ซัด4ปี‘ปฏิรูป’แค่พิธีกรรม หญิงหน่อยขย่มประชารัฐ


เพิ่มเพื่อน    

  ปชป.ซัด 4 ปี คสช.ปฏิรูปเหลว ปรองดองแค่พิธีกรรม ไม่กล้าปราบโกงคนในรัฐบาล แนะเปิดใจกว้างรับฟังเสียงวิจารณ์ "หญิงหน่อย" ย้อนประชารัฐต่างจากประชานิยมตรงไหน อ้างเพื่อแม้วทำประชาธิปไตยกินได้ 

    เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเสียงวิจารณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในโอกาสครบรอบ 4 ปี คสช.ว่า ขอเรียกร้องให้ คสช.เปิดใจกว้างรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ นำข้อเสนอที่ดีมีประโยชน์ไปปรับปรุงแก้ไขให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม อยากเห็น คสช.มุ่งเดินหน้าแก้ปัญหามากกว่าแก้ตัวไปวันๆ ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ คสช.เข้ามามีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ประชาชนจำนวนไม่น้อยอยากเห็นการแก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้าง เพื่อวางรากฐานที่ดีให้ประเทศชาติ แต่การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างน้อยมาก ทำให้เสียโอกาสไปพอสมควร
    อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลา 4 ปี คสช.มีการทำงานที่พอจะสัมผัสได้ และที่ยังไม่สามารถสัมผัสได้ ดังนี้ การทำงานที่พอสัมผัสได้คือ 1.ความตั้งใจและความพยายามในการแก้ไขปัญหาต่างๆ 2.ยุติการเผชิญหน้าของกลุ่มต่างๆ ช่วยลดความขัดแย้ง ก่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมือง 3.ยุติรัฐบาลที่ฉ้อฉลอำนาจ ใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง มีการประพฤติมิชอบ ทุจริตคอร์รัปชันอย่างกว้างขวาง
    สำหรับการทำงานที่ยังไม่สัมผัสได้คือ 1.เรื่องการปฏิรูป ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา คสช.ได้ตั้งสภา คณะกรรมการ คณะทำงานมากมายหลายชุด แต่ไม่สามารถจุดประกายให้ประชาชนสัมผัสได้ โดยเฉพาะการปฏิรูปตำรวจ การปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูปสังคมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ 2.การปรองดอง เป็นอีกหนึ่งคำสัญญาที่ประชาชนไม่สามารถมองเห็นเป็นรูปธรรมจนสัมผัสได้อย่างชัดเจน อาจเห็นเพียงพิธีกรรมผ่านกลไกภาครัฐบางส่วนเท่านั้น 3.การป้องกันและปราบปรามการทุจริต จะเห็น คสช.ฟิตในช่วงแรกๆ แต่พอมีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นกับคนที่ใกล้ชิดผู้มีอำนาจ เกิดกรณีการเลือกปฏิบัติ ทำให้ประชาชนยังไม่สัมผัสได้อย่างชัดเจน 4.การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง 5.การแก้ไขปัญหาพืชผลการเกษตรตกต่ำ
    "ขณะนี้ คสช.ยังมีเวลาที่เหลืออยู่อีกเกือบหนึ่งปีที่จะทำงานแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงจนประชาชนสามารถสัมผัสได้ จึงอยากให้ คสช.ทุ่มเทความรู้ความสามารถแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเพื่อประโยชน์สุขของสังคมส่วนรวมต่อไปในเวลาหนึ่งปีนับจากนี้" นายองอาจระบุ
    นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่า ในวาระครบรอบ 4 ปีของ คสช. ถือเป็นเรื่องปกติที่ภาคส่วนต่างๆออกมา ประเมินผลงานของ คสช.และรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้งนั้นถือเป็นประเด็นที่มีการประเมินเป็นพิเศษ เหตุเพราะสังคมคาดหวังการปฏิรูปสูง ซึ่ง คสช.ควรน้อมรับคำวิจารณ์ และที่สำคัญควรประมวลผลงานที่เป็นรูปธรรมแถลงหรือรายงานต่อประชาชนว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ คสช.ได้ปฏิรูปไปแล้ว หรือกำลังดำเนินการอยู่ โดยเอาข้อเท็จจริงมาพูดกันมากกว่าจะใช้โวหารวาทกรรมตอบโต้กันไปมา
    ทั้งนี้ บางเรื่องต้องยอมรับว่า คสช.ได้ริเริ่มและวางแนวทางใหม่ๆ ไว้บ้าง ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานถึงจะเห็นผล บางเรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการ แต่มีหลายเรื่องที่คสช.ยังไม่ดำเนินการ ถ้าชี้แจงตรงไปตรงมาถึงความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรค เชื่อว่าการปฏิรูปประเทศจะไม่เป็นแค่เกมการเมืองที่ต่างคนต่างพูดเพื่อทำให้ตัวเองดูดีเท่านั้น ขณะที่พรรคการเมืองจะต้องจริงจังกับความต้องการของประชาชน โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ ถ้าวาระเรื่องปฏิรูปประเทศไม่มีความชัดเจน หรือเป็นแค่เกมชิงอำนาจ การเมืองอาจจะวนกลับสู่ความล้มเหลวอีกครั้ง ซึ่งการปฏิรูปประเทศอาจจะเสียของในรัฐบาลหนึ่ง หรือล้มเหลวในยุคสมัยหนึ่ง แต่ต้องไม่ทำให้การปฏิรูปกลายเป็นของเสีย หรือทำให้ประชาชนสิ้นหวังเพราะไม่เช่นนั้นเราจะกลายเป็นประเทศที่ไม่มีอนาคต
    นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า การบริหารงานของ คสช. ในช่วง 4 ปี พบว่าปัญหาความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม การปิดกั้นเสรีภาพและการขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน การรวมศูนย์อำนาจมากเกินไปเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การทำงานต่างๆ ของรัฐบาลไม่บรรลุเป้าหมาย การกระจายอำนาจ กระจายโอกาส การเปิดกว้างให้เกิดการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง จะช่วยให้การแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ผลงานต่างๆและการปฏิรูปด้านต่างๆ อาจมีความก้าวหน้ามากขึ้น หาก คสช.ไม่คิดสืบทอดอำนาจ และหาทุนจัดตั้งพรรคการเมืองหรือใช้อำนาจหรือผลประโยชน์ในการดูดกลุ่มการเมืองให้สนับสนุนตัวเองหลังการเลือกตั้ง 
      ด้านพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ "ใครบอกว่ารัฐบาล คสช. ไม่มีผลงาน" ว่า ใครจะมองว่ารัฐบาล คสช.ไม่มีผลงาน แต่สำหรับพวกเรานักสู้ชาวเวทีแจ้งวัฒนะ ต่างมองเห็นสารประโยชน์ที่รัฐบาล คสช.ทำให้แผ่นดินไทย โดยที่รัฐบาลที่ผ่านๆ มาทำไม่ได้   โดยผลงานที่ คสช.ทำแล้วประทับใจมากที่สุด คือ 1.ทำให้บ้านเมืองสงบ 2.ทำให้สถาบันปลอดภัย 3.ทำให้ทรัพยากรของชาติได้รับการฟื้นฟู 4.ทำให้พระธรรมวินัยกลับมาบริสุทธิ์ บริบูรณ์มั่นคงดังเดิม เหล่านี้คือหนึ่งในหลากหลายตัวอย่างผลประโยชน์ที่รัฐบาล คสช.กระทำให้คนไทย
    นายชวลิต วิชยสุทธิ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และอดีตรองเลขาธิการพรรค กล่าวถึงกรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล เป็นการหาทางออกให้ประเทศเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งว่า เป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนควรนำไปขบคิดว่าจะเป็นทางออกของประเทศในขณะนี้ได้หรือไม่ เมื่อเทียบกับระบบที่เป็นอยู่ภายใต้กติการัฐธรรมนูญ 2560 จะนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากวังวนความขัดแย้งได้หรือไม่
    นายวราวุธ ศิลปอาชา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยว่า จากการที่ได้พบและพูดคุยกับกลุ่ม LGBTQ หรือ Lesbian Gay Bisexual Transsexual และ Questioning ทำให้ทราบว่าการดำเนินชีวิตของกลุ่ม LGBTQ ในประเทศไทยยังคงประสบปัญหาในหลายเรื่อง เช่น การยอมรับและความเท่าเทียมกันในด้านต่างๆ ในสังคมไทยในปัจจุบัน รวมทั้งการไม่เปิดโอกาสทางด้านกฎหมายให้มีการแต่งงานกันของคนที่มีเพศต่างจากชายหญิง ทั้งนี้ พรรคพร้อมผลักดันตามข้อเสนอของกลุ่ม LGBTQ ให้เป็นนโยบายที่จะเปิดโอกาสในการรวมตัวของกลุ่ม LGBTQ ต่างๆ ทั่วประเทศให้เป็นในรูปแบบขององค์กรหรือสมาคม และเสนอปรับปรุงกฎหมายต่างๆ ให้เป็นรูปธรรม 
    ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ท่าพระจันทร์ มีการจัดการเสวนาสาธารณะ “The Move We Decide ก้าวที่เลือกได้” จัดโดยโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) ร่วมกับเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) ซึ่งมีคุญหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผู้มีอำนาจพยายามเปลี่ยนคำว่า “ประชานิยม” โดยเหมารวมนโยบายของรัฐส่งลงไปสู่พี่น้องประชาชนรากหญ้า และนิยามว่าเป็นเรื่องเลวร้าย มีการออกกฎหมายห้ามทำ เนื่องจากผิดวินัยการเงินการคลังและเป็นการทุจริต และแสดงให้เห็นว่าการที่พรรคการเมืองได้คะแนนเสียงนั้น มาจากการหลอกประชาชน 
    อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเกษตรกร ทราบว่าอะไรเป็นผลดีของพวกเขา จึงเกิดคำว่าประชาธิปไตยกินได้ขึ้นมา แต่เมื่อผู้มีอำนาจไม่เข้าใจความเดือดร้อนของประชาชน จึงมองว่าสิ่งเหล่านี้ทำเพื่อหวังคะแนนเสียง แต่พวกเขาเองกลับใช้คำว่า "ประชารัฐ” ซึ่งไม่รู้ว่ามีความแตกต่างกับประชานิยมอย่างไร.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"