10 มี.ค.63-นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า คำถาม ทำไมถึงคิดว่า ประเทศไทยเข้าหรือจะเข้าระยะที่สาม ?

การเข้าเฟสสามซึ่งหมายความว่าเป็นการแพร่ระหว่างคนไทยด้วยกันเองอย่างหนาแน่น
การที่จะทราบว่าหนาแน่นอยู่ที่การตรวจ 
การตรวจที่ผ่านมาจะตรวจผู้ที่มีอาการต้องสงสัยและไม่ได้อยู่ในวงกว้าง นัก รวมทั้งการคัดกรองการเข้าประเทศ  ซึ่งแน่นอน ต้องมีการหลุดรอดเนื่องจากอาจมีการแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ในระยะฟักตัวหรือแม้แต่หลังจากนั้นก็ตามอาการอาจจะน้อยและมีจำนวนหนึ่งที่แทบไม่มีอาการเลย 
 
นอกจากนั้น การตรวจใช้วิธีพีซีอาร์  ซึ่งไม่แม่นยำดังที่พิสูจน์แล้วว่าถ้าใช้  serology แบบที่สิงคโปร์ทำจะสามารถระบุผู้ที่ติดเชื้อได้แม่นยำกว่าและพบแล้วว่ามีผู้ติดเชื้อในสิงคโปร์มากมายและเป็นที่มาของการกักตัวผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยง  ถ้าไม่ปฏิบัติตามมีโทษรุนแรง 
นายกสิงคโปร์ถึงกับกล่าวยกย่องศาสตราจารย์  linfa wang และตีพิมพ์ในวารสาร  science.
 ยกตัวอย่าง ชายหญิงสองคนกลับจาก wuhan ไม่ยอมกักตัว  ไปทำกิจกรรมแพร่เชื่อให้หกคน  สองในหกคนนั้นแพร่ให้อีกเจ็ดคน  หนึ่งในเจ็ดคนนั้นแพร่ให้อีก 16 คน 

ด้วยลักษณะการติดต่อ การเข้าออกระหว่างประเทศ การคมนาคม และการที่มีประชากรหนาแน่นในพื้นที่ในประเทศไทย โดยเริ่มจากแหล่งท่องเที่ยวและ เครือข่าย ไปทั่วประเทศ 

เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการติดเชื้อในลักษณะดังกล่าวแต่เนื่องจากการติดเชื้อ 80% อาการน้อยหรือแทบไม่มีอาการเลยดังนั้นยังดูว่าสถานการณ์นิ่ง

การพิสูจน์ระยะ3 อยู่ที่ การตรวจน้ำเหลืองดู Antibody  หรือใช้การตรวจ CT ปอด ในผู้ต้องสงสัย 
แต่ที่เห็นแน่ๆชัดๆ ก็คือมีผู้ป่วย  อาการรุนแรงขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ. ในพื้นที่และที่สถานพยาบาลต่างๆ 

แต่ถ้าเราไม่อยากเห็นสภาพเช่นนั้น ดังนั้นอาจจะยังไม่สายไปถ้าทุกคนในประเทศไทยเข้มงวดกับตนเองไม่นำตัวไปหาความเสี่ยง  ไม่แน่ใจว่ามีโรคไม่แพร่เขื้อให้คนอื่น  และมีมาตรการและวิธีการทำลายเชื้อในสถานที่สาธารณะที่มีการติดต่อสื่อสารของประชาชน  เป็นต้น.