‘บิ๊กฉัตร’ยันเก็บม.44ไว้! ชาวบ้านชี้‘ผี’โผล่รับเงิน


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กฉัตร" ยันไม่ต้องใช้ ม.44 ฟันโกงเงินคนจน ระเบียบปกติก็เอาอยู่ ส่วนชาวบ้านแฉเอง แจกมั่วไม่ไร้ที่พึ่งก็ได้เงิน บางคนไม่เคยลงชื่อกลับมีชื่อโผล่ ปูดมีผอ.โรงเรียนร่วมทีมโกง
    กรณีโกงเงินอุดหนุนสงเคราะห์ผู้ยากไร้และผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่จังหวัดนครพนม สอบสวนประชาชนที่มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนสงเคราะห์ผู้ยากไร้และไร้ที่พึ่งจังหวัดนครพนม รวมทั้งสิ้น 564 ราย แยกออกเป็น ผู้มีรายได้น้อย 176 ราย, ทุนประกอบอาชีพ 286 ราย และผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์ 102 ราย 
    พ.ท.กรทิพย์เปิดเผยว่า จากกรณีการทุจริตเงินอุดหนุนเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยและผู้ไร้ที่พึ่ง ของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สำนักงาน ป.ป.ท.หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ จึงมอบหมายให้กองป้องกันและปราบปรามการทุจริต 5 (กปท.5) ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว ระหว่างวันที่ 5-8 มี.ค. ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ชาวบ้านแฉ
         ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเทพนิมิต หมู่ 9 ต.หนองซน อ.นาทม จ.นครพนม ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ระบุว่ามีประชาชนมีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือมากกว่า 200 คน ทั้งที่เป็นหมู่บ้านไม่ใหญ่นัก มีครัวเรือนประมาณกว่า 100หลังคา พบชาวบ้านกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บนแคร่หน้าบ้าน จึงเข้าไปสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งได้ให้ความร่วมมือพร้อมที่จะเปิดเผยรายละเอียด 
    นายพิชัย ประจะเณ อายุ 75 ปี บ้านเลขที่ 2 หมู่ 9 บ้านเทพนิมิต เล่าว่า เมื่อวันเด็กที่ผ่านมา มีการประกาศให้ชาวบ้านทุกครัวเรือนไปร่วมงานที่โรงเรียน ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมฯ ได้เรียกชื่อตนเข้าไปรับเงินจำนวน 2,000 บาท ในฐานะเป็นผู้ไร้ที่พึ่ง เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการระบุว่าเป็นคนไร้ที่พึ่ง เพราะมีบ้านเรือนอยู่มั่นคง นายพิชัยตอบไม่รู้ เนื่องจากไม่เคยมีใครออกมาสำรวจ
    ขณะที่นางสุณี สุนทร อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 94 หมู่ 9 เผยว่า ประมาณ 2-3 ปี ตนถูกเพื่อนบ้านชักชวนให้เข้ากลุ่มประกอบอาชีพประกอบผลิตดอกไม้ ตนจึงมอบเอกสารบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านเซ็นสำนาถูกต้องจำนวน 1 ชุด กระทั่งวันเด็กก็มีชื่อให้ไปรับเงินเป็นทุนประกอบอาชีพจำนวน 1,000 บาท พอมีเรื่องฉาวเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.เชิญตัวไปสอบถาม ปรากฏว่าตนมีชื่อรับเงินดังกล่าวถึง 3 ครั้ง ครั้งละ 2,000 บาท และที่น่าสงสัยตรงที่มีชื่อบุคคลซึ่งไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านหลายคน เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือ ระบุตัวเงินชัดเจน หรือบางคนไม่เคยลงทะเบียนว่าเป็นผู้ไร้ที่พึ่ง แต่กลับมีชื่อโผล่ขึ้นมา
    ส่วนนางปัทมา คำอ้อ อายุ 57 ปี บ้านเลขที่ 24 หมู่ 9 กล่าวว่า ชาวบ้านขึ้นทะเบียนขอเงินทุนประกอบอาชีพมาหลายปี เพิ่งจะได้รับเงินครั้งแรกเมื่อวันเด็กที่ผ่านมา และประมาณต้นเดือน มี.ค. มี ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งเรียกไปประชุมเพื่อทำความเข้าใจว่า หากมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นมาถามให้ตอบตรงกันว่าได้รับเงินครบตามจำนวนหมดแล้ว จากนั้นได้จ่ายเงินให้คนละ 50 บาท อ้างว่าเป็นค่าเสียเวลาที่มาประชุมตกลงกัน
    ขณะเดียวกัน บุคคลที่ควรจะได้รับเงินช่วยเหลืออย่างนายบัวลา บุตรสงการ และนางนาง บุตรสงกา อายุ 81 ปีเท่ากัน ป่วยเป็นโรคชรา อยู่แต่ในบ้าน ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ออกมาสำรวจ และไม่มีชื่อเป็นผู้ยากไร้ สองตายายก็สงสัยว่าทำไมไม่มีใครยื่นมือมาช่วย ทราบจากข่าวมีการโกงเงินคนจนก็พอจะเข้าใจ คนที่มีเรี่ยวมีแรงไม่น่าจะเบียดบังเงินคนทุกข์ยากเลย
    ชาวบ้านทั้งหมดกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เอกสารบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านเซ็นสำเนาถูกต้อง มีผู้นำชุมชนเป็นผู้เก็บรวบรวมไปส่งให้ ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งรับไปดำเนินการ บางครั้งมีเจ้าหน้าที่ไม่ทราบหน่วยงาน ใช้รถยนต์สีชมพู เป็นชายหนึ่งหญิงสองออกมาพบ แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดอะไร ส่วนข้อเท็จจริงได้ให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.หมดแล้ว
    พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ระบุว่า หากมีความจำเป็นจะเสนอนายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 ในการแก้ปัญหาทุจริตเงินอุดหนุนผู้ยากไร้ว่า ตนคิดว่ายังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 เพราะเรามีระเบียบตามปกติอยู่แล้ว และทาง รมว.พม.ก็ได้สั่งย้ายผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่ไปแล้วหลายคน 
    ซึ่งเรื่องนี้ รมว.พม.ขอเวลาตน 30 วัน ในการดำเนินการ คาดว่าสิ้นเดือน มี.ค.นี้จะจบหมด อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวนายกฯ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ตนก็กำชับเสมอว่าต้องจริงจังในการแก้ปัญหา ถ้าทุจริตแม้กับคนยากไร้ก็แย่  ไม่ไหว ซึ่งขณะนี้ก็ยังรอผลอยู่อีก 64 หน่วย
    พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวถึงการตรวจสอบการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กระทรวงศึกษาธิการ โดยโอนเงินทุนการศึกษาของนักเรียนในโครงการเข้าบัญชีบุคคลอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ปี 2551-2561 จำนวนกว่า 88 ล้านบาทว่า ได้มอบหมายให้สำนักปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 เข้าไปตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอน
         เขาระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่าได้รับเรื่องดังกล่าว คาดว่าคงอยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตามขั้นตอน ทั้งนี้ หากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าข่ายกระทำความผิดในระดับขอบเขตอำนาจความรับผิดชอบของทาง ป.ป.ท.นั้น ทาง ป.ป.ท.ก็จะเสนอคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือบอร์ดป.ป.ท. พิจารณาตั้งคณะอนุฯ ไต่สวนเหมือนกับคดีอื่นๆ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"