อดีตส.ส.กทม.เพื่อไทยฉะ 'ปชป.' เล่นบทสองหน้าทั้งรัก-ทั้งเกลียด'คสช.'


เพิ่มเพื่อน    

11 พ.ค.61 - นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีต สส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรองผู้ว่ากทม. ซึ่งเป็นอดีตผู้สมัครส.ส.เขตหลักสี่ และเป็นแกนนำ กปปส.สั่งห้ามทำกิจกรรมช่วยเหลือประชาชนและให้เก็บป้ายของนักการเมืองออกทุกจุด โดยมีจดหมายของ ผอ.เขตหลักสี่ ไปถึงผู้อำนวยการสาขาพรรคเพื่อไทยเขตหลักสี่ว่า แม้ล่าสุดนายสกลธี  ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯจะออกมาปฎิเสธ ว่า ผอ.เขตเข้าใจผิดเอง นับเป็นความซวยของผู้อำนวยการเขต  แต่ไม่เชื่อเพราะเขตเลือกตั้งตน ที่เขตคลองสามวา ก็โดยผู้อำนวยการเขตคลองสามวาโทรมาสั่งให้ปลดป้ายเช่นเดียวกัน อยากปลดก็ยินดีแต่ถ้าป้ายของสภาวัฒนธรรมที่เป็นประธานสภาฯติดในที่เอกชนที่ถูกต้องตามกฎหมาย ผู้อำนวยการเขตฯ จะโดนข้อหาลักทรัพย์ทำให้เสียทรัพย์แน่นอน  ที่สำคัญหากการช่วยเหลือประชาชนกทม.ทำได้ดี นักการเมืองก็คงไม่ต้องลงไปช่วยเหลือชาวบ้าน  เพราะวันนี้ฝนตกทีท่อก็ตันน้ำก็ท่วม                                         

นายจิรายุ กล่าวว่าหากมองการเมืองต้องมองให้ลึกซึ้งก็จะเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังเล่น 2 หน้าหรือไม่ เพราะภาพใหญ่แม้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ออกมาประกาศไม่เอา คสช.และด่าทุกวันในช่วงนี้ ซึ่งก็อาจเป็นแค่ หมอกจางๆ หรือควัน เท่านั้นเองเพราะดูแล้วพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากทม.เป็นลูกหม้อของ พรรคประชาธิปัตย์ แม้จะได้รับการแต่งตั้ง จากอำนาจ ม.44โดยพลเอกประยุทธ์ แต่ที่ผ่านมาผู้ว่าฯก็ยังแต่งตั้งพลพรรคประชาธิปัตย์เข้ามามากมายในศาลาว่าการ กทม. หมายความว่า คสช.กำลังโดนหลอกให้รักหรือไม่เพราะทางหนึ่ง ประชาธิปัตย์บอกเกลียด คสช.ทางหนึ่งก็ทำงานให้ คสช. สุดท้ายเลยไม่รู้ว่าตกลงใครโดนหลอกกันแน่ระหว่าง คสช.และประชาชน  แนะ พลเอกประยุทธ์ รีบเอ็กเรย์ ข้าราชการการเมืองของ กทม. หลังใช้อำนาจลงพื้นที่หาเสียงเอาเปรียบ 

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า วันนี้ประชาชนชาวกทม.กำลังจับตามอง กทม.หาก ผู้ว่าฯอัศวิน ไม่รู้ว่าข้าราชการการเมืองที่แต่งตั้งด้วยตนเองไปใช้อำนาจเพื่อผลปะโยชน์ทางการเมือง ไปเกี่ยวพันกับการจัดซื้อจัดจ้างอะไรบ้าง หรือ ไปสั่งให้เจ้าหน้าที่เขตพาไปพบชุมชนอ้างว่ามาติดตามงาน และเที่ยวไปสัญญาว่าจะให้ ทั้งๆที่หลายเขตแต่ก่อนมีทั้งผู้ว่ากทม.มี สส.,สก.,สข. จากพรรคประชาธิปัตย์แท้ๆ ยังทำไม่ได้ ซึ่งหากผู้ว่าฯไม่รู้ตนก็จะไม่ว่าอะไร แต่หากรู้และยังทำเพิกเฉย ก็หมายความว่า มีทฤษฎีสบคบคิดเกิดขึ้นจริง 

"พลเอกประยุทธ์ น่าจะลองให้ทีมงานไป เอ็กเรย์ ดูว่าในกทม.มีข้าราชการการเมืองที่สังกัดพรรคการเมือง แต่งตั้งโดยผู้ว่าฯ ในตำแหน่งต่างๆไปกี่คน ที่ไปใช้อำนาจสั่งข้าราชการให้ลงพื้นที่จนข้าราชการเขต อึดอัดอย่างมาก หลายคนเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่เตรียมจะลง สส.กทม.ชัดเจนแถมควงนักการเมืองท้องถิ่นสังกัดพรรคตัวเองไปร่วมกันใช้ทรัพยากรของรัฐ อันมาจากภาษีประชาชนลงพื้นที่หาเสียงจนน่าเกลียด ตนขอเรียกว่าพวกนี้เป็นพวกไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ เอาเปรียบทุกๆด้าน   แต่ถ้าไม่คิดจะลง สมัคร สส. ตนจะขอถอนคำพูดและจะขึ้นป้ายยกย่องสรรเสริญ เพราะถือว่าทำให้กับประชาชน แต่หากวันไหนประกาศลงสมัคร สส. นั่นหมายความว่าที่ผ่านมาไม่ใช่สุภาพบุรุษและประชาชนเก็บข้อมูลไว้แล้วถึงวันนั้นชาวบ้านจะเป็นผู้ตัดสิน"
 
เขา กล่าวว่าที่ผ่านมาเห็นว่า  พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ ม.44 แต่งตั้งผู้ว่าฯอัศวินเพื่อมาแก้ไขปัญหา ให้เกิดความเป็นกลางและโปร่งใส ปลอดพรรคการเมือง และแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมานานของกทม. แต่วันนี้กลับทำท่าจะซ้ำรอยเดิม  ซึ่งสำนักงานปราบโกงของพรรคเพื่อไทยในส่วนกรุงเทพมหานครก็จะดำเนินการตรวจสอบการใช้งบประมาณการใช้อำนาจในทางมิชอบ ของกทม. ซึ่งที่ผ่านมาปีกว่ามีผู้ร้องเรียนเข้ามาพร้อมข้อมูลมาที่พรรคอย่างน้อย 11 โครงการ และ 5 โครงการเป็นโครงการขนาดใหญ่  และสำนักงานปราบโกงจะนำข้อมูลร้อง ต่อ ปปช. ต่อไป 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"