ตำรวจทั่วภาคตะวันออกของเยอรมนีกำลังตามล่าคนร้ายที่เชื่อว่ามี 2 คน ตามหลักฐานในกล้องวงจรปิดของพิพิธภัณฑ์พระราชวังเดรสเดิน ที่บุกเข้าไปขโมยอัญมณีประเมินค่ามิได้เมื่อเช้ามืดวันจันทร์ ซึ่งสื่อเยอรมนีระบุว่าเป็นการปล้นครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ และหวั่นว่าอัญมณีเก่าแก่เหล่านี้จะสาบสูญตลอดกาล

พิพิธภัณฑ์กรีนโวลต์ในเมืองเดรสเดิน ที่เกิดเหตุปล้นเพชรเมื่อเช้ามืดวันจันทร์ / AFP

    วันอังคารที่ผ่านมา ตำรวจเยอรมนีได้เผยแพร่ภาพอัญมณีที่ถูกขโมยจากคอลเลคชันของพระเจ้าออกัสตัสที่ 2 แห่งโปแลนด์ ผู้ปกครองแคว้นแซกโซนีเมื่อศตวรรษที่ 18 ที่เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์กรีนโวลต์ในพระราชวังหลวงเมืองเดรสเดิน ซึ่งรวมถึงดาบเล่มหนึ่ง ที่ด้ามประดับเพชรเม็ดใหญ่ 9 เม็ดและเพชรเม็ดเล็กๆ อีก 770 เม็ด และคันธนูประดับเพชร 662 เม็ด

    ตำรวจยังได้เผยแพร่ภาพขาว-ดำจากกล้องวงจรปิด ที่เผยให้เห็นชาย 2 คนเตรียมการบุกเข้าไปภายในพิพิธภัณฑ์ โดยจุดไฟบริเวณแผงควบคุมไฟใกล้เมื่อเวลาเช้ามืด ทำให้สัญญาณเตือนอัคคีภัยทำงาน แม้ไฟฟ้าจะดับ แต่กล้องวงจรปิดยังทำงาน และจับภาพชาย 2 คนที่บุกเข้าไปภายใน รวมถึงภาพผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งใช้ขวานทุบตู้จัดแสดง คำแถลงของตำรวจกล่าวว่า การก่อเหตุครั้งนี้ใช้เวลาแค่ 2-3 นาที

    ต่อมา ตำรวจพบรถยนต์ออดี เอ 6 ที่เชื่อว่าโจรใช้เป็นพาหนะหลบหนี ถูกเผาทำลาย ตำรวจกำลังตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติม

    เยิร์ก คูเบียสซา ผู้บังคับการตำรวจเดรสเดิน กล่าวกับสถานี ZDF เมื่อค่ำวันจันทร์ว่า แก๊งอาชญากรอาจอยู่เบื้องหลังการขโมยเพชรครั้งนี้

    ตำรวจเดรสเดินกำลังติดต่อตำรวจเบอร์ลิน เพื่อสำรวจความเป็นไปได้ว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวโยงกับเหตุการณ์ปล้นในเมืองหลวงเมื่อ 2 ปีก่อนหรือไม่ ครั้งนั้นเหรียญทองคำ 24 กะรัต น้ำหนัก 100 กิโลกรัม ถูกขโมยจากพิพิธภัณฑ์โบเดอ ชาย 4 คนที่เป็นสมาชิกแก๊งอาชญากรชื่อกระฉ่อนของเบอร์ลินถูกจับกุมในเวลาต่อมา แต่เหรียญยักษ์หายสาบสูญ และมีความหวั่นเกรงกันว่าอัญมณีที่ถูกขโมยไปในครั้งนี้อาจจะหายสาบสูญไปตลอดกาลด้วยเช่นกัน.