เคลื่อนศพกัปตันพีทกลับกรุงเทพฯ ตั้งบำเพ็ญกุศลวัดพระศรีมหาธาตุ พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำหลวงอาบศพและทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ตลอด 7 วัน ผบ.ทอ.สดุดีวีรกรรม ให้ลูกศิษย์ดีดตัวก่อน ขณะที่ตัวเองบังคับเครื่องให้พ้นเขตชุมชนจนสละเครื่องไม่ทัน ปูนบำเหน็จ 8 ขั้น เป็นพลอากาศโท

    เมื่อวันศุกร์ ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 41 เชียงใหม่ กองทัพอากาศจัดพิธีส่งศพนาวาอากาศตรี  ณฤพล เลิศกุศล นักบินที่เสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินขับไล่ L-39 ของกองทัพอากาศ ตกที่บ้านเกาะกลาง ต.ป่าแดด อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ เมื่อเย็นวันพฤหัสบดี กลับกรุงเทพฯ โดยมีการเคลื่อนศพออกจาก รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ไปยังท่าอากาศยานทหารกองบิน 41 มีนายมนัส ขันใส รอง ผวจ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยข้าราชการ ทหาร ตำรวจ บรรดาญาติของนักบิน และทหารกองเกียรติยศ ร่วมพิธีส่งศพอย่างสมเกียรติ จากนั้นได้นำศพขึ้นเครื่องบิน C-130 ไปยังท่าอากาศยานกองบิน 6 ดอนเมือง และเคลื่อนไปยังโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เพื่อทำการชันสูตร ก่อนจะเคลื่อนย้ายศพไปยังฌาปนสถานกองทัพอากาศ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน มีพิธีรดน้ำศพ และน้ำหลวงพระราชทานอาบศพ ในเวลา 16.00 น. มีพิธีสวดอภิธรรม ระหว่างวันที่ 12-20 กรกฎาคม 2562 (เว้นวันที่ 16-17 ก.ค.) และพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 21 กรกฎาคม 2562 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนพิธีเคลื่อนศพ ญาติผู้เสียชีวิตได้นิมนต์พระสงฆ์ทำพิธีสวดถอนวิญญาณ ณ จุดเกิดเหตุเครื่องบินตกตามประเพณีปฏิบัติ 
    สำหรับความสูญเสียที่เกิดขึ้น นับเป็นความเสียสละอย่างสูงของนาวาอากาศตรีณฤพล หรือกัปตันพีท  วัย 34 ปี โดยระหว่างนำเครื่องบินขับไล่และฝึกแบบที่ 1 (L-39) สังกัดฝูงบิน 411 กองบิน 41 กองทัพอากาศ ออกฝึกบิน มีเรืออากาศโท ธีรวัฒน์ คูณขุนทด ลูกศิษย์ เป็นนักบินที่ 1 เมื่อเครื่องเกิดขัดข้องในเขตชุมชนหมู่ 8 บ้านเกาะกลาง กัปตันพีทพยายามควบคุมเครื่องไม่ให้ตกในแหล่งชุมชนหรือบ้านคน พร้อมกับให้เรืออากาศโทธีรวัฒน์กดปุ่มดีดตัวออกจากเครื่องไปก่อน จนกระทั่งตัวเองเสียชีวิต
    พลอากาศเอก ชัยพฤกษ์  ดิษยะศริน ผู้บัญชาการทหารอากาศ ซึ่งเป็นประธานในพิธีรับศพนาวาอากาศตรีณฤพล  ที่กองบิน 6 ดอนเมือง ได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิต พร้อมกล่าวยกย่องวีรกรรมกัปตันพีทที่หลีกเลี่ยงนำเครื่องตกใส่บ้านเรือนประชาชน ทำให้สละอากาศยานไม่ทัน  และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ตลอด 7 วัน 
    ผบ.ทอ.ได้สั่งการให้คณะกรรมการตรวจสอบอากาศยานอุบัติเหตุกองทัพอากาศ เข้าพื้นที่เพื่อรวบรวมข้อมูล และตรวจสอบสาเหตุของอุบัติเหตุดังกล่าว อีกทั้งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการด้านสิทธิกำลังพล มอบให้แก่ญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ คือ ปูนบำเหน็จพิเศษ 8 ขั้น ได้รับพระราชทานยศเป็นพลอากาศโท และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ต.ช. เงินบำนาญพิเศษรายเดือนประมาณ 33,304 บาท/เดือน เงินสงเคราะห์ข้าราชการเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และเงินสงเคราะห์อื่นๆ ประมาณ 3.4 ล้านบาท
    พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์กล่าวว่า ต้องรอการตรวจสอบสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ เบื้องต้นทราบเพียงเครื่องยนต์ดับแล้วร่อนลง พยายามนำเครื่องกลับที่ตั้ง ซึ่งเป็นวิสัยของนักบินที่จะไม่ทิ้งเครื่องง่ายๆ สาเหตุของเครื่องดับนั้นมีอยู่หลายปัจจัย จะด่วนสรุปไม่ได้ ส่วนการสละเครื่องบินด้วยการดีดตัว ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีของเครื่องบินนั้นๆ ว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน และต้องสัมพันธ์กับความเร็ว ความสูง ซึ่งปกติจะต้องโดดร่มก่อนระยะสูง 2,000 ฟุต แต่กรณีนี้ นักบินที่ 1 ซึ่งอยู่ด้านหน้า โดดร่มเป็นคนแรก โดยครูฝึกซึ่งเป็นนักบินที่ 2 และนั่งอยู่ด้านหลังเสียสละให้นักบินที่ 1 ทำการโดดร่มก่อน ทั้งที่ปกติคนที่นั่งด้านหลังจะต้องโดดร่มก่อนเพื่อความปลอดภัย โดยนักบินที่ 1 เริ่มโดดร่มที่ความสูง 1,700 ฟุต ซึ่งถือว่าต่ำมาก เพราะความสูงในพื้นที่เชียงใหม่ก็ประมาณ 1,000 ฟุตแล้ว เหลือเพียง 700 ฟุต ส่วนนักบินที่ 2 ยังไม่ทราบ คงต้องตรวจสอบต่อไป.