'รวมพลังประชาชาติไทย' แถลงจุดยืนไม่ร่วมแก้ รธน. ชี้เพิ่งใช้ได้ 3 ปียังไม่เจอปัญหา


เพิ่มเพื่อน    

15 ก.ย.63 - ที่อาคารแปซิฟิก ถ.สุขุมวิท นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขาธิการพรรคและนายทะเบียนพรรค พร้อมด้วย ส.ส.พรรค แถลงผลการประชุม พรรคมีมติเอกฉันท์ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้เหตุผลว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นนวัตกรรมทางกฎหมายที่มีขึ้นจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองครั้งใหญ่ในประเทศ ตั้งแต่เดือนต.ค. 2556 ถึงเดือนพ.ค. 2557 เพื่อเรียกร้องให้เห็นว่ารัฐบาลใช้เผด็จการรัฐสภาดำเนินการแก้กฎหมายสำคัญ เช่น แก้ที่มา ส.ว. ทำให้เกิดสภาเครือญาติ หรือสภาผัวเมีย หรือการแก้ไขให้รัฐบาลทำสัญญาใดกับต่างประเทศโดยไม่ต้องให้ความเห็นชอบจากรัฐสภา รวมทั้งกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย เพื่อช่วยเหลืออดีตนายกรัฐมนตรีที่ศาลพิจารณาว่ามีความผิดและช่วยคนของตนอีกจำนวนมากจากการเผาบ้านเผาเมือง

นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า ข้อดีของการตรารัฐธรรมนูญปี 2560 เกิดจากการรับบทเรียนที่เลวร้ายของประเทศ จึงต้องการผดุงหลักนิติรัฐนิติธรรม และปฏิรูปประเทศ ตั้งแต่หมวดว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยุทธศาสตร์ชาติและปฏิรูปประเทศ อีกทั้งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการทำประชามติที่สิ้นเปลืองงบประมาณไปเป็นอันมากกว่าหมื่นล้านบาท โดยผลของประชามติคือเสียงข้างมาก 16.8 ล้านเสียงยอมรับให้ประกาศใช้ จึงถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน

อย่างไรก็ตาม พรรคมีความเห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เพิ่งใช้ได้ 3 ปี ยังไม่ประจักษ์ว่ามีปัญหาไม่ดีงาม หรือเกิดสิ่งไม่พึงปรารถนากับประชาชน อาจมีเพียงแต่นักการเมืองไม่พอใจหรือไม่สมประโยชน์ เช่น ไม่ประสบความสำเร็จในผลการเลือกตั้งทั่วไปตามที่คาดหวัง บางพรรคที่ได้ ส.ส.เขตจำนวนมาก แต่ไม่ได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ต้องการให้คะแนนเสียงตกน้ำ เป็นการคลี่คลายปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดเผด็จการรัฐสภา ทั้งนี้ ไม่ได้แปลว่าพรรค รปช. ได้ประโยชน์จึงเห็นชอบ

“ลำพังประชาชนเรือนแสนหรือล้านไม่มีอำนาจล้มเผด็จการรัฐสภาได้ เพราะพวกเขามาในคราบประชาธิปไตย ที่จริงแล้วรัฐบาลทหารอยู่ไม่นาน หลายประเทศก็ล้มได้ แต่เผด็จการในคราบรัฐสภาล้มไม่ได้ง่ายๆ” หัวหน้าพรรครปช. กล่าว

นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการแก้ไข ม.272 ที่ให้ ส.ว.มีอำนาจโหวตนายกรัฐมนตรี ที่จริงเป็นเพียงบทเฉพาะกาลที่ใช้เพียง 5 ปี เมื่อครบก็จะสิ้นผลไปเอง และจากการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้รับเสียงเกินครึ่ง ไม่ต้องใช้เสียง ส.ว. ก็ได้ แต่หากไม่มีเสียง ส.ส. เกินครึ่งก็บริหารประเทศไม่ได้ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้มีพิษภัยขนาดนั้น จึงไม่เห็นความจำเป็นว่าต้องแก้กันในขณะนี้ 

อีกเหตุผลหนึ่งคือ ตาม ม.77 วรรค 2 บัญญัติว่าก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ ต้องจัดให้มีการรับฟังความเห็นของประชาชนที่เกี่ยวข้อง และนำมาพิจารณาในการตรากฎหมายทุกขั้นตอน แต่ขณะนี้ยังไม่มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการแก้รัฐธรรมนูญและไม่มีการเปิดเผยผลการรับฟังและการวิเคราะห์ในกระบวนการตรากฎมายที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ม.77

นายทวีศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการตั้ง ส.ส.ร. พรรคเห็นว่าพวกเขาจะมาจากเครือข่ายพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่ๆ และทิศทางที่จะเขียนกฎหมายก็จะได้รับอิทธิพลจากความคิดของพรรค หรือบางฝ่ายมองว่าการตั้ง ส.ส.ร. เป็นกระบวนการยื้อหรือซื้อเวลา แต่ไม่ว่าใครจะมีวาระแฝงเร้น แต่ รปช. มองว่า ถ้าตั้ง ส.ส.ร. มา เหมือนการเซ็นเช็คเปล่า เป็นอันตรายที่รัฐธรรมนูญของดีที่มีอยู่อาจจะกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ หรือบางคนจะมองว่าถ้าร่างมาแล้วก็ต้องลงประชามติอยู่ดี แต่การลงประชามติก็ต้องใช้เงินเป็นหมื่นล้าน และในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มันควรหรือไม่

นายทวีศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จากนี้พรรคมีแนวทางให้ ส.ส. ทุกคนไม่ร่วมลงชื่อเสนอญัตติในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่พรรคร่วมรัฐบาลเสนอ ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาเป็นกบฎหรือทรยศหักหลัง สิ่งนี้ไม่ใช่นโยบายร่วมกันในการบริหารประเทศ แต่เป็นเรื่องปรัญชาการเมืองที่แต่ละพรรคควรมีอิสระในจุดยืนของตัวเอง พร้อมโหวตไม่เห็นด้วยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 วาระ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"