'อบจ.จุฬาฯ' ฟังทางนี้! ความเท่าเทียมไม่มีจริง แค่วาทกรรมหลอกเด็ก

‘หมอวรงค์’ ออกโรงสอนองค์การนิสิตจุฬาฯ ความเท่าเทียมไม่มีจริง แค่วาทกรรมปลุกระดมหลอกใช้เด็ก อย่าอ้างเลิกประเพณีอัญเชิญพระเกี้ยว ด้อยค่าสถาบัน

25 ต.ค. 2564 – นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ #ความเท่าเทียมไม่มีจริง โดยระบุว่า “กิจกรรมขบวนอัญเชิญพระเกี้ยว สนับสนุนและสะท้อนถึงระบอบอำนาจนิยมรวมถึงค้ำยันความเชื่อว่าคนไม่เท่ากัน”

ข้อความดังกล่าวของแถลงการณ์ที่นายกองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเผยแพร่ออกมา ไม่ใช่สะเทือนความรู้สึกของชาวจุฬาเท่านั้น แต่สะเทือนความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศด้วย

เพราะจุฬาฯ เป็นของประชาชน ไม่ใช่ของเขา และไม่เพียงแต่เขากำลังทำลายรากทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน ที่คนไทยร่วมภูมิใจกับชาวจุฬาฯ แต่ลึกๆ แล้ว เขาต้องการด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยอ้างคำที่สวยหรูคือความเท่าเทียม

อยากจะบอกน้องๆ กลุ่มนี้ว่า ความเท่าเทียมไม่มีจริง ไม่ว่าประเทศไหนในโลก เป็นเพียงวาทกรรมไว้ปลุกระดม หลอกคนที่ไม่มีวุฒิภาวะ ไม่มีประสบการณ์ชีวิต เป็นเหยื่อให้เขาหลอกใช้ เพื่อให้เขาได้อำนาจ ไม่เชื่อไปดูที่บริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ก็ได้ว่า คนที่นั่นเท่าเทียมกันไหม

ในฐานะที่ผมก็เคยเป็นนายกสโมสรนักศึกษาเคยถูกปั่นมาแล้ว ขอแนะนำน้องๆ ว่า ถ้าคิดว่าคิดผิด ควรที่จะปรับปรุงตนเอง ตั้งใจเรียนให้จบ หางานทำ เพื่อสร้างชีวิตที่ดี เมื่อเหมาะสมให้มาเป็นนักการเมือง อย่าเข้ามาโกง แค่นี้ประชาชนก็จะสรรเสริญ

ไม่ใช่เรียนเท่าไรก็ไม่ยอมจบ อยู่เพื่อถูกเป็นเครื่องมือ ให้เขาหลอกใช้ ด้วยวาทกรรมหลอกเด็ก สุดท้ายก็ติดคุกหลายคน ส่วนคนที่หลอกเด็กก็ยังสุขสบาย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หมอวรงค์ ลั่นเมื่อรบแล้วต้องจบ เตือน 'อนุทิน' ไม่สั่งหยุดยิงกลางคันเหมือนรัฐบาลก่อน

หมอวรงค์ลั่นการสู้รบครั้งนี้ต้องทำให้สุด ต้องให้เขมรรู้จักประเทศไทย ที่สำคัญ ต้องไม่มีการหยุดยิงกลางคัน เหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา

'หมอวรงค์' มองภาพ 'เบนสมิธ' ร่วมวง 'ทักษิณ-ธรรมนัส' น่ามีผลต่อปท. มากกว่ารูปเก่า 'อนุทิน'

ภาพที่มีเบน สมิธกับทักษิณ และมีธรรมนัส น่าจะมีน้ำหนักสร้างผลกระทบต่อประเทศชาติมากกว่า เมื่อเทียบกับภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้วของนายอนุทิน แต่สิ่งที่นายอนุทินต้องพิสูจน์ อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างผ่านมาทางธรรมนัสก็ได้