ลุ้นตัวโก่ง!’เอกชัย’พร้อมพวกฟังคำสั่งคดีขวางขบวนเสด็จฯ


เพิ่มเพื่อน    

31 มี.ค.2564 -  เพจศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนโพสต์รูปพร้อมเนื้อหาว่า เวลา 10.00 น. 5 ผู้ต้องหา ได้แก่ เอกชัย หงส์กังวาน, บุญเกื้อหนุน เป้าทอง, สุรนาถ แป้นประเสริฐ และประชาชนอีก 2 ราย จะเดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เพื่อฟังคำสั่งในคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 “ประทุษร้ายเสรีภาพราชินี” กรณีถูกกล่าวหาว่าได้เข้าไปขัดขวางขบวนเสด็จของพระราชินีและสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าทีปังกร ระหว่างการเสด็จผ่านบริเวณถนนพิษณุโลก เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563

คดีนี้มีนายศรายุทธ สังวาลย์ทอง และ พ.ต.ท.พิทักษ์ ลาดล่าย เป็นผู้กล่าวหา เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 63 ในระหว่างการชุมนุม #ม็อบ14ตุลา ของ “คณะราษฎร” ราว 17.00 น. ระหว่างที่กลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มหลักได้เคลื่อนขบวนจากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังทำเนียบรัฐบาล อีกด้านบริเวณถนนพิษณุโลก ด้านหน้าของทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันจำนวนหนึ่ง เกิดเหตุการณ์ที่ขบวนเสด็จฯ ผ่านเข้ามาในที่ชุมนุมโดยที่ไม่มีใครทราบมาก่อนล่วงหน้า ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นช่วงเวลาหนึ่ง มีการผลักและดันกันจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาคอยกั้นแนวระหว่างผู้ชุมนุมและรถขบวนเสด็จฯ

ภายหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เพียงแค่ 2 วัน (16 ตุลาคม 2563) ปรากฏว่ามีผู้ถูกออกหมายจับจากกรณีดังกล่าว 2 ราย คือ เอกชัยและบุญเกื้อหนุน บุญเกื้อหนุนเมื่อทราบข่าวว่ามีหมายจับจึงได้เดินทางไปที่ สน.ดุสิต เพื่อมอบตัวก่อนการจับกุม ในขณะที่เอกชัยเตรียมจะเดินทางไปสถานีตำรวจ แต่ได้ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัว ต่อมาในวันที่ 21 ตุลาคม 2563 เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมตัวสุรนาถที่บ้านตามหมายจับ ทั้งที่กำลังจะเดินทางไปหลังทราบว่ามีการออกหมายจับเช่นกัน 

ทั้งหมดถูกกล่าวหาว่า “ร่วมกันพยายามกระทําการประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 110 ต่อมาพนักงานสอบสวนยังมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกสามข้อหา ได้แก่ ข้อหามั่วสุมกันโดยใช้กำลังประทุษร้ายทำให้เกิดการวุ่นวายในบ้านเมืองฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215, กีดขวางทางสาธารณะ และกีดขวางการจราจร

ในจำนวนทั้งสามคน มีบุญเกื้อหนุนที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัว ขณะที่เอกชัยและสุรนาถศาลไม่ได้ประกัน ทำให้ทั้ง 2 คนต้องถูกคุมขังเป็นเวลา 18 และ 13 วัน ตามลำดับ ก่อนที่ต่อมาศาลจะยกคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2563  โดยที่กรณีของสุรนาถยังถูกเจ้าหน้าที่นำตัวแยกไปที่เรือนจำบางขวางด้วย

ต่อมายังมีรายงานว่ามีผู้ถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีกสองราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม รวมทำให้รวมมีผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 5 ราย

ต่อมาวันที่ 28 มกราคม 2564 พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งห้าต่ออัยการ พนักงานอัยการได้เลื่อนฟังคำสั่งมาแล้วสามครั้ง หากอัยการมีคำสั่งฟ้องในวันพรุ่งนี้ จะทำให้ผู้ต้องหาทั้ง 5 กลายเป็นจำเลยคดีตามมาตรา 110 กลุ่มแรกในประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย ซึ่งกำหนดโทษต่ำสุดตามวรรคหนึ่งคือโทษจำคุก 16 – 20 ปี ในขณะที่โทษสูงสุดคือจำคุกตลอดชีวิต 

สำหรับคดีนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายในส่วนของนายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง นักศึกษาสาขาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกิจการทั่วโลก วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล และนายสุรนาถ แป้นประเสริฐ นักกิจกรรมด้านการพัฒนาชุมชนและเยาวชน.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"