"สนธิรัตน์" รับกังวลอภิปรายย้อนยุค คสช. แต่ไม่ห่วง"บิ๊กตู่"หัวร้อน


เพิ่มเพื่อน    

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ขณะนี้ทราบว่ามีความชัดเจนในเรื่องบุคคลแล้ว จึงพอจะเห็นประเด็นว่าฝ่ายค้านจะหยิบประเด็นใดมาอภิปราย จากข้อกล่าวหาต่างๆ โดยจะมีการเตรียมข้อมูลอภิปรายในส่วนข้อกล่าวหานั้นๆ อีกทั้งต้องดูว่าข้อกล่าวหาจะเกี่ยวกับกระทรวงใดบ้าง ซึ่งเบื้องต้นได้เตรียมการไว้หมดแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะหยิบประเด็นใดมาจึงต้องคิดตามเนื้อหา ขณะที่ฝ่ายค้านก็อยู่ระหว่างเตรียมผู้อภิปราย เราจึงต้องติดตามแนวทางของฝ่ายค้านว่าจะออกมารูปแบบใด แต่ทางพรรคมั่นว่ารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทุกคนและรัฐบาลจะตอบคำถามของฝ่ายค้านได้

เมื่อถามว่า ในการอภิปรายดูเหมือนญัตติพุ่งเป้าไปที่ตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมทั้งอาจมีการเชื่อมโยงไปถึงการบริหารงานในยุคคสช.เป็นห่วงหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ไม่หนักใจ ขึ้นอยู่กับกรอบอภิปรายว่าสามารถอภิปรายในกรอบได้มากน้อยแค่ไหน แต่มองว่าการอภิปรายต้องพุ่งเป้าในกรอบการทำงานของรัฐบาลเป็นตัวตั้ง และเชื่อว่านายกฯ สามารถตอบคำถามและข้อข้องใจในสิ่งที่ฝ่ายค้านสงสัย จึงไม่มีอะไรหนักใจ แต่ยอมรับหนักใจหากมีการอภิปรายนอกกรอบ ในสิ่งที่ไม่ควรหยิบยกมาอภิปราย จึงต้องดูตอนนั้นอีกครั้งว่าสิ่งที่อภิปรายนั้นเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งต้องรอให้วิปทั้งสองฝ่ายหารือกันถึงกรอบการอภิปราย เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ เพราะการอภิปรายเป็นการตรวจสอบรัฐบาล รัฐบาลเองก็มีหน้าที่ชี้แจง ส่วนที่หลายฝ่ายเป็นห่วงเรื่องอารมณ์ของนายกฯ นั้น ตนไม่กังวล เพราะนายกฯเป็นผู้นำแต่อาจมีบุคลิกพิเศษ แต่ไม่ต้องกังวล

เมื่อถามว่า หลายฝ่ายห่วงว่าจะมีการขุดเรื่องเก่าในอดีตยุคคสช.เช่น เรื่องการยืมแหวนและนาฬิกา นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ย้ำว่าต้องให้วิปรัฐบาลพูดคุยกันกับฝ่ายค้านถึงกรอบการอภิปรายที่เหมาะสม แต่เรื่องข้อมูลทุกคนที่ถูกอภิปรายก็จะรู้อยู่แล้วว่าทำอะไร มีข้อเท็จจริงอยู่แล้วในหลักการ ดังนั้นเรื่องข้อมูลเป็นหน้าที่ต้องจัดเตรียม

เมื่อถามว่า วันนี้ดูเหมือนเสียงของรัฐบาลในสภาเข้มแข็งมากขึ้น แต่ห่วงว่าเสียงประชาชนนอกสภาอ่อนแอลงหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า กลไกการอภิปรายถือเป็นกลไกการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และหน้าที่รัฐบาลคือตอบข้อซักถามให้ได้ จึงเชื่อว่าเชื่อประชาชนจะตัดสินหากรัฐบาลตอบได้ และถือเป็นโอกาสของรัฐบาลในการชี้แจงและตอบข้อกล่าวหา ขณะเดียวกันมั่นใจว่าพรรคร่วมจะผนึกกำลังและช่วยกันชี้แจงในการอภิปราย

เมื่อถามว่า มีความชัดเจนหรือยังว่า 5 เสียงในพรรคเศรษฐกิจใหม่จะมาร่วมรัฐบาล นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคเศรษฐกิจใหม่ยังยืนอยู่ตรงกลาง แต่ทราบว่า นาย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ จะเป็นผู้อภิปรายในครั้งนี้ด้วย จึงยังพูดไม่ได้ว่า 5 เสียงของพรรคเศรษฐกิจใหม่ที่ประกาศถอนตัวจากพรรคฝ่ายค้านจะมาสนับสนุนรัฐบาล ส่วน 3 ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยที่ถูกคาดโทษนั้นก็เช่นเดียวกัน ยังไม่มีการพูดคุย เพราะปัจจุบันยังสังกัดพรรคเพื่อไทย และเป็นการคาดโทษภายในพรรค

เมื่อถามว่า ในการอภิปราบไม่ไว้วางใจครั้งนี้ได้มีการกำชับส.ส.ของพรรคในเรื่องการเสียบบัตรแทนกันอย่างไรบ้าง นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ได้กำชับมาโดยตลอด และเชื่อว่าครั้งนี้ประธานสภาจะให้เวลาเสียบบัตรลงคะแนนเพิ่มมากขึ้น เพราะได้รับรู้ถึงปัญหาและข้อจำกัดต่างๆ แล้ว

นายสนธิรัตน์ กล่าวถึง กรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องกรณีการเสียบบัตรแทนกันในการลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่า เรื่องดังกล่าวขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญ ต้องรอให้ศาลวินิจฉัยออกมา วันนี้ไม่ขอก้าวล่วงเพราะสภาส่งเรื่องไปที่ศาลแล้ว หากศาลพิจารณาอย่างไรเป็นเช่นนั้น ส่วนกรณีที่โพลสำรวจความคิดเห็นประชาชน โดยระบุว่า ควรให้ส.ส.ที่เสียบบัตรแทนลาออกนั้น อยากให้ฟังกันด้วยว่าปัญหาเกิดจากอะไร หากเกิดจากความไม่สะดวก เช่น ข้อจำกัดในสภาก็อยากให้ประชาชนเข้าใจ จึงขออย่าเพิ่งตีรวนว่าเป็นการเสียบบัตรแทนกันทั้งหมดต้องไปดูข้อเท็จจริงด้วย


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"