‘หุ้น’ดิ่งเหว15จุด ขุนคลังอ้างตปท. ไม่ใช่เรื่องระเบิด


เพิ่มเพื่อน    

 ขุนคลังชี้เหตุบึ้มป่วนกรุงไม่กระทบเชื่อมั่นนักลงทุน อ้างหุ้นดิ่ง 15 จุดปัจจัยนอกประเทศ  ขณะที่นักวิชาการเชื่อทุบเศรษฐกิจทรุด ผวาบ้านเมืองไม่สงบ ประท้วงวุ่นวายกลับมาหลอนอีก ลุ้นรัฐบาลเร่งจบปัญหาเร็วที่สุด 

     เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุระเบิดหลายจุดทั่วกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า เชื่อมั่นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างแน่นอน เพราะมั่นใจว่าฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีมาตรการในการรองรับ ดูแล และจัดการเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ได้ให้ปลัดกระทรวงการคลังและผู้บริหารไปดูแลความปลอดภัยของทรัพย์สินและบุคลากรของกระทรวงและหน่วยงาน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะหน้า
    “เชื่อว่านักลงทุนที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดจะทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพออกมารองรับอยู่แล้ว เมื่อนักลงทุนทราบรายละเอียดในส่วนนี้ ก็จะคลายความกังวลลงได้” นายอุตตมระบุ
    ส่วนที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องนั้น ไม่ใช่ภาวะที่รุนแรง เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าปัจจุบันเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนอย่างมาก มีกรณีพิพาทระหว่างหลายประเทศ ที่เป็นปัจจัยกดดันการลงทุน แต่ในส่วนของประเทศไทย พื้นฐานเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง และนักลงทุนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นมากขึ้น จึงไม่ได้หนักใจในส่วนนี้ โดยเร็ว ๆ นี้จะมีการหารือร่วมกับผู้บริหารตลาดทุน เพื่อรับทราบทิศทางและแนวโน้มการลงทุนโดยรวม
    นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เชื่อว่าเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นเหตุการณ์ระยะสั้น ซึ่งไม่น่าจะส่งผลกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ โดยขณะนี้ยังเร็วไปที่จะประเมินความเสียหายที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทาย ทั้งจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ปัญหาสงครามการค้า ซึ่งรับมือได้ยากอยู่แล้ว จึงไม่อยากให้มีปัจจัยลบที่เข้ามากระทบเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติม เพื่อให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวการณ์ฟื้นตัวต่อไป โดยกระทรวงการคลังจะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้อีกครั้ง 
     ทั้งนี้ เราได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว น่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยในเรื่องความเชื่อมั่นของนักลงทุน อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมา บริษัท มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส จำกัด และบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัด ได้มีการปรับมุมมองของประเทศไทยเพิ่มขึ้น เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นได้ดีขึ้น
    ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดนี้สร้างความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง สร้างความกังวลให้ประชาชนและนักลงทุน ทำให้มองว่าในอนาคตภาคการเมืองอาจจะขาดเสถียรภาพ จนอาจส่งผลให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง การประท้วงภายในประเทศย้อนกลับมาอีกครั้งเหมือนในอดีต 
     ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนและนักลงทุนเกิดความลังเลใจและไม่มั่นใจ จนเป็นเหตุให้เกิดการชะลอการลงทุนและการบริโภค และอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ที่ในขณะนี้มีปัญหาการชะลอตัวอยู่แล้ว โดยเบื้องต้นศูนย์พยากรณ์ฯ ยังไม่ได้มีการปรับประมาณการจีดีพีไทยปี 2562 ใหม่ ยังคาดการณ์ว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 3.5 ซึ่งเหตุการณ์ระเบิดยังเป็นอีกปัจจัยที่ต้องจับตาว่าจะมีผลกระทบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากแค่ไหน ตอนนี้อาจจะยังเร็วไปที่จะสรุปความเสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
     “เหตุการณ์ระเบิดในขณะนี้ สร้างความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความไม่สงบภายในบ้านเมือง ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวโยงกับการเมืองมากกว่าการก่อการร้ายหรือความบาดหมางระหว่างบุคคล โดยหลังจากนี้ต้องติดตามดูว่าฝ่ายความมั่นคงจะสามารถควบคุมเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ได้หรือไม่ เพราะหากเกิดปัญหาระเบิดขึ้นอีก มีความถี่ซ้ำๆ ก็จะยิ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น และยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยมีปัญหามากขึ้นไปด้วย” นายธนวรรธน์ระบุ
     นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง กล่าวว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยอย่างแน่นอน และกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมกับเศรษฐกิจ จากปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงขาลงอยู่แล้ว จากปัญหาสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบกับภาคการส่งออกอย่างรุนแรง ดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์ระเบิดเกิดขึ้น ทำให้ประชาชนและนักลงทุนไม่เชื่อมั่น และไม่มั่นใจเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมือง ทำให้เกิดความเสี่ยงซ้ำซ้อนกับเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2562 ขยายตัวได้ถึง 3% ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
    นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด เปิดเผยว่า เหตุการณ์ระเบิดจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยในระยะสั้น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้ลดลง โดยหลังจากนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่ารัฐบาลจะมีความชัดเจนและสามารถควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้จบได้อย่างรวดเร็วหรือไม่ ทำให้ยังประเมินได้ยากว่าเหตุการณ์ระเบิดหลายจุดในพื้นที่กรุงเทพฯ จะส่งผลกระทบในระยะยาวกับเศรษฐกิจไทยอย่างไร
     นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทยฯ กล่าวว่า ยังต้องรอติดตามสถานการณ์ระเบิดทั่วเมืองต่อไปว่าทางการจะสามารถดูแลเหตุการณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้เร็วแค่ไหน โดยขณะนี้มองว่ายังไม่น่าจะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยมากนัก อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นหลายจุดในขณะนี้สร้างความตกใจให้กับประชาชนอย่างมาก 
     นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ได้ที่เกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจ หรือความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน โดยต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะคลี่คลายอย่างไร อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงนั้น มองว่ามาจากปัจจัยของต่างประเทศเป็นหลัก ตั้งแต่การประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และเหตุการณ์ที่สหรัฐอเมริกาเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนอีก 10% มูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเหตุการณ์การวางระเบิดทั่ว กทม. เป็นเพียงปัจจัยที่ส่งผลต่อจิตวิทยาของนักลงทุนเพียงระยะสั้นเท่านั้น ไม่ได้มีผลต่อการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงรุนแรง
    สำหรับบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยเปิดตลาดปรับลดลงทันที 21.98 จุด เนื่องจากเกิดความกังวลเหตุการณ์ภายในประเทศที่เกิดเหตุระเบิดในหลายพื้นที่ กทม. และกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาประกาศว่าอาจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนอีก 10% มีผลวันที่ 1 ก.ย.62 ทำให้ตลอดทั้งวันมีแรงขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง ส่งผลให้ปิดตลาดที่ 1,684.71 จุด ลดลง 15.04 จุดหรือ 0.88% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 82,045.40 ล้านบาท.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"