คู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายของลิเบียตกลงหยุดยิงตั้งแต่วันอาทิตย์ ยุติการสู้รบยาวนาน 9 เดือน โดยเป็นผลจากความพยายามทางการทูตของนานาชาติช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และเสียงเรียกร้องจากผู้นำตุรกีและรัสเซียให้พักรบ

    ประเทศแอฟริกาเหนือที่รุ่มรวยน้ำมันแห่งนี้เผชิญความขัดแย้งนองเลือดนับแต่การลุกฮือที่นาโตหนุนหลังโค่นล้มเผด็จการมูอัมมาร์ กัดดาฟี ลงได้เมื่อปี 2554 และปัจจุบันมีมหาอำนาจหลายชาติเข้ามายุ่งเกี่ยว นับแต่เดือนเมษายนปีที่แล้ว รัฐบาลข้อตกลงแห่งชาติ (จีเอ็นเอ) ในกรุงตริโปลีที่องค์การสหประชาชาติให้การรับรอง โดนโจมตีโดยกองกำลังของนายพลคาลิฟา ฮัฟตาร์ ที่มีฐานจากฝั่งตะวันออก ไม่กี่วันก่อนหน้านี้กองกำลังของฮัฟตาร์เพิ่งยึดเมืองเซิร์ต เมืองชายฝั่งที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์

    เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 11 มกราคม กองกำลังของฮัฟตาร์ประกาศหยุดยิง เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนของวันเสาร์ (05.00 น.วันอาทิตย์ของไทย) ตามข้อเรียกร้องร่วมกันของประธานาธิบดีเรเจป ทายยิป แอร์โดอัน ของตุรกี และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย

    ต่อมาช่วงเช้าวันอาทิตย์ ฟาเยซ อัล-ซารัจ ประธานาธิบดีของจีเอ็นเอ ประกาศยอมรับการหยุดยิง โดยให้เริ่มมีผลทันทีตั้งแต่วันอาทิตย์ โดยเขายังคงย้ำว่าจีเอ็นเอมีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะตอบโต้การโจมตีหรือการรุกรานของอีกฝ่าย ขณะที่ฝ่ายฮัฟตาร์เตือนเช่นกันว่าจะตอบโต้อย่างรุนแรงหากฝ่ายตรงข้ามละเมิดข้อตกลงนี้

    คณะผู้แทนของยูเอ็นในลิเบียแสดงความยินดีกับคำประกาศนี้ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพการหยุดยิง และสนับสนุนความพยายามเปิดการสานเสวนาระหว่างฝ่ายต่างๆ ในลิเบีย

    ด้านสันนิบาตอาหรับก็เรียกร้องให้กลุ่มต่างๆ ในลิเบียมุ่งมั่นที่จะยุติการสู้รบ, ทำงานเพื่อลดทอนความบานปลายทุกรูปแบบ และมีส่วนร่วมโดยสุจริตใจเพื่อให้บรรลุความตกลงหยุดยิงอย่างถาวร

    ข้อมูลของยูเอ็นระบุว่า การสู้รบช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา สังหารชีวิตพลเรือนมากกว่า 280 คน, นักรบเสียชีวิต 2,000 คน และทำให้ชาวลิเบียไร้ที่อยู่ 146,000 คน.