คางคกกินเนื้อหงส์ ‘ท่านใหม่’แฉขบวนการตั้งพรรคแก้ม.112ผุด‘สหพันธรัฐ’!


เพิ่มเพื่อน    

  การเมืองร้อน "ท่านใหม่" ชำแหละขบวนการแก้ ม.112 พวกคางคกอยากกินเนื้อหงส์ ตั้งพรรคการเมืองใหม่ เปิดประตูเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็น สหพันธรัฐ เป็นแนวคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์   เตือนอย่าปลดแอกจากอดีต ขณะที่ สนช.เชื่อไม่มีใครล่าชื่อส่งศาล รธน.พิจารณา กม.ลูก เลือกตั้งยังเดินตามโรดแมป อัยการสั่งไม่ฟ้อง 24 ม็อบอยากเลือกตั้ง เหตุเพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ส่วนไพร่หมื่นล้านคึกโพสต์ข้อความ รบทัพจับศึกถอนราก คสช.

    พลตรี หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล หรือท่านใหม่ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว Chulcherm Yugala กรณีกลุ่มคนที่ประกาศตั้งพรรคการเมืองใหม่ และมีแนวคิดที่จะสร้างระบอบการปกครองใหม่ โดยระบุว่า...
    ผมอาจจะผิดก็ได้ หรืออาจจะถูกก็ได้ และผมมิได้มีเจตนาที่จะโจมตี หรือลบหลู่ใครหรือกับพรรคใดพรรคหนึ่ง หรือคนใดคนหนึ่ง แต่ผมรู้ว่ามีบุคคลกลุ่มหนึ่ง  พรรคพรรคหนึ่งหรือสองพรรคที่อยากเปลี่ยนแปลงพระราชอาณาจักรนี้ ให้เป็นสาธารณรัฐ หรือสหพันธรัฐ ตามแนวความคิดที่ได้ร่ำเรียนมา
    การปรากฏขึ้นต่อสาธารณะของคนรุ่นใหม่ และจินตนาการทางการเมืองใหม่ที่มุ่งสู่อนาคตใหม่ของพวก คนรุ่นใหม่ หรืออาจจะเรียกได้ว่าพวกคางคกอยากกินเนื้อหงส์ (ใครก็ได้) ถ้าได้ร่วมกับพรรคใหญ่พรรคหนึ่ง ย่อมมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ .....เป้าหมายแรก คือการเสนอยกเลิก มาตรา 112
    การเสนอยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 เป็น “กระบวนการแรก” เท่านั้น     
    ถ้าสามารถยกเลิกมาตรา 112 ได้ หรือเริ่มมี “มวลชน” คนไม่เอาสถาบัน หรือใช้เงินจัดจ้างนักวิชาการ (แดงหัวเอียงซ้าย) อาจารย์ รวมถึงนักวิชาการขายตัว บางคน นักสื่อสารมวลชน ฯลฯ เพื่อปลุกระดมความเกลียดชัง บดบังสติปัญญาของมวลชนคนในสังคม ที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยได้กล่าวเท็จ ใส่ความ ต่อสถาบัน เพื่อให้พวกเหล่านั้นที่ขายตัว ขายชาติ รวมถึงประชาชนผู้หลงผิด หรือรับอามิสสินจ้าง มาสนับสนุน การยกเลิกมาตรา 112 เมื่อมีมวลชนเข้าร่วมมากขึ้น พวกเขาเหล่านั้น ก็จะสะท้อนให้เห็นว่า “ประชาชน” ในพระราชอาณาจักรนี้ เริ่มที่จะไม่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเห็นว่า “ล้าหลัง” ไม่เป็นประชาธิปไตย ตามที่พวกเขา “วางแนวความคิดไว้“
    แต่ “เป้าหมายใหญ่” ก็คือ การล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นเสาหลัก เพื่อเปลี่ยนรูปแบบประเทศเป็น สาธารณรัฐ หรือสหพันธรัฐ ตามแนวความคิดของชาติ ที่ปฏิวัติล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมัน หรือรัสเซีย หรืออเมริกา (ที่ไม่เคยมีสถาบันพระมหากษัตริย์) ฯลฯ
แผนล้มสถาบัน
    ถ้าประชาชนในพระราชอาณาจักรนี้ ไม่ยอม หรือต่อต้าน พวกเขา (รัฐบาล) ก็ไม่สามารถจะทำการ “ล้มสถาบันได้“ เมื่อแผนแรกทำไม่สำเร็จ รัฐบาลของพวกเขาซึ่งมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ก็จะพยายามที่จะลิดรอนพระราชอำนาจไม่ให้พระมหากษัตริย์ได้มีพระราชอำนาจ ในฐานะองค์พระประมุขแห่งรัฐ หรือพระราชอาณาจักรนี้ ดังเช่นในอดีต ที่คณะราษฎร หรือที่เรียกกันว่า พวกที่หิวกระหายในอำนาจและเงิน ได้เคยกระทำต่อสถาบันมาแล้ว เมื่อ พ.ศ.2475.......เมื่อเป็นเช่นนั้น “สถาบัน” จึงเป็นเพียงแค่ “สัญลักษณ์” ของประเทศ เช่นเดียวกับ ประเทศกัมพูชา! “นายกรัฐมนตรี” คนนอก หรือที่มาจากนอกประเทศ ก็จะกลายเป็นประมุขแห่งรัฐหรือประเทศแทน (แล้วประเทศไทยเราก็จะไม่ใช่เป็นพระราชอาณาจักรอีกต่อไป เพราะพระมหากษัตริย์จะเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ พระราชอำนาจจะตกอยู่ที่นายกรัฐมนตรี หรือประธานาธิบดี)
    จะเป็นจริง หรือจะเท็จเช่นไร และผมไม่ได้โจมตีใคร ส่วนใครจะเกลียดใคร รักใครก็ไม่เป็นไร มันห้ามไม่ได้อยู่แล้ว แต่ทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น และทุกคนต้องเคารพประชามติตามเสียงส่วนใหญ่ เพียงแต่ผมอยากจะบอกว่า “อย่าเอาพระราชอาณาจักรนี้ ไปเสี่ยงกับพวกคางคกอยากกินเนื้อหงส์” เชียวครับ 
    โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน การคิด อย่างคนที่มีสติ และขอให้คิดกันยาวๆ ก่อนลิเกจะลงโรง (เลือกตั้ง) เพื่อประเทศชาติ ว่าเราจะทำอย่างไรให้สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เคารพรักของพวกเรา ได้เป็นเสาหลักของพระราชอาณาจักรนี้ ได้อยู่ยั่งยืนตลอดไปตราบชั่วลูก ชั่วหลาน อย่าให้เหมือนประเทศกัมพูชาเลย .........
    อย่าปลดแอกจากอดีต? จงรักษาวัฒนธรรม และประเพณีอันดีงามที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์ไว้ ครับ.
    นายพรเพชร วิชิตชลชัยประธาน สนช. กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าววิป สนช.มีมติเมื่อวันที่ 6 มี.ค. จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ว่าไม่รู้ข่าวมาจากไหน เพราะไม่ได้คุยเรื่องนี้ และไม่มีมติที่ว่ามา รวมถึง ณ เวลานี้ ยังไม่มีสมาชิก สนช.มาแจ้งที่ตนว่าจะยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความสักคน อย่างไรก็ตาม ถ้าจะดำเนินการจริง ต้องเข้าชื่ออย่างเร็ว เพราะตอนนี้อยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่ตรวจทานความถูกต้องของถ้อยคำ ซึ่งถ้าหากไม่มีสมาชิกมายื่นเรื่องให้ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ คิดว่าในวันที่ 14 มี.ค. น่าจะส่งเรื่องต่อไปให้นายกรัฐมนตรีได้
    เขากล่าวว่า บรรยากาศตอนนี้ ค่อนข้างชัดเจนว่าโรดแมปจะนับตามกฎหมายลูก ส.ส. ที่มีการขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายไป 90 วัน การเลือกตั้งน่าจะไม่เกินแม็กซิมัม หมายความว่า ระยะเวลาไกลสุดตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.คาดการณ์ไว้ว่าการเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ.62 
    "ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ถ้าไม่มีสมาชิกสนช.คนใดแจ้งความจำนงยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ก็ให้ตีระฆังเป๊งไปเลยตามวันแม็กซิมัม แต่ไม่ใช่หมายความว่าจะต้องเลือกตั้งในวันสุดท้ายจะช้ากว่าแม็กซิมัมไม่ได้ แต่คงเร็วกว่าแม็กซิมัมได้ และต้องไปเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่นายกฯ ทูลเกล้าฯ ถวายกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.เป็นหลัก" ประธาน สนช.กล่าว
ล่าชื่อยื่นศาล รธน.ยาก
    นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ยินว่าจะมีใครไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ และ สนช.ไม่ได้เสียงแตก อาจมีคนไม่เห็นด้วยแค่ 2-3 คนเท่านั้น ก็ต้องไปหารายชื่อมาให้ครบ 25 คน ตัวตั้งตัวตีคงต้องเป็นคนที่ลงมติไม่เห็นด้วยหรืองดออกเสียง ส่วนตัวยังมั่นใจว่าร่างกฎหมายลูก ส.ว.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะการไปเขียนเพิ่มเติมบทเฉพาะกาลสามารถทำได้ 
    ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ วิป สนช. กล่าวว่า มั่นใจจะไม่มีสมาชิก สนช.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. เพราะเสียง สนช.ที่ลงมติไม่เห็นด้วยร่างกฎหมายลูก ส.ว. มีแค่ 1 เสียง และงดออกเสียง 13 เสียง ไม่ถึง 25 เสียงที่จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ คะแนนลงมติที่เห็นชอบร่างกฎหมายลูก ส.ว.ถือว่าขาดลอย ไปยื่นคงลำบาก 
    ที่สนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นำโดยนายรังสิมันต์ โรม, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา ร่วมงานรวมพลังถอนราก คสช. โดยภายในงานกลุ่มไอลอว์ได้มีการตั้งโต๊ะให้ประชาชนลงชื่อเพื่อยกเลิกคำสั่ง คสช. 35 ฉบับ ทั้งนี้ มีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน
    โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม จำนวน 45 นาย มาดูแลความเรียบร้อยและร่วมสังเกตการณ์ โดยพล.ต.ต.ภัคพงษ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น. ได้เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยในงาน ระบุว่า มาดูแลความเรียบร้อยของการจัดงาน ซึ่งไม่มีอะไรที่น่ากังวล เพราะเป็นพื้นที่ของมหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเป็นผู้อนุญาตให้จัดงาน ถึงเวลา 20.00 น.
    ต่อมาเวลา 16.30 น. นายรังสิมันต์ โรม แถลงข่าวว่า จุดยืนของเราคือการเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นในเดือน พ.ย.2561 แต่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ.2562 โดยอ้างการเลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เราเชื่อว่าการเลือกตั้งจะไม่เกิดขึ้นในเดือน ก.พ.2562 เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้คำมั่นหลายครั้ง แต่ก็เลื่อนการเลือกตั้งออกไป
    นายรังสิมันต์กล่าวว่า จุดยืนของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ขอเสนอให้ยุบ คสช. คงเอาไว้แค่รัฐบาล เพื่อรักษาการในการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย การเลือกตั้งคงเดินต่อไปได้ ประเทศไทยไม่ต้องการให้ทหารอยู่อีกต่อไป
    "นักการเมืองล้มเหลว ประชาชนต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว การที่เราเรียกร้องให้นักการเมืองเข้าร่วมขับไล่ คสช. ยังคงมีเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่จะเตรียมก่อตั้งพรรคในอนาคต หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ถ้าจะหันมาเล่นการเมืองอีกในอนาคต ผมก็ยินดีให้มาเข้าร่วมกับเรา" นายรังสิมันต์ กล่าวว่า
อยู่ได้โดยไม่มี คสช.
    นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ได้โดยไม่มี คสช. เพราะการเลือกตั้งภายใต้ คสช.ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะสุจริต คสช.ต้องยุติการทำงาน เพราะประเทศมีเพียงรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมี คสช.
    "หากเราไม่มีเสรีภาพการแสดงออก การเลือกตั้งอย่างเป็นธรรมคงเกิดขึ้นไม่ได้ เราจะไม่ยอมให้มีการเลือกตั้งที่อยู่ภายใต้ คสช. ความจริงใจแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ก่อนการเลือกตั้ง คือต้องยุบ คสช. และประกาศ คสช.และคำสั่งทั้งหมด เพื่อพิสูจน์ว่าจะเดินไปสู่การเลือกตั้งโดยแท้จริง" นายสิรวิชญ์กล่าว
    นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการกลุ่มไทยซัมมิท กรุ๊ป หลานชายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ในยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และผู้ประกาศตัวจะจัดตั้งพรรคการเมืองร่วมกับนายปิยบุตร แสงกนกกุล สมาชิกกลุ่มนิติราษฎร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กให้กำลังใจกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ซึ่งนัดชุมนุมกันที่สนามฟุตบอลมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ท่าพระจันทร์ ว่า
    หยุดการสืบทอดอำนาจ คสช. ทหารต้องอยู่ใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ชื่นชมและให้กำลังผู้จัดงาน/ผู้ไปร่วมงาน "รวมพลังถอนราก คสช." ...ขอปรารถนาเราที่หวัง สมดังจำนง รบทัพจับศึกทุกทีที่รณรงค์ ขอจงมีชัย"
    นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่อัยการศาลแขวงปทุมวันมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง 24 ผู้ต้องหาคนอยากเลือกตั้งที่ชุมนุมแยกปทุมวัน ซึ่งถูก พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ แจ้งความข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 และ พ.ร.บ.การชุมนุมฯ ว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลทราบว่าอัยการเจ้าของสำนวนดังกล่าวคือ นายเกริกเกียรติ รัฐนวธรรม ได้พิจารณาสำนวนที่มีการตั้งข้อหาผู้ต้องหา 33 คน ซึ่งมีการแยกคดีเเกนนำ 9 คนไปฟ้องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ไปแล้ว 
ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
    ส่วนคดีที่ฟ้องมาที่ศาลแขวงปทุมวัน มีผู้ต้องหาทั้งหมด 24 คน ซึ่งทั้ง 24 คน ถูกแจ้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ข้อ 12 เรื่องชุมนุมเกิน 5 คนในรัศมี 150 เมตร จากเขตพระราชฐานตาม พ.ร.บ.การชุมนุมฯ ทางอัยการเจ้าของสำนวนพิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่าคดีมีมูล การกระทำของผู้ชุมนุมเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. แต่ก็ยังเห็นว่าการชุมนุมดังกล่าวหากฟ้องไปนั้นจะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ก็เลยมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง อย่างไรก็ตาม การสั่งคดีดังกล่าวยังมีขั้นตอนปฏิบัติที่จะต้องส่งสำนวนพร้อมความเห็นดังกล่าวเสนอสำนวนผ่านอธิบดีอัยการคดีศาลแขวงและอัยการสูงสุดเป็นผู้สั่งคนสุดท้ายตามขั้นตอน 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ตรงนี้มีกำหนดระยะเวลาหรือไม่ นายประยุทธกล่าวว่า ตรงนี้จะไม่มีเงื่อนเวลา แต่การดำเนินคดีในศาลแขวงนั้น จะมีระยะเวลาควบคุมอยู่ อัยการจะต้องมีความเห็นสั่งฟ้อง-ไม่ฟ้องภายใน 30 วัน เพราะคดีที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงนั้น สามารถผัดฟ้องได้ 5 ครั้ง ครั้งละ 6 วัน ซึ่งจะต้องแล้วเสร็จใน 30 วันตามกฎหมาย
    นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีแนวโน้มสมาชิกพรรค ปชป.จะออกจากพรรคไปอยู่กับการตั้งพรรคของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ว่าเท่าที่คนประเมิน และรับฟังข้อมูลจากเพื่อนๆ ในพรรค น่าจะมีสมาชิกในพรรคออกจากพรรคน้อยมาก เกือบจะไม่มีออกเลยด้วยซ้ำ เว้นแต่คนที่ประกาศตัวแล้วว่าจะออกจากพรรคไปร่วมกับ กปปส. เพื่อตั้งพรรคการเมือง ซึ่งสาเหตุที่ออกคงเป็นความสัมพันธ์เชิงเครือญาติ กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) อย่างไรก็ตาม สมาชิกพรรคส่วนใหญ่ยังคงยืนยันต่อสู้กับพรรค ปชป. และเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.เป็นนายกรัฐมนตรี
ไปที่ชอบได้เลยครับ
    นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์รูปภาพแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายชวน หลีกภัย ห้อยนกหวีดร่วมชุมนุม กปปส.พร้อมข้อความ “ไปที่ชอบได้เลยครับ” ผ่านเฟซบุ๊ก Watana Muangsook ว่า "ผมทึ่งในความเป็นคนย้ำคิดย้ำทำและวนเวียนอยู่กับวาทกรรมเดิมๆ ของหัวหน้าพรรค ปชป. ที่ให้สัมภาษณ์ว่า “ปชป.จะไม่มีการร่วมมือทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยตราบที่ยังก้าวข้ามไม่พ้นระบอบทักษิณที่ ปชป. ต่อสู้มายาวนานจนเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดวิกฤติมาจนถึงทุกวันนี้”
    ที่ผ่านมาผมพยายามหลีกเลี่ยงการตอบโต้กับนักการเมือง เพราะภารกิจที่สำคัญกว่าคือการต่อสู้กับเผด็จการ โดยเฉพาะคำว่า “ระบอบทักษิณ” นั้น เป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองที่ฝ่ายตรงข้ามตั้งขึ้นเอง  นิยามกันเอง และเข้าใจกันเอง แต่ในความทรงจำของคนส่วนมาก นายกฯ ทักษิณเป็นผู้ทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง และยังสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ทางการเมืองด้วยการเสนอนโยบายจนเป็นมรดกให้คนรุ่นหลังได้เดินตาม เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่กลายเป็นต้นแบบของสวัสดิการสาธารณสุขของนานาชาติ
    วิกฤติทางการเมืองที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยจึงไม่มีอะไรมากไปกว่าการไม่ยอมรับกติกา และการขาดน้ำใจนักกีฬาของนักการเมืองบางพรรค จนถึงขั้นเป่านกหวีดเรียกเผด็จการออกมาหวังสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการกำจัดคู่แข่งทางการเมืองของตน แต่พอเผด็จการใช้อำนาจตามอำเภอใจรังแกประชาชนคนพวกนี้ไม่กล้าปกป้อง เลยต้องแก้เกี้ยวหาเรื่องด่าทักษิณหรือยิ่งลักษณ์เพื่อสร้างพื้นที่ข่าวกลบความไร้น้ำยาของตัวเอง ผมว่าลองหัดเล่นการเมืองเชิงสร้างสรรค์ เอาเวลาไปคิดนโยบายเพื่อสร้างความเจริญให้ประเทศ ดีกว่าการคิดประดิษฐ์วาทกรรมใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นไปวันๆ
    ความจริงท่านไม่จำเป็นต้องพูดก็มีผลเท่ากัน เพราะผมได้ประกาศไม่เอาด้วยกับพรรคของท่านมานานแล้ว ถ้าไม่เชื่อดูลิงก์ที่แนบมา นักการเมืองบางพวกที่ไม่เคยเปลี่ยนพฤติกรรมน่ารังเกียจไม่ต่างจากเผด็จการครับ"
ชี้"บิ๊กตู่"ฉาบฉวย
    นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองในพื้นที่ภาคเหนือว่า ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีทหารมาทาบทามนักการเมืองในพื้นที่ นอกจากนี้ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยภาคเหนือก็ยืนยันว่าจะไม่ทิ้งพรรคไปไหน ขณะนี้อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยต่างเตรียมความพร้อมสำหรับการยืนยันสมาชิกภาพพรรคต่อ กกต. ที่เปิดให้ยืนยันสมาชิกพรรคในวันที่ 1 เมษายนนี้ โดยเราแบ่งงานประสานกับสมาชิกในทุกเขตเลือกตั้ง ที่ประสงค์เป็นจะสมาชิกพรรคเพื่อไทยต่อไป คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะพรรคเพื่อไทยมีสมาชิกเพียงกว่าแสนคนทั่วประเทศ
        เขากล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์พยายามลงพื้นที่พบปะประชาชน เอาใจชาวบ้าน พร้อมอนุมัติเม็ดเงินลงไปในพื้นที่มหาศาล จนเสมือนเป็นการหาเสียง แต่จากการที่ได้ลงไปพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ กลับพบว่าเส้นทางทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์คงไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะประชาชนไม่คิดจะโหวตให้คนที่เอาเงินหลวงมาให้โดยผ่านหลากหลายโครงการอย่างเช่นที่รัฐบาลนี้ทำอยู่ เพราะประชาชนรับรู้ได้ว่าเงินเหล่านั้นเป็นเงินจากภาษีตัวเอง โดยกำนัน ผู้ใหญ่บ้านต่างสะท้อนว่าหลายโครงการของรัฐบาลนั้นไม่ต่างกับการเอาเงินมาผลาญเล่น ซึ่งไม่ยั่งยืนเหมือนที่รัฐบาลคุยโว
    “เวลาจะหาคะแนนจากประชาชน ไม่ใช่ว่าจะฉาบฉวย แวบๆ แล้วจะได้ เพราะมันต้องลงไปคลุกคลีให้เขาไว้ใจเหมือนญาติพี่น้อง มีทุกข์ร้อนก็ถึงกันได้ ดังนั้นที่ คสช.กำลังใช้ความพยายามหวังได้เสียงจากประชาชนผมว่ายาก แม้จะมีบางพรรคการเมืองที่พร้อมชูให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อ แต่ถามว่าคุณมีนโยบายอะไรมาขายให้ประชาชน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯมา 4 ปีแล้วเป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ต้องขอบคุณ คสช.ที่อยู่ยาว เพราะ 4 ปีที่ไม่มีนักการเมือง กลับพบว่ามีการโกงกันมากขึ้น โกงแม้กระทั่งเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้” นายสามารถกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"