จับปธ.ส่งออกสัตว์ เรียกค่าไถ่5ล้าน!


เพิ่มเพื่อน    

 จับประธานสมาคมส่งออกสัตว์เชียงแสนเรียกค่าไถ่ 5 ล้าน ขณะข้ามโขงไปฝั่งลาวเจรจาธุรกิจ คนร้ายคาดว่ามี 5 คนส่งคลิปถึงครอบครัว พฤติกรรมโหดยิงขาเลือดสาดแล้วเอาปืนจ่อหัว ขู่ลูกสาว "ถ้าเธอแจ้งตำรวจ ฉันจะฆ่าเธอ" ทางการไทยเร่งประสานเจ้าหน้าที่ลาวช่วยเหลือด่วน ล่าสุดจับผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 2 คน รวมทั้งคนขับรถเหยื่อ ระบุสาเหตุน่าจะมาจากขัดแย้งค้าน้ำตาล 13 ล้าน ค้าไม้ดอกไม้ประดับ และธุรกิจโรงฆ่าสัตว์

    มีรายงานว่า เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา น.ส.รสริน วงศ์ใหญ่ อยู่บ้านเลขที่ 382 หมู่ 10 ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย ได้นำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอและอื่นๆ เข้าแจ้งความ ร.ต.อ.ประสงค์ สมพรเสริฐ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เชียงแสน ว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน นายสิงห์แก้ว วงค์ใหญ่ อายุ 54 ปี บิดา เป็นประธานสมาคมส่งออกสัตว์อำเภอเชียงแสน ได้เดินทางออกจากจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย หลังจากนั้นได้นั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงไปยังฝั่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว ที่เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแแก้ว อยู่ตรงข้าม อ.เชียงแสน โดยได้แจ้งมายังตนว่ามีนัดคุยธุระกับเจ้านายแล้วหายตัวไป 
    ต่อมาเวลา 15.00 น. วันเดียวกัน มีข้อความพร้อมคลิปรูปภาพของนายสิงห์แก้วถูกยิงที่ขาขวาและถูกอาวุธปืนจ่อที่หัว พร้อมกับมีข้อความส่งมาที่โทรศัพท์ของ น.ส.รสริน สั่งให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง จำนวน 5,000,000 บาท ของชายคนหนึ่ง และมีข้อความ “ถ้าเธอแจ้งตำรวจ ฉันจะฆ่าเธอ” จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้การช่วยเหลือด้วย ส่วนปัญหาความขัดแย้งหรือปัญหาอื่นๆ ตนไม่ทราบเรื่อง
    เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผวจ.เชียงราย หลังทราบเรื่อง ได้สั่งการให้นายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอเชียงแสน ประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ทุกภาคส่วนทำการติดต่อประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว เพื่อติดตามตัวและให้การช่วยเหลือนายสิงห์แก้วต่อไป 
    มีรายงานว่า สาเหตุที่นายสิงห์แก้วถูกจับตัวเรียกค่าไถ่ อาจจะเกี่ยวพันกับธุรกิจการค้าขายโค กระบือและสุกร ตลอดจนสินค้าอุปโภคบริโภคกับพ่อค้าชาวจีน โดยล่าสุดมีการตกลงค้าขายกันมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท แต่ปรากฏว่านายสิงห์แก้วไม่สามารถจัดหาสินค้าส่งได้ทันเวลาที่กำหนด กลุ่มพ่อค้าชาวจีนจึงนัดให้ไปหารือกันที่ฝั่งลาว ซึ่งอาจตกลงกันไม่ได้ นายสิงห์แก้วจึงถูกทำร้ายและถูกจับตัวเรียกค่าไถ่
    ด้านนายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอเชียงแสน สั่งการให้ฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เชียงแสน, ร.อ.โกมินทร์ บุญภา ผบ.ร้อย ทพ.3103 ฉก.ทพ.31 กองกำลังผาเมือง นำนางศรีวรรณ วงศ์ใหญ่ อายุ 45 ปี ภรรยานายสิงห์แก้ว, น.ส.รสริน วงศ์ใหญ่ อายุ 27 ปี ลูกสาว และนายประภาส วงศ์ใหญ่ อายุ 22 ปี ลูกชาย มาสอบถามข้อมูล จากนั้นได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่เมืองต้นผึ้ง เพื่อขอให้ติดตามหาตัวนายสิงห์แก้วด้วย โดยได้รับความร่วมมือจากทางการ สปป.ลาวเป็นอย่างดี มีการส่งเจ้าหน้าที่ออกไปติดตาม กระทั่งสามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยได้แล้วจำนวนหนึ่งล่าสุดทางฝ่ายไทยได้จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหารพราน และ ตม. พาครอบครัวของนายสิงห์แก้วเดินทางข้ามไปให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ สปป.ลาว ที่กองบัญชาการตำรวจเมืองต้นผึ้ง 
    ข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ สปป.ลาวได้สอบถามข้อมูลจากญาติอย่างครบถ้วนแล้ว จึงได้สรุปสถานการณ์ว่า หลังจากนายสิงห์แก้วได้ติดต่อทำธุรกิจที่เมืองต้นผึ้งเสร็จ ได้รับการติดต่อจากชาย 2 คน ชื่อนายเหว่ย และนายจุ๋ม ให้ไปพบเจ้าหน้าที่ สปป.ลาวคนหนึ่งที่เมืองห้วยทราย ตรงข้าม อ.เชียงของ จ.เชียงราย ห่างจากเมืองต้นผึ้งประมาณ 58 กิโลเมตร นายสิงห์แก้วจึงเดินทางไปตามนัด แต่เมื่อผ่านหมู่บ้านดอนสวรรค์ เมืองต้นผึ้ง ได้ถูกกลุ่มคนลักพาตัวหายไป กระทั่งมีการส่งข้อความและคลิปไปเรียกค่าไถ่กับญาติดังกล่าว สาเหตุคาดว่าเกิดจากขัดผลประโยชน์ธุรกิจการค้าชายแดนที่นายสิงห์แก้วได้เข้าไปประกอบธุรกิจโรงฆ่าสัตว์ให้กับชาวจีนในฝั่งลาว
    สำหรับคนร้ายที่ก่อเหตุคาดว่ามีจำนวนทั้งหมด 5 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ สปป.ลาวได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเอาไว้แล้ว 2 คน โดยหนึ่งในนั้นคือคนขับรถให้กับนายสิงห์แก้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำว่าเกี่ยวข้องกับการอุ้มเรียกค่าไถ่ดังกล่าวหรือไม่
    ข่าวอีกกระแสหนึ่งแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ไทยได้สอบปากคำญาติของนายสิงห์แก้ว โดยคาดว่าสาเหตุของการอุ้มลักพาตัวนายสิงห์แก้ว อาจจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจซื้อขายน้ำตาลที่ต้องนำส่งให้ผู้ซื้อ แต่ที่ผ่านมาเกิดปัญหาทางธุรกิจวงเงินกว่า 13 ล้านบาท จนมีการฟ้องร้องกันอยู่ หรือธุรกิจการซื้อขายต้นไม้ใหญ่ ไม้ดอกไม้ประดับ มูลค่าประมาณ 300,000 บาท รวมถึงธุรกิจโรงฆ่าสัตว์ใน สปป.ลาว ที่มีการลงนามร่วมก่อสร้างกันเมื่อเดือน มี.ค.2562 ที่ผ่านมา
    พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือประธานสมาคมส่งออกสัตว์เชียงแสนถูกจับตัวเรียกค่าไถ่ยังประเทศลาว ว่า วันนี้ (29 ก.ค.) เวลา 0900 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงแสนได้สอบปากคำครอบครัวของนายสิงห์แก้ว เบื้องต้นทราบว่าสาเหตุน่าจะมาจากประเด็นการค้าชายแดน เรื่องธุรกิจค้าขายสัตว์ชายแดน ค้าขายต้นไม้ใหญ่ ค้าขายน้ำตาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงแสน ร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ทหาร ฝ่ายปกครอง อำเภอเชียงแสน อำนวยความสะดวกพาครอบครัวไปพบกับตำรวจ สปป.ลาว เพื่อสอบสวนสืบสวนและติดตามคดีโดยข้ามที่จุดผ่านแดนถาวร หน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน 
    มีรายงานล่าสุดว่า ทางครอบครัววงศ์ใหญ่ได้โอนเงิน 5 ล้านบาทเข้าบัญชีธนาคารตามที่คนร้ายเรียกร้องแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ ว่ามีการปล่อยนายสิงห์แก้วหรือยัง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"