่านางยืนอยู่ข้างพวกเขา

    แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษแห่งนี้ ยินยอมเลื่อนการเสนอร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพื่อทุเลาความโกรธแค้นของประชาชน แต่ผู้ประท้วงต้องการให้แลมเพิกถอนร่างกฎหมายนี้โดยสิ้นเชิง, เปิดการสอบสวนอย่างอิสระกรณีตำรวจยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุม และเรียกร้องให้แลมลาออก.