'สุวพันธุ์'ซัดพวกแตะต้องสถาบันล่วงล้ำ-ไม่บังควรบีบคั้นหัวใจคนไทยกว่าสิบล้าน


เพิ่มเพื่อน    

11 ต.ค.63-นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูน สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา  เปิดเผยว่า ตนขอพูดความรู้สึกในใจในวาระพิเศษเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนการธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่มีต่อปวงชนชาวไทยมา อย่างยาวนานและไม่มีที่สิ้นสุด แม้พระองค์ท่านจะจากพวกเราไปแล้วก็ตาม ความทรงจำ ความ จงรักภักดี มิได้เสื่อมคลายลงไปแม้แต่น้อย พูดแบบคนไทยทั่วไปว่า คิดถึงพระองค์ท่านเหลือเกิน ดีใจเหลือเกินที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงงานเพื่อ สืบสาน รักษา ต่อยอด ที่สมเด็จพระราชบิดาได้ทรงงานไว้

“สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับสังคมไทยมากว่า 700 ปี พระมหากษัตริย์กับราษฎรมี ความรัก ใกล้ชิด และเกื้อกูลต่อกันมาอย่างยาวนาน เวลานี้น่าเสียใจที่มีคนบางคนกระทำการที่ ล่วงล้ำก้ำเกิน ขาดซึ่งความควรหรือมิบังควร ที่สำคัญที่สุดคือ คนเหล่านั้นไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึก ของคนไทยนับสิบๆ ล้านคนที่ต้องอดทนอย่างที่สุดกับการที่ต้องรับฟัง รับทราบ หรืออ่านเรื่องราวที่ บีบคั้นหัวใจ คนเหล่านั้นเขียน พูด แบบนั้นได้อย่างไร ทั้งดูถูก ดูหมิ่น ให้ร้าย ไม่ได้ให้ความเคารพ ต่อความเป็นมนุษย์ของทุกฝ่าย แม้แต่คนธรรมดาเขายังไม่ทำกับคนธรรมดาด้วยกันเลย ผมไม่ได้ พูดเองคิดเองนะ ผมพูดจากความรู้สึกของคนจำนวนมากที่ผมได้ไปพบมา ได้ไปพูดคุยด้วย ได้อ่าน ได้ดูความเห็นที่เขาระบายออกมาภายในกลุ่มผ่านสื่อสังคมออนไลน์ “นายสุวพันธุ์ กล่าว

 นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า กรรมาธิการวิสามัญฯมีหน้าที่และอำนาจในการทำงานที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้ติดตามทุก ประเด็นที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเป็นห่วง และยังพอวางใจได้ว่าหน่วย งานที่เกี่ยวข้องทำงานไปได้มากพอสมควร รู้ข้อเท็จจริงเกือบทุกมิติที่เกี่ยวข้องตัวบุคคล เรื่องราว ความเชื่อมโยง ความคิด ที่สำคัญเป้าหมายของคนบางคนเป็นอย่างไร เป็นอย่างพวกเขาพูด หรือมีอะไรที่ยิ่งกว่าที่ไม่ได้พูด ตนปล่อยให้กฎหมายดำเนินไปใครทำถูก ใครทำผิด ก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง แต่ก็มีคนจำนวนมาก บอกผ่านมายังผมว่าต้องทำงานกันให้มากกว่านี้ ไม่ควรปล่อยปะละเลย

นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ตนเห็นพูดกันในวงกว้างว่า ต้อง เปลี่ยนแปลงต้องคำว่า Change ไม่ใช่ว่าคนรุ่นตนไม่รู้จัก ไม่ได้คิด ไม่ได้ทำกัน พวกคนแก่อย่างเราทำมานาน ทุกวันนี้ก็ยังพยายามจะเปลี่ยนแปลงให้ประเทศชาติเราดีขึ้น ประสบการณ์สอนเราว่า การจะเปลี่ยนแปลงอะไรใน ครอบครัว ในหน่วยงาน ในสังคม ต้องเริ่มต้นด้วยการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดอย่างให้ความ เคารพซึ่งกันและกัน  ไม่ใช่การข่มขู่คุกคาม จะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน บางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ บางเรื่องไม่ใช่เวลาที่ควรทำ การจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใด ต้องสร้างความเชื่อใจขึ้นมาให้ได้เสียก่อน ถ้าไม่ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกทั้งหมดในสังคมนั้นแล้ว การเปลี่ยนแปลงนั้นจะไม่มีวันสำเร็จ บางเรื่อง ผลอาจจะเลวร้ายกว่าที่คิด เพราะสิ่งที่คิดและทำมันทำลายชาติบ้านเมือง สร้างความแตกแยก 

ในส่วนการชุมนุมวันที่ 14 ต.ค.นั้น คงไปห้ามไม่ได้ ทุกฝ่ายเข้าใจดีถึงความรู้สึกของคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพียงแต่ไม่พูดยอมรับกันออกมาอย่างเปิดเผย เพราะเป็นเรื่องเหลี่ยมคูการชุมนุม ตนอยู่กับการชุมนุมและกิจกรรมทางการเมืองมานานพอสมควรตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจนทำงานเกษียนจึงเห็นทุกเรื่องราว เข้าใจปัจจัยของความสำเร็จและความล้มเหลว รับรู้ถึงเกมที่ คนอยู่เบื้องหลังเล่น แกนนำทำงาน ผู้ชุมนุมเป็นพลังหน้างาน ยังเคยคิดว่างานชุมนุมก็เหมือนเกม บนกระดานหมากรุก มีครบตั้งแต่คนเดินหมากไปจนถึงขุนถึงเบี้ย เคยเห็นรับรู้รับทราบความเจ็บปวดของผู้ชุมนุม เวลาผ่านไปเป็นสิบปีก็ไม่สามารถผ่อนคลายความเจ็บปวดนั้นได้ ทุกครั้งที่มี การชุมนุมก็จะมีความเสี่ยงต่อการความรุนแรงเสมอ ไม่มีใครอยากให้เกิด 

“แต่อารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ อารมณ์ที่ถูกปลุกถูกยุระหว่างการชุมนุม มันไม่เข้าใครออกใคร สมัยก่อนมาจากบนเวที แต่วันนี้มัน ไม่ได้มาจากบนเวทีอย่างเดียว มันมาในทวิตเตอร์หรือไลน์ก็ได้ บางเวลาคนปลุกคนยุไม่ได้อยู่ในที่ ชุมนุมด้วยมั้ง สติและปัญญาจึงเป็นสิ่งสำคัญ อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ผมคิดว่าทุกคนสามารถ คิดได้ ไม่อยากเห็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นโดยทุกฝ่าย แต่อย่างที่บอกพอก้าวเท้าลงถนน ความเสี่ยง ก็จะมาพร้อมกัน ขอฝากความห่วงใยไว้กับทุกฝ่ายทุกคน”
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"