ต่อต้านเผด็จการเป็นพิษ ปชป.กะซวกโอ๊คเหวอะ


เพิ่มเพื่อน    

  กระอักคาโซเชียลฯ "โอ๊ค" ทนไม่ได้เห็น "มาร์ค" บอกปกป้องประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ เหน็บอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ถามอยากรู้คนไทยกินหญ้าหรือกินข้าว เจอเด็ก ปชป. "ราเมศ" สวนกลับ จะอายมากถ้า "พ่อ-อา" หนีคดีแล้วแทรกแผ่นดินหนีไปอยู่ต่างประเทศ 

    จากกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวไว้เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ว่า 72 ปี ประชาธิปัตย์ ยืนหยัด ปกป้องประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ 6 เมษายน พรรคประชาธิปัตย์จะมีอายุ 72 ปี ซึ่ง 72 ปีที่ผ่านมานั้น อุดมการณ์ของพรรคมีความชัดเจน ยืนหยัดไม่เคยเปลี่ยน เราได้มีการต่อสู้กับเผด็จการทุกรูปแบบ เราปกป้องยึดมั่นประชาธิปไตย ยึดมั่นในระบบนิติรัฐ นิติธรรม ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ พรรคได้มีบทบาทในการกอบกู้วิกฤติของชาติหลายครั้ง มีโอกาสทำงานเป็นรัฐบาลที่มีความมุ่งมั่นไม่เพียงแต่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่วางรากฐานที่สำคัญของสังคมไทย และหลายยุคหลายสมัยก็มีโอกาสทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง ตรวจสอบ รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน และนำไปโพสต์เอาไว้ในเพจเฟซบุ๊กของพรรคประชาธิปัตย์นั้น 
     นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุกคดีคอร์รัปชัน โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra เหน็บแนมนายอภิสิทธิ์  
    ...โอ้วววว..ช่างกล้า..ประชาธิปัตย์..!! 
    55555555555
    ผมเห็นตอนแรกนึกว่าเพจล้อเลียน ปรากฏเป็นเพจของพรรคเก่าแก่จริงๆ ด้วย 5555555
    อยากรู้คนไทยกินหญ้าหรือกินข้าว เข้าไปอ่านแต่ละคอมเมนต์ รับรองหัวเราะกันก๊ากก!! เป็นผมล่ะ อายแทบแทรกแผ่นดินหนี
    อย่าลบ อย่าปิดเพจหนีนะครับ ผมจะช่วยโฆษณาให้
    เอ้าใครเห็นด้วยว่า “ประชาธิปัตย์ ยืนหยัดปกป้องประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ” ช่วยเข้าไปเชียร์หน่อยเร้วววว
    ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องนี้เช่นกัน โดยระบุว่า ขอหยิบยกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์การเมืองไทยเพียงสองเรื่องเท่านั้น (ที่จริงเรื่องราวที่ตอกย้ำกรณีของ ปชป.มีมากกว่านี้นับสิบเรื่อง แต่จะเยิ่นเย้อยืดยาวเกินไป) ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ช่วยกันพิจารณาว่า สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวไว้นั้น เป็นจริงหรือเป็นเท็จกันแน่
    1.โปรดอธิบายหน่อยว่า นายควง อภัยวงศ์ ไปรับทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีให้กับกลุ่มยึดอำนาจรัฐประหารทำลายรัฐบาลประชาธิปไตยสมัยนั้น และเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรอุบาทว์ที่ทหารเผด็จการเข้ามายึดอำนาจซ้ำๆซากๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า (นับทั้งชนะและแพ้รวม 25 ครั้งจนถึงครั้งนี้) และที่น่าอัปยศอดสูก็คือ คณะรัฐประหารส่งนายทหารระดับนายพันมาบอกให้นายควงออกจากนายกรัฐมนตรีเพื่อเปิดทางให้จอมพล ป. พิบูลสงครามมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีแทน
    ในตอนแรกนายควงอิดๆ ออดๆ แต่ถึงที่สุดแล้วก็ต้องจำยอม นี่เป็นการต่อสู้กับเผด็จการทุกรูปแบบ 
ปกป้องยึดมั่นประชาธิปไตย ในแบบฉบับของพรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่?
    2.รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้กำลังทหารทั้งสามเหล่าทัพในการ "ขอคืนพื้นที่" "กระชับพื้นที่" โดยใช้กำลังทหารประมาณ 60,000 นาย ใช้กระสุนจริงประมาณ 200,000 นัด ใช้กระสุนซุ่มยิง (สไนเปอร์) จำนวนประมาณ 2,000 นัด
    ในการสังหารประชาชนสองมือเปล่า (ร่วมร้อยศพ)  โดยการกล่าวอ้างว่าการชุมนุมของประชาชนคนเสื้อแดง มีกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหาร นี่เป็นการยึดมั่นในระบบนิติรัฐ นิติธรรมเช่นนั้นหรือ มีกฎหมายฉบับใดในประเทศไทย หรือกระทั่งในประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่เป็นอารยะทั้งปวง (ยกเว้นพวกอนารยะ พวกคอมมิวนิสต์ พวกฟาสซิสต์ พวกนาซี และพวกทรราชทั้งปวง) ที่อนุญาตให้รัฐบาลใช้กองทัพสังหารประชาชนสองมือเปล่าของตนเองด้วยอาวุธสงครามกลางเมืองจนนำไปสู่การตายของประชาชนร่วมร้อยศพเช่นนี้
    และหากจะมีกองกำลังติดอาวุธในการชุมนุมของคนเสื้อแดงจริง (จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีจริง) ก็ชอบที่ส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีของทัพบก ทัพเรือ ทัพอากาศ ตชด. แทรกซึมเข้าสู่เป้าหมายเพื่อยุติการกระทำและนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ส่งกำลังทั้งกองทัพ พร้อมพลแม่นปืนซุ่มยิง อาวุธสงครามจำนวนมหึมาดังกล่าว มาเข่นฆ่าประชาชนกลางเมืองเช่นนี้คือการปกป้อง นิติรัฐ นิติธรรมของ ปชป.ใช่หรือไม่
    อันที่จริงตั้งแต่สมัยที่ รสช.ฆ่าประชาชนสองมือเปล่ากลางถนนด้วยทหารจากกองทัพไทยโดยอาวุธสงคราม อานันท์ ปันยารชุน ในฐานะนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้มีคำสั่งไว้แล้วว่า "ห้ามใช้ทหารในการแก้ปัญหาการชุมนุมทางการเมืองของประชาชน แต่ให้ใช้ตำรวจที่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษเพื่อดำเนินการเท่านั้น"
    นายกรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ที่ชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็นหรืออย่างไร ประชาชนไทยทั้งประเทศโปรดช่วยกันพิจารณาหน่อยว่า สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ นั้น เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จกันแน่
    ต่อมานายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า รู้เลยว่านายพานทองแท้ไม่เคยศึกษาบทเรียนประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะบทเรียนที่เสียงข้างมากในระบอบประชาธิปไตย ที่ใช้เสียงข้างมากในการย่ำยี ทำลายประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์ยังยึดมั่นในอุดมการณ์ว่าพรรคจะไม่สนับสนุนระบอบและวิธีแห่งเผด็จการ ไม่ว่าจะเป็นระบอบหรือวิธีการของรัฐบาลใดๆ นี่คืออุดมการณ์พรรคที่มีมาตลอด 72 ปี  
    เขากล่าวว่า เข้าใจว่าความหมายประชาธิปไตยของนายพานทองแท้ คงจดจำแต่พฤติกรรมที่พรรคของบิดาคุณพานทองแท้และครอบครัวได้สร้างขึ้นมา เช่น คนในพรรคซื้อเสียงจนถูกยุบพรรค โกงจนติดคุกหนีไปต่างประเทศ คนในพรรคพยายามแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของพวกจนศาลตัดสินว่าออกกฎหมายโดยไม่ชอบ คนในพรรคออกกฎหมายล้างผิดให้คนที่เผาบ้านเผาเมือง คนที่คดโกงประเทศ คนในพรรคที่ออกนโยบายมาเพื่อโกงเงินของแผ่นดินมากที่สุดเกือบ 1 ล้านล้านบาท เช่น กรณีโกงในโครงการรับจำนำข้าว เป็นต้น 
    "ที่นายพานทองแท้พูดว่าอายอยากแทรกแผ่นดินหนี เมื่อเห็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่าประชาธิปัตย์ยืนหยัดปกป้องประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบนั้น ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าอาย เพราะคือความจริง ในทางกลับกัน ผมจะอายมากถ้าพ่อหรืออาผมหนีคดีแล้วแทรกแผ่นดินหนีไปอยู่ต่างประเทศ นี้คือสิ่งที่น่าอับอายในความคิดของผม"
    นายราเมศยืนยันว่า ประชาธิปัตย์ไม่เคยเรียกทหารให้ออกมายึดอำนาจ อย่างไรก็ตาม หลายคนที่ออกไปต่อสู้ร่วมกับประชาชนอยู่พรรคประชาธิปัตย์ แต่อย่าลืมว่านอกจากจะเป็น ส.ส.แล้ว ยังมีสถานะประชาชนคนหนึ่งด้วย อีกทั้งเขาก็ได้แยกตัวออกจากพรรค เพื่อออกมาต่อสู้กับรัฐบาลทรราช.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"