ปิดฉากเชาวรินธร์ ฎีกายืนจำคุก2ปี โกงซื้อปูน11ล้าน


เพิ่มเพื่อน    

 ขุมทองโกโบริไม่ช่วย ฎีกายืนจำคุก “เชาวรินธร์” 2 ปีไม่รอลงอาญา พร้อมชดใช้เงิน 11 ล้านแก่บริษัทในกัมพูชา คดีฉ้อโกงซื้อปูนซีเมนต์ “สาก” ปากแข็งอ้างแค่เป็นตัวกลางรับโอนเงินสร้างเจ้าแม่กวนอิม!

    เมื่อวันพุธ ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.639/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 และบริษัท บี.พี.ซี.เทรดดิ้ง จำกัด (ประเทศกัมพูชา) เป็นโจทก์ร่วม ฟ้อง ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักดิ์ศิริ อายุ 73 ปี อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคเพื่อไทย และอดีต รมช.ศึกษาธิการ เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 14 (1) และ 17 (1)
    โดยโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 27 ก.พ.2558 ระบุว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2557 บริษัท บี.พี.ซี.ฯ ได้สั่งซื้อปูนซีเมนต์จากบริษัท ทีพีไอโพลีน พับบลิค จำกัด (ประเทศไทย) โดยทำใบสั่งซื้อส่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ในลักษณะจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) ซึ่งทีพีไอโพลีนฯ ได้ออกหลักฐานใบสำคัญเก็บเงินค่าสินค้าแจ้งให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ โอนเงินค่าสินค้า 352,781 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 11,428,308.40 บาท ผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารทหารไทย จำกัด ของทีพีไอโพลีนฯ แต่ระหว่างวันที่ 6-9 พ.ค.2557 ร.ต.ท.เชาวรินธร์กับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลใบสำคัญเก็บสินค้าเสียใหม่ เป็นให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ โอนเงินค่าซื้อปูนซีเมนต์จำนวน 11,428,308.40 บาท ผ่านเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขารัฐสภา ชื่อ Thai and Chinese Buddhist Culture หรือสมาคมวัฒนธรรมวิถีพุทธไทย-จีน ที่มี ร.ต.ท.เชาวรินธร์เป็นนายกสมาคมฯ โดยทุจริต ซึ่งเป็นการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จนทำให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ หลงเชื่อว่าเป็นบัญชีของทีพีไอโพลีนฯ แล้วโอนเงินค่าเข้าบัญชีเงินฝากโดยที่บัญชีดังกล่าวเป็นของ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ กับพวก ซึ่งต่อมา ร.ต.ท.เชาวรินธร์ได้โอนเงินเข้าบัญชีของตัวเอง ร.ต.ท.เชาวรินธร์ให้การปฏิเสธในการต่อสู้คดี 
    คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ก.ย.2559 ให้จำคุก ร.ต.ท.เชาวรินธร์เป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคสอง และให้ ร.ต.ท.เชาวรินธร์คืนเงินค่าชำระสินค้า 11,428,308.40 บาท แก่บริษัท บี.พี.ซี.ฯ ด้วย ต่อมา ร.ต.ท.เชาวรินธร์ยื่นอุทธรณ์สู้คดี ศาลอุทธรณ์พิพากษาเมื่อวันที่ 24 ส.ค.2560 พิพากษาแก้เป็นว่า ร.ต.ท.เชาวรินธร์มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (1) วรรคสอง ที่แก้ไขใหม่ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 (เดิม) การกระทำของ ร.ต.ท.เชาวรินธร์เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักสุดให้จำคุก ร.ต.ท.เชาวรินธร์ 3 ปี แต่ทางนำสืบของ ร.ต.ท.เชาวรินธร์เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก ร.ต.ท.เชาวรินธร์ 2 ปี และให้คืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่ผู้เสียหายด้วยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จากนั้นจำเลยได้ยื่นฎีกา 
    ทั้งนี้ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ซึ่งได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 1 ล้านบาท เดินทางมาศาลพร้อมภรรยา บุตร ทนายความ และบุคคลใกล้ชิดที่ติดตามมาให้กำลังใจ 
        ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้วเห็นว่า ฎีกาของ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ที่อ้างว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น คดีนี้มีการกระทำที่เกิดขึ้นทั้งในไทยและกัมพูชาซึ่งอยู่นอกราชอาณาจักร โดยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) มาตรา 20 ให้อัยการสูงสุด (อสส.) มีอำนาจมอบหมายให้พนักงานสอบสวนคดีใด หรือให้พนักงานอัยการที่ได้รับมอบหมายเป็นพนักงานสอบสวน ซึ่งคดีนี้ อสส.มอบให้พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ดำเนินการสอบสวนร่วมกับอัยการ มีผู้กำกับ สน.ดุสิต รับผิดชอบสำนวน เมื่อดำเนินการแล้วส่งให้อัยการยื่นฟ้อง การสอบสวนจึงเป็นไปตามกฎหมายแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้อง 
    ส่วนกรณี ร.ต.ท.เชาวรินธร์ฎีกาอ้างว่าบริษัท บี.พี.ซี.ฯ ไม่ใช่ผู้เสียหายในคดี เพราะเงินที่โอนเข้าบัญชีนั้น เป็นของบริษัท ซกเฮงฯ ซึ่งข้อนี้ก็ได้ความจากบริษัท บี.พี.ซี.ฯ ว่าบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทในเครือของบริษัท บี.พี.ซี.ฯ ซึ่งบริษัท บี.พี.ซี.ฯ มอบหมายให้โอนเงินเข้าบัญชีตามที่ ร.ต.ท.เชาวรินธร์แจ้ง ดังนั้นบริษัท บี.พี.ซี.ฯ จึงเป็นผู้เสียหายตาม ป.วิอาญา และที่ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ฎีกาว่าพยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เป็นกรณีฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ชัดเจนแล้ว ฎีกาของจำเลยไม่อาจทำให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ จำคุกจำเลย 2 ปี ไม่รอลงอาญา และให้คืนเงิน 11,428,308.40 บาท แก่บริษัท บี.พี.ซี.ฯ ด้วย
    ภายหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัว ร.ต.ท.เชาวรินธร์ไปยังห้องควบคุมตัวผู้ต้องขังชั้นล่างศาลอาญา เพื่อรอรับตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตามคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งถึงที่สุดแล้ว 
ขณะที่ ร.ต.ท.เชาวรินธร์เปิดเผยสั้นๆ ว่า เคารพคำพิพากษาของศาล แต่ยืนยันว่าไม่ได้ฉ้อโกง เพราะเคยเป็น ส.ส.และรัฐมนตรีหลายสมัย กรณีนี้เพียงแต่ทำหน้าที่รับโอนเงินเพื่อจะจัดสร้างองค์เจ้าแม่กวนอิม ที่มีตำแหน่งนายกสมาคมฯ อยู่เท่านั้นเอง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"